ภูตน้ำลักษณะคล้ายผู้เฒ่าลัทธิขงจื๊อคนหนึ่งโผล่หัวออกมาจากผิวน้ำ ลังเลอยู่นานกว่าจะขยับเข้ามาใกล้อย่างขลาดกลัว
ยังคงไม่กล้าขึ้นฝั่งเข้ามาใกล้คนทั้งสอง เพียงยืนอยู่ในลำคลอง เอ่ยเสียงสั่น “ราชันย์เฮยเหอให้ข้านำความมาบอกเซียนซือทั้งสองท่านว่า ขอแค่ปล่อยตัวฟู่ไห่หยวนจวินไป เซียนซือทั้งสองก็เอาสมบัติที่อยู่ในถ้ำสถิตของฟู่ไห่หยวนจวินไปได้ตามสบาย ถือเสียว่าเป็นการผูกบุญสัมพันธ์ต่อกันครั้งหนึ่ง”
สตรีที่อยู่ในหลุมก้มหน้าลง
บัณฑิตเอ่ยสัพยอกว่า “พ่อของเจ้าคนนี้ไม่กังวลเรื่องความเป็นความตายของเจ้าเลยจริงๆ แค่ส่งทหารกุ้งหอยปูปลาให้มารับมือกับพวกเราเนี่ยน่ะ?”
สตรีเพียงแค่ก้มหน้าไม่พูดจา ความจองหองและโทสะก่อนหน้านี้ล้วนไม่เหลืออยู่เลย
ภูตตนนั้นเอ่ยอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “สองแคว้นเปิดศึกกันล้วนไม่สังหารทูตที่มาช่วยเจรจา ไม่ว่าเซียนซือทั้งสองท่านจะตอบรับหรือไม่ก็ควรปล่อยให้ข้านำความกลับไปแจ้งที่โพรงมังกรเฒ่า”
บัณฑิตหลุดขำกับคำพูดของอีกฝ่าย เขาหันหน้ามามองเฉินผิงอัน “เอาอย่างไร?”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็กลับไปเถอะ บอกไปว่าพวกเรายอมตอบรับเงื่อนไขนี้”
บัณฑิตเอ่ยเสริมไปว่า “แต่ฟู่ไห่เทียนจวินท่านนี้ต้องอยู่ต่อก่อน”
ภูตผู้นั้นร้องโอดครวญ “ราชันย์เฮยเหอบอกข้าว่าต้องพาหยวนจวินเหนียงเนียงกลับไปด้วยกันให้ได้”
เฉินผิงอันกล่าว “ทำงานได้ไม่ดีพอก็อาจจะมีโอกาสตายด้วยน้ำมือของราชันย์เฮยเหอ แต่ถึงอย่างไรก็คงดีกว่าต้องมาตายที่นี่อย่างแน่นอนกระมัง?”
ภูตตนนั้นหดคอ รีบหันหลังกลับแล้วเผ่นหนีไปในน้ำทันที
บัณฑิตเอ่ย “ข้าจะไปบุกประตูใหญ่ของจวนใต้น้ำตอนนี้เลยนะ?”
เฉินผิงอันชี้ไปยังสตรีที่อยู่ในหลุมพลางพยักหน้ารับ “ข้าจะเฝ้าอยู่ที่ผิวน้ำใกล้กับถ้ำสถิตแห่งนั้น เจ้าพานางไปไว้ข้างกายด้วยเลย ไม่แน่ว่าระหว่างทางอาจถูกเจ้าพูดเกลี้ยกล่อมได้สำเร็จ และนางยอมเปิดประตูใหญ่ให้ด้วยตัวเอง จะช่วยลดปัญหาความยุ่งยากไปได้มาก”
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้มัวอืดอาดชักช้า บัณฑิตกุมลำคอของสตรีเรือนกายกำยำผู้นั้นอีกครั้งแล้วกระชากนางมาไว้ในมือ เฉินผิงอันก็ติดตามบัณฑิตมุ่งหน้าไปยังลำคลองตอนบนด้วยกัน
สุดท้ายบัณฑิตก็ผลุบหายลงไปใต้น้ำ
เฉินผิงอันยืนอยู่ข้างลำคลอง
หนึ่งเค่อต่อมา
เฉินผิงอันหัวเราะหยันอยู่ในใจ ตะพาบเฒ่าตัวนี้ตัดสินใจได้เด็ดขาดและอำมหิตเสียจริง ถึงขนาดไม่สนใจชีวิตของบุตรสาวเลยหรือ?
เห็นเพียงว่าตลอดทั้งลำคลองเฮยเหอ น้ำในลำคลองที่เดิมทีขุ่นมัวพลันเปลี่ยนมาเป็นสีหมึก จากนั้นกระแสน้ำนับตั้งแต่ตอนบนของลำคลองที่ห่างไปไกลเป็นต้นมาก็จับตัวกลายเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว
ดูท่าคงจะตัดสินใจแล้วว่าจะสังหารบัณฑิตที่ลงน้ำไปหาสมบัติให้ตายอยู่ในลำคลอง
ไม่เพียงเท่านี้ ม่านฟ้าที่ห่างไปไกลยังมีชายร่างกำยำที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยสายฟ้าตัดสลับถักทอกันพุ่งบุกมาสังหารอย่างดุดัน
คือขุนพลเทพชื่อเหลยแห่งภูเขาจีเซียว
ทว่านอกจากท่านนี้แล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มีปีศาจตนอื่นมาเข้าร่วมและล้อมโจมตีอีก พวกปีศาจที่รวมถึงอริยะใหญ่ปานซานนั้น หากไม่ไปหลบอยู่ไกลยิ่งกว่าก็คงเลือกที่จะอยู่เฉยรอดูสถานการณ์ไปก่อน
เฉินผิงอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หรือว่าปีศาจแห่งภูเขาจีเซียวตนนี้รู้ว่ามีคนไปขุดเอาแส้สายฟ้าสีทองพวกนั้นมา ไม่มีที่ให้ระบายไฟโทสะ พอได้รับการแจ้งข่าวจากตะพาบเฒ่าก็เลยทิ้งพันธมิตรคนอื่นๆ บุกมาสังหารศัตรูที่นี่เพียงลำพัง?
ตะพาบเฒ่าร่ายวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิต ผนึกน้ำในลำคลองเฮยเหอให้กลายเป็นน้ำแข็งในระยะร้อยลี้ ความผิดปกติเช่นนี้ ต่อให้เฉินผิงอันมีใจแต่ก็ไร้กำลังจะรับมือ
ทว่าถึงอย่างไรก็ควรจะต้องขัดขวางปีศาจแห่งภูเขาจีเซียวตนนั้นไว้สักหน่อย
ดูท่าปีศาจที่ตั้งบรรดาศักดิ์ให้ตัวเองเป็นขุนพลเทพชื่อเหลยผู้นี้จะโมโหจริงๆ ตอนนั้นที่อยู่บนภูเขาตี้หย่ง รอบกายยังมีแค่แผ่นป้ายสองแผ่นล้อมวน ตอนนี้กลับเพิ่มมาเป็นสามแผ่น ด้านบนเขียนคำสั่งวิชาอสนีเอาไว้ มีความเป็นไปได้มากว่าจะหลอมมาจากแส้สายฟ้าสีทอง
เขาหยุดลอยตัวอยู่กลางอากาศ คำรามกร้าว “เจ้าโจรชั่ว เป็นเจ้าที่ขโมยบ่อสายฟ้าของข้าไปใช่หรือไม่?!”
เฉินผิงอันอึ้งตะลึง ก่อนจะยิ้มเอ่ยว่า “หากข้ามีความสามารถเทียมฟ้าเช่นนั้นจริง พวกเจ้าที่อยู่ภูเขาตี้หย่งจะยังมีชีวิตรอดกันอีกหรือ?”
เขาเหมือนจะเสียสติไปแล้ว เอาแต่คำรามไม่หยุด บนร่างก็ปลดปล่อยประกายแสงสายฟ้าออกมาอย่างต่อเนื่อง “เจ้าโจรชั่วสมควรตาย กล้าทำลายรากฐานของข้า ข้าจะต้องทำให้เจ้าถูกแล่เนื้อเถือหนังเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง ข้าจะดึงเอาจิตวิญญาณของเจ้าออกมาแล้วให้รับทัณฑ์สายฟ้าร้อยปีพันปี!”
เขากระโจนมายังริมตลิ่งลำคลองเฮยเหอแห่งนี้ ขณะเดียวกันก็เผยร่างจริงของภูตครึ่งตัวอยู่กลางอากาศ มีศีรษะเป็นอินทรีสีทอง และมีร่างคนสูงจั้งกว่าๆ
ป้ายคำสั่งทั้งสามแผ่นแยกกระจายตัวกันออกไป
เขาปล่อยหมัดต่อยเข้าใส่เฉินผิงอัน
เฉินผิงอันไม่ได้ชักกระบี่ แค่ใช้หมัดต้านรับ
ไม่เสียแรงที่ปีศาจขึ้นชื่อเรื่องเรือนกายที่แข็งแกร่งทนทาน เฉินผิงอันที่ยืนอยู่บนพื้นไถลออกไปหลายจั้ง ปีศาจอินทรีทองตนนั้นก้าวยาวๆ มาข้างหน้า แผ่นป้ายคำสั่งทั้งสามต่างก็มีสายฟ้าสีทองเชื่อมโยงพวกมันไว้ด้วยกัน เวลานี้ก็มีสายฟ้าขนาดเท่าแขนคนสาดยิงเข้าหาเฉินผิงอันอย่างต่อเนื่อง วิถีการโคจรยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ ไม่แยกแยะศัตรูหรือคนกันเอง เพียงแต่ว่าเมื่อสายฟ้าตกกระทบลงบนร่างของปีศาจตนนั้นกลับไม่เพียงแต่ไม่สามารถหยุดยั้งเรือนกายของมันไว้ได้ กลับกันยังแผ่ลามไปทั่วกายภายในเสี้ยววินาที สุดท้ายไปรวมตัวกันอยู่ที่แขน หมัดแรกของมัน บนหมัดเต็มไปด้วยแสงสีทอง ตลอดทั้งลำแขนก็เหมือนมีงูตัวเล็กสีทองหลายสิบตัวนอนขดอยู่
เฉินผิงอันคิดจะต่อสู้ประชิดตัวกับอีกฝ่าย เขาไม่เพียงแต่ไม่ใช่เจี้ยนเซียน แม้แต่ชูอีสืออู่ที่อยู่ในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ก็ยังไม่เรียกออกมาด้วย
หมัดของทั้งสองฝ่ายปะทะกันเนื้อต่อเนื้อ
ปีศาจตนนั้นฮึกเหิมพร้อมเข่นฆ่า มันหัวเราะเสียงเหี้ยมไม่หยุด ทุกครั้งที่ออกหมัดจะต้องมาพร้อมกับพลานุภาพของสายฟ้าที่ดังครืนครั่น แสงสีทองบนร่างก็ยิ่งระเบิดพร่างตา
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บนภูเขาตี้หย่ง ยามที่คนผู้นี้เผ่นหนีอย่างกระเซอะกระเซิงได้ถูกวานรย้ายภูเขาเหวี่ยงค้อนทุบหนึ่งครั้งก็กระอักเลือดไม่หยุด สีหน้าซีดขาว ร่างโซซัดโซเซ เรือนกายที่อ่อนแอถึงเพียงนี้ก็ยังกล้าจะมาวัดด้านความแข็งแกร่งทนทานของเรือนกายกับข้าผู้อาวุโสอย่างนั้นหรือ?
เตียวน้อยตัวนั้นพูดไม่ผิดเลยจริงๆ ไอ้หมอนี่คือผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่ง แต่บางทีอาจเป็นเพราะกระบี่ยาวที่สะพายไว้ด้านหลังมีระดับขั้นสูงเกินไป จึงไม่อาจควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ ทุกครั้งที่ใช้จึงต้องเผาผลาญปราณวิญญาณไปอย่างมหาศาล อีกทั้งในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ก็ต้องไม่มีทางชดเชยกลับมาให้เต็มพร้อมได้แน่นอน
มิน่าเล่าทั้งก่อนและหลังถึงได้กล้าแค่ไปหาเรื่องตำหนักกว่างหานและตะพาบน้อย!
แต่หากเปลี่ยนมาเป็นบัณฑิตที่มีวิชาคาถามากมายผู้นั้น มันก็คงไม่กล้าประมาทมาต่อสู้ประชิดตัวกับอีกฝ่ายเช่นนี้
บุรุษร่างกำยำปล่อยหมัดคู่ออกไปพร้อมกับคำรามเสียงแหบแห้ง “คืนบ่อสายฟ้าข้ามา!”
เฉินผิงอันใช้สองฝ่ามือต้านรับสองหมัด คราวนี้ร่างของเขาแน่นิ่งไม่กระดุกกระดิก
ท่ามกลางสายฟ้าที่แลบแปลบปลาบและลมพายุที่พัดกระหน่ำ ปีศาจที่มีศีรษะเป็นอินทรีทองตนนั้นเห็นใบหน้าที่ถูกเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ รวมไปถึงสายตาที่เดิมทีควรคุ้นเคย แต่กลับไม่คุ้นเคย
หัวใจของเขาบีบรัดตัวแน่น รีบร้อนถอยหนี
เฉินผิงอันยกเท้ากระทืบลงบนพื้นหนักๆ หนึ่งทีก็มาอยู่ด้านหน้าปีศาจในเสี้ยววินาที หมัดหนึ่งถูกปล่อยออกไปอย่างเบาสบาย
ปีศาจตนนั้นประเมินน้ำหนักหมัดของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ครั้นจึงปล่อยหมัดออกไปเต็มกำลัง เห็นได้ชัดว่าคิดจะใช้บาดแผลแลกบาดแผลกับเจ้าหมอนี่!
หมัดของอีกฝ่ายไม่เจ็บไม่คันอย่างที่คาดไว้จริงๆ น่าจะเทียบเคียงได้กับพละกำลังของผู้ฝึกยุทธขอบเขตห้าของนอกหุบเขาผีร้ายเท่านั้น ทว่าหมัดนี้ของตนกลับกระแทกลงบนใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างจัง
แต่เหตุใดศีรษะของอีกฝ่ายถึงไม่เคลื่อนขยับเลยเล่า?
ผิดปกติ!
หมัดที่สองพุ่งมาถึงแล้ว
เร็วเกินไป
ปีศาจกัดฟันแลกเปลี่ยนหมัดกับอีกฝ่ายต่ออีกครั้ง
หลังจากหลายหมัดผ่านปี ขุนพลเทพชื่อเหลยผู้นี้ก็ค้นพบด้วยความตะลึงพรึงเพริดว่า การที่ตนคิดจะแลกเปลี่ยนอาการบาดเจ็บกับอีกฝ่ายกลายเป็นเรื่องที่เพ้อฝันเสียแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นหลายหมัดก่อนหน้านี้ หรือการกระแทกใส่ของสายฟ้าจากป้ายคำสั่งแห่งชะตาชีวิตสามเส้น คนผู้นี้ก็ยังคงไม่รู้สึกรู้สา หรือเขาจะเป็นคนบ้าที่ไม่รู้จักหวาดกลัวความเจ็บปวด?
หลายสิบหมัดผ่านไป
ศีรษะของปีศาจก็ถูกหมัดหนึ่งต่อยจนเละ
ร่างสูงหนึ่งจั้งกว่าที่ไร้ศีรษะถอยกรูดไปด้านหลัง
ไม่รู้ว่าเป็นการโจมตีสุดท้ายที่ดิ้นรนก่อนตายหรือไม่ แสงสีทองที่ป้ายคำสั่งทั้งสามปลดปล่อยออกมาถึงได้ทำให้รัศมีสิบจั้งรอบกายเฉินผิงอันมีแต่สายฟ้า ประหนึ่งอยู่ในบ่อสายฟ้าขนาดเล็กบนยอดเขาจีเซียวแห่งนั้น
เฉินผิงอันถูกสายฟ้านับไม่ถ้วนพันธนาการกักขังไว้ภายใน ชั่วขณะนั้นยังไม่อาจหลุดพ้นออกมาได้ ชุดคลุมอาคมสีเขียวบนร่างปรากฎรอยฉีกขาดเป็นเส้นๆ
แต่สายตาของเฉินผิงอันกลับจ้องมองไปยังศพนั้น
แล้วก็จริงดังคาด ศพที่หัวแหลกเละนั้นแนบติดไปกับพื้นดินแล้วพุ่งถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนอยู่ใกล้กับป้ายคำสั่งป้ายหนึ่ง บิดหมุนลำคอไม่กี่ทีก็มีศีรษะของอินทรีทองงอกขึ้นมาใหม่อีกหัวหนึ่ง
มือข้างหนึ่งของเขาทำมุทรา มืออีกข้างหนึ่งพลันเอื้อมไปกุมป้ายคำสั่งแผ่นนั้น เอ่ยเสียงทุ้มหนักว่า “เจ้าตัวดี ที่แท้ตอนอยู่ภูเขาตี้หย่งเจ้าก็แสร้งทำตัวเป็นเศษสวะอยู่ตลอดเวลา! ไม่เสียแรงที่เป็นผู้ฝึกกระบี่ที่สมควรตายมากที่สุด เรือนกายไม่แพ้ให้กับผู้ฝึกยุทธเลย”
ทะเลเมฆใกล้เคียงกับภูเขาจีเซียวซัดตลบกลิ้งหลุนๆ จากนั้นก็หยุดนิ่งไปในทันใด
นาทีถัดมากลางอากาศเหนือบ่อสายฟ้านี้ก็มีสายฟ้าเส้นหนาเท่าปากบ่อผ่าเปรี้ยงลงมาใส่เฉินผิงอัน
เฉินผิงอันปล่อยหนึ่งหมัดออกไป
สายฟ้าแหลกสลาย ทว่าสายฟ้าแต่ละเส้นที่ปริแตกแยกตัวออกมากลับพุ่งเข้าไปวิ่งชนอยู่ในบ่อสายฟ้าอย่างสะเปะสะปะ เป็นเหตุให้แก่นสายฟ้าเข้มข้นขึ้นอีกหลายส่วน
ปีศาจตนนั้นพุ่งมายังจุดที่มีป้ายคำสั่งแผ่นที่สอง คว้ามันไว้ในมืออีกครั้งแล้วหัวเราะหยันเอ่ยว่า “ผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่ง อย่างอื่นไม่เรียน กลับมาเรียนวิชาหมัดอะไรนี่ จงออกหมัดต่อไป ออกหมัดได้ตามสบาย ข้าอยากจะรู้นักว่าเรือนกายที่มีเนื้อหนังมังสานี้ของเจ้าจะสามารถประคับประคองตัวอยู่ในบ่อสายฟ้าของข้าได้นานแค่ไหน!”
แล้วสายฟ้าหนาใหญ่อีกเส้นหนึ่งก็ร่วงดิ่งลงมาเหนือหัว
เฉินผิงอันที่ถูกกักตัวให้อยู่ที่เดิมยังคงปล่อยหมัดขึ้นสู่ที่สูง
สายฟ้าที่ถูกต่อยจนแตกกระจายก็ยังคงซัดไหลกรากกรูเข้ามาในบ่อสายฟ้าอย่างบ้าคลั่ง
ปีศาจมาถึงจุดที่ตั้งของป้ายคำสั่งแผ่นที่สามแทบจะเวลาเดียวกัน
หลังจากบังคับให้สายฟ้าเส้นที่สามในทะเลเมฆเหนือภูเขาจีเซียวผ่าลงมาด้านล่างแล้ว
ในมือของเขาก็มีทวนยาวสายฟ้าเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งลำ
ขณะที่คนผู้นั้นใช้มือข้างหนึ่งออกหมัดไปต้านทานสายฟ้าที่อยู่เหนือศีรษะ เขาก็ขว้างทวนสายฟ้าในมือออกไป
จิตใจของปีศาจพลันสั่นสะท้าน
เห็นเพียงว่าคนผู้นั้นยื่นฝ่ามือออกมาเบื้องหน้า ต้านรับปลายแหลมของทวนสายฟ้าเอาไว้ทั้งอย่างนั้น
ทวนยาวบุกรุดหน้าไปอย่างต่อเนื่อง แสงสีทองสาดกระจาย ปริแตกไปทีละชุ่น ส่วนฝ่ามือของคนผู้นั้นก็เพียงแค่ยกค้างอยู่ที่เดิม
สุดท้ายเฉินผิงอันกำหมัด กำทวนสายฟ้าที่สุดท้ายเหลือแค่ท่อนเล็กๆ ไว้ในฝ่ามือ โยนเข้าไปในบ่อสายฟ้าแล้วยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “มาอีก”
ปีศาจอินทรีทองพลันตะโกนก้อง “ตะพาบเฒ่า! อย่าเพิ่งไปสนใจเจ้าเด็กที่อยู่ใต้น้ำนั่น รีบออกมาช่วยข้าสังหารศัตรูก่อน! ค่อยๆ ฆ่าไปทีละคน!”
ทางฝั่งของต้นน้ำลำคลองเฮยเหอ น้ำในลำคลองเกาะตัวเป็นน้ำแข็ง มีผู้เฒ่าสวมชุดดำคนหนึ่งยืนอยู่บนผิวน้ำ ยกฝ่ามือข้างหนึ่งตั้งตรงวางไว้เบื้องหน้าเลียนแบบภิกษุ มืออีกข้างหนึ่งงอนิ้วสองข้างแล้วเคาะเบาๆ ก็มีเสียงเคาะปลาไม้ของในวัดดังออกมาเป็นระลอก ลมปราณแผ่กระเพื่อมเป็นริ้วคลื่นแล้วกระจายตัวออกไปเป็นวงๆ
ทุกครั้งที่เคาะก็จะมีตัวอักษรในพระคัมภีร์ที่เป็นสีดำเรียงเป็นแถวพากันผลุบหายเข้าไปในน้ำแข็งของลำคลองเฮยเหอตามริ้วคลื่นเหล่านั้น
ตอนที่ปีศาจแห่งภูเขาจีเซียวตะโกนเรียก ผู้เฒ่าชุดดำก็ท่องบทสวดบทหนึ่งเสร็จพอดี
เขาลังเลอยู่เล็กน้อย น่าจะเป็นเพราะรู้สึกว่าขุนพลเทพชื่อเหลยผู้นั้นพูดถูกแล้ว ดังนั้นจึงสะบัดไหล่หนึ่งที จำแลงร่างจริงออกมา เป็นตะพาบเฒ่าที่ตัวโตราวกับขุนเขาตัวหนึ่งจริงๆ
ตะพาบเฒ่าวิ่งตะบึงเข้าหาเฉินผิงอัน ทุกครั้งที่เท้าทั้งสี่เหยียบพื้นก็ถึงกับทำให้แผ่นดินไหวภูเขาโยกคลอน
เฉินผิงอันหัวเราะเสียงเย็น “พี่มู่เม่า หากยังมัวนั่งดูไฟชายฝั่งอยู่อีกก็คงทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องแล้วจริงๆ”
เสียงหัวเราะดังกังวานสะเทือนฟ้าดังขึ้นทันใด
บัณฑิตแหวกผิวลำคลองที่เป็นน้ำแข็งออกมา ลอยตัวอยู่กลางอากาศสูง เขาสะบัดเศษน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนที่ติดกายทิ้งประหนึ่งเกล็ดหิมะที่พร่างพรม
บัณฑิตขว้างตราประทับทองแดงรูปชื่อหลงเข้าใส่ตะพาบเฒ่าที่เผยร่างจริง ตราประทับชิ้นเล็กๆ กลับมีความเร็วราวกับสายฟ้า วูบเดียวก็พุ่งหาย จากนั้นเสียงเพี๊ยะก็ดังกังวานใสแจ๋ว ตราประทับแนบติดอยู่กลางกระดองสีดำขนาดมหึมาที่เหมือนขุนเขาของตะพาบเฒ่า เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ทั้งสองอย่างนี้มีขนาดต่างกันราวฟ้ากับเหว
แต่ไม่รู้ว่าทำไม ตะพาบเฒ่าร้องโหยหวนหนึ่งครั้งก็พลันรู้สึกเหมือนว่าแบกภูเขาลูกยักษ์ไว้บนกระดอง
น้ำหนักมหาศาลจนไม่อาจแบกรับไว้ได้ พริบตานั้นขาทั้งสี่ก็กางแบะออก หน้าท้องแนบติดกับพื้นผิวลำคลอง น้ำแข็งปริแตกดังสนั่นหวั่นไหว
บัณฑิตตบมือ “สร้างคุณความชอบนำไปก่อน พี่ชายคนดี ถึงตาเจ้าแล้ว”
เจี้ยนเซียนที่อยู่ด้านหลังเฉินผิงอันออกจากฝักเสียงดังเคร้ง ไหนเลยจะมีเวลามามัวสนใจสายฟ้าที่ถักทออยู่รอบกาย เขาเหมือนเซียนที่กุมกระบี่แล้วยกขึ้นฟันฉับออกไป ผ่าจากหัวจรดเท้าจนร่างของปีศาจอินทรีทองตัวนั้นแบะออกเป็นสองท่อน
โอสถทองขนาดเท่ากำปั้นที่เกิดจากการรวมตัวกันของวิญญาณทั้งหมดพุ่งออกมาจากเลือดเนื้อครึ่งร่างแล้วเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว
ป้ายคำสั่งอสนีสามแผ่นก็หายวับไปในชั่วพริบตา กลายเป็นแสงสีทองสามจุดที่ผสานรวมกับโอสถทองเม็ดนั้น
เสียงเคร้งดังขึ้น
เสียงร้องโหยหวนของดวงวิญญาณที่อยู่ในโอสถทองก็พลันดังกึกก้องไปทั่วทั้งผิวน้ำแข็งของลำคลองเฮยเหอ
เพียงแต่ว่าโอสถทองไม่ได้แหลกสลายไปเพราะเหตุนี้ ความเร็วในการหลบหนีของมันหยุดชะงักเล็กน้อย หลังจากกระบี่บินชูอีกระแทกชนโอสถทองแล้วก็ถูกดีดกลับมา หมุนคว้างเป็นวงอย่างรวดเร็วหนึ่งรอบ ปลายกระบี่ชี้ไปยังโอสถทองเม็ดนั้นของปีศาจอีกครั้ง จากนั้นกระบี่บินชูอีก็พุ่งวูบหายไป ลากเส้นยาวๆ สีขาวหิมะแสบตาทิ้งไว้กลางอากาศ
โอสถทองจำต้องเปลี่ยนวิถีการโคจร เบี่ยงไปด้านข้างหลายองศาถึงจะหลบเส้นสีขาวนั่นมาได้พ้น
หลังจากปะทะกันสองครั้งก็สามารถทิ้งระยะห่างช่วงหนึ่งกับกระบี่บินที่แสงกระบี่ประหนึ่งหิมะขาวได้อย่างพอดิบพอดี
ในที่สุดก็สู้สุดใจจนมองเห็นโอกาสรอดเสี้ยวหนึ่ง มองเห็นแสงสว่างหลังจากรอดพ้นหายนะมาได้
ทว่าแสงกระบี่สีเขียวกลับพุ่งตรงดิ่งลงมาจากกลางอากาศสูง
แทงทะลุโอสถทองเม็ดนั้น
บัณฑิตปรบมือหัวเราะชอบใจ “สองกระบี่ร่วมมือกันช่างสมบูรณ์แบบไร้ช่องโหว่ ช่างเป็นกระบวนท่าที่เยี่ยมยอดจริงๆ”
โอสถทองเม็ดนั้นกำลังจะปริแตก และก่อนที่บัณฑิตจะเอ่ยประโยคนี้ก็ได้โยนกระดาษที่มีคุณลักษณะคล้ายผ้าฝ้ายอ่อนนุ่มแผ่นหนึ่งออกมาห่อหุ้มโอสถทองไว้ภายนอก จากนั้นก็ยื่นมือมาคว้าทั้งกระดาษและโอสถทองไว้ในมือ
เฉินผิงอันสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง เจี้ยนเซียนกลับคืนสู่ฝัก ราวกับว่ายังไม่สาแก่ใจมากพอ ท่าทางของเจี้ยนเซียนจึงไม่ใคร่จะยินดีนัก
ชูอีกับสืออู่ก็ทยอยกันบินกลับเข้ามาในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ที่อยู่ในมือของเฉินผิงอัน
เฉินผิงอันผูกน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ให้เรียบร้อย เขย่งปลายเท้าดีดตัวไปใกล้กับตะพาบเฒ่าที่นอนพังพาบแน่นิ่งไม่ขยับ
บัณฑิตเองก็พลิ้วกายลงที่ริมตลิ่ง
—–