ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 27 ความผิดปกตินี้มาจากไหน

ตอนที่ 27 ความผิดปกตินี้มาจากไหน

ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 27 ความผิดปกตินี้มาจากไหน

เพราะคำพูดประโยคสุดท้ายนี้ทำให้เท้าของลู่จ้านเกือบตกหลุมอากาศ อับอายต่อหน้าเจียงหลี

มุมปากของเขากระตุกอย่างรุนแรง และทันใดนั้นเขาก็รู้ว่าจุดสนใจของหญิงสาวผู้นี้ดูเหมือนจะแตกต่างกันจากคนอื่นเล็กน้อย ในเวลานี้แทนที่จะกังวลเกี่ยวกับคำเตือนของเขาและนางเองก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการคัดเลือกในครั้งต่อไป แต่กลับกังวลว่าตนจะพักที่ไหนในค่ำคืนนี้

ใจกล้าเกินไปหรือไม่

“จะมีคนจัดเตรียมให้” ลู่จ้านตอบอย่างเย็นชาแล้วเดินออกไปต่อหน้าต่อตาเจียงหลี

ในขณะที่ดินไปไกลแล้ว เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีกิ่งก้านปกบัง และหัวเราะอย่างเงียบๆ โชคดีที่ไม่มีใครเห็นรอยยิ้มของเขา ไม่อย่างนั้นเกรงว่าหลายคนที่รู้จักเขาคงจะตกใจน่าดู

“น่าสนใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบคนที่ไม่เกรงกลัวข้า” ลู่จ้านพูดเสียงเบา

เขารู้ดีว่าตั้งแต่การพบกันครั้งแรกจนถึงตอนนี้ หญิงสาวที่ชื่อเจียงหลีไม่ได้แสดงออกถึงร่องรอยของความหวาดกลัวหรือความยำเกรงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขา

ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสในตระกูลลู่อย่างเขาผู้ซึ่งเชี่ยวชาญพลังการต่อสู้ไม่ต่างจากคนธรรมดาต่อหน้านาง

ลู่จ้านไม่ได้หลอกลวงเจียงหลี

ไม่นานหลังจากที่เขาจากไปก็มีคนเข้ามาและพานางไปพักผ่อนในกระท่อมหลังหนึ่ง

ต่อมาเจียงหลีถึงได้รู้ว่าคนอย่างนาง ‘รอคนจัดการให้’ นั้น ก็สามารถอาศัยอยู่ในเพิงเท่านั้น

การแข่งขันคัดเลือกจะจัดขึ้นทุกสามวัน ผู้คนที่เข้าร่วมในทุกครั้งมีทั้งคนเก่าและคนใหม่

หากพูดถึงความเป็นธรรม

เป็นไปได้ไหมว่าหากประสบความสำเร็จในการฝึกฝนตนในอนาคตและเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีระดับสูงกว่าตนเอง เจ้าต้องบอกกับเขาว่า เดี๋ยวก่อน รอให้ข้าฝึกฝนจนมาถึงระดับเดียวกันกับเจ้า แล้วเรามาแข่งขันกันอย่างยุติธรรมเถอะ

เป็นเวลาสามวันติดต่อกันที่เจียงหลีอยู่อย่างเงียบๆ ในกระท่อม เพื่อสัมผัสกับโลกอย่างละเอียดและฝึกฝนความรู้สึก

เซียวเซียวไม่ได้มาพบนางและนางก็ไม่ได้ไปหาเขา อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งหมดอยู่ในถ้ำเก้าปีศาจ เขาไม่สามารถหนีไปได้

สามวันต่อมา นี่เป็นครั้งที่สองที่เจียงหลีเข้าร่วมการคัดเลือก คราวนี้นางไม่ได้ช่วยคนอื่นให้ผ่านระดับนี้ และนางเองก็ไม่ได้แย่งชิงเพื่อเอาที่หนึ่ง

อย่างไรก็ตามความผิดปกติของนางยังคงทำให้ลู่จ้านพูดไม่ออก เห็นได้ชัดว่านางมีความสามารถในการต่อสู้เป็นที่หนึ่ง แต่นางปฏิเสธที่จะออกมาจากขบวนรบทุบพันครั้งฝึกร้อยครา

ชอบถูกทำร้ายหรือ หลังจากการคัดเลือกสิ้นสุดลง ลู่จ้านมองดูร่างที่เปียกโชก อีกทั้งมีเลือดออกจากจมูกและปาก แต่เจียงหลีกลับยิ้มอย่างมีความสุขและเกิดคำถามในใจ

“สามวันต่อจากนี้ เจ้ายังมีโอกาสครั้งสุดท้าย” เมื่อออกไปลู่จ้านตั้งใจหยุดข้างๆ เจียงหลีเพื่อเตือนนาง

สามวันผ่านไปอีกครั้ง และเป็นเก้าวันแล้วที่เจียงหลีมาที่ถ้ำเก้าปีศาจ

นางเปลี่ยนจากคนที่มาใหม่ เป็นคนที่อยู่มาก่อนแล้วในการคัดเลือก

กฎการคัดเลือกยังคงไม่เปลี่ยนแปลง พวกเขายังคงเข้าสู่วงกลมสีแดงและออกจากวงกลมสีแดง รางวัลยังไม่เปลี่ยนแปลงยังเป็นศิลาวิญญาณ

ครั้งนี้เจียงหลีเดินออกจากสนามรบเช่นเดียวกับสองครั้งก่อนหน้านี้ เดินออกจากสนามขบวนรบทุบพันครั้งฝึกร้อยคราโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง เพื่อรอคนอื่นๆ เข้าสู่ขบวนด้วยกัน

“ผู้ที่ดำเนินการต่อเข้าสู่การต่อสู้ ผู้ที่ยอมแพ้จะถอยออกไปห้าก้าวโดยสมัครใจ” ลู่จ้านยังยืนอยู่ที่ทางออกตะโกนบอกฝูงชนที่รอการคัดเลือกผ่านการต่อสู้

ทันทีที่เสียงของเขาลดลง ผู้คนหลายคนที่เคยมีประสบการณ์แล้วครั้งหนึ่งก็ถอยออกไป

ที่เหลืออยู่คือคนที่ผ่านมาสองครั้งแล้วและไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ในครั้งสุดท้ายนี้กับพวกคนหน้าใหม่ที่ไม่รู้อะไร ในไม่ช้า ผู้เข้าคัดเลือกหลายสิบคนในสนามก็ได้แบ่งออกเป็นสองฝ่าย

เจียงหลีก็ยืนอยู่ในสนามเช่นกัน

“ผู้ที่เข้าร่วมการต่อสู้ จะต้องไม่ช่วยเหลือผู้อื่นในการออกจากการต่อสู้ อย่าใช้วิธีใดๆ ในการฉ้อโกงและอย่า…” ลู่จ้านวางกฎไว้มากมาย

รายการเหล่านี้ถูกเพิ่มหลังจากที่เจียงหลีมา ยิ่งไปกว่านั้นมันจะสมบูรณ์ขึ้นในทุกครั้ง

หลังจากฟัง เจียงหลีพูด เหอะๆ สองครั้งในใจ ที่นางดูหมิ่นความตระหนี่ของลู่จ้าน

เขาใช้ตัวเองเป็นเครื่องมือในการหาช่องโหว่ของกฎเกณฑ์

“ได้ยินชัดเจนหรือไม่” ลู่จ้านถามอย่างเสียงดัง

“ได้ยินชัดเจนแล้ว”

ชายหนุ่มและหญิงสาวกลุ่มหนึ่งตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

“เริ่ม” ลู่จ้านโบกมือและเสียงกลองก็ดังขึ้น

ตึง ตึง ตึง ตึง

ในตอนแรกเสียงกลองนั้นนุ่มนวลมาก เพื่อว่าผู้คนในขบวนจะปรับตัวให้เข้ากับผลของการเข้าสู่ขบวนรบทุบพันครั้งฝึกร้อยครา

หลังจากนั้นจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นแรงและเร็วขึ้น

แน่นอนว่าแม้จะอยู่ในระดับนี้แต่ก็ยังมีผู้มาใหม่ที่กระอักเลือดออกมาเต็มปากเมื่อเสียงกลองดังขึ้นและมีคนเป็นลมล้มตายไป

เมื่อเห็นคนที่เป็นลมล้มตายไป ลู่จ้านก็ส่ายหัวช้าๆ ทางด้านซ้ายและขวามีคนเข้ามาในขบวนอย่างรวดเร็วและลากคนตายออกไป

มิฉะนั้นถ้าปล่อยให้พวกเขาอยู่ในขบวนต่อไป และเมื่อการรบจบลงด้วยกำลังที่พวกเขาสามารถทนได้ ไม่ล้มตายก็จะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์

ตึง ตึง

ตึง ตึง

เสียงกลองรัวเร็วขึ้น ทุกคนในการต่อสู้ดูเหมือนจะรู้สึกถึงค้อนหนักที่มาจากทุกทิศทาง และเหมือนมันกำลังกระแทกเข้าใส่บนตัวเอง พลังนี้ไม่เพียงแต่แทรกซึมเข้าไปในผิวหนัง แต่ยังทะลุเข้าไปในร่างกายกระดูกเลือดและกล้ามเนื้อ…

ขบวนรบทุบพันครั้งฝึกร้อยครา เสมือนพลังของวัวเป็นพันตัวทำให้เคลื่อนไหวได้ยากมาก

ไม่!

นี่เป็นก้าวที่ยาก!

พวกเขาถูกกดลงบนพื้นโดยตรงด้วยแรงนี้ แม้ว่าพวกเขาต้องการที่จะขยับไปข้างหน้าเพียงเล็กน้อย ก็ต้องใช้พละกำลังอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้น ในเวลาเดียวกันนี้ พวกเขายังต้องทนกับความเจ็บปวดจากขบวนรบทุบพันครั้งฝึกร้อยครา

อ้ากกก

“อ้าก ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว”

คนที่ทนไม่ไหวก็เริ่มส่งเสียงกรีดร้อง นอกจากนี้ยังมีเสียงตะโกนจากผู้คนอย่างต่อเนื่องว่า ถ้าหากต้องการจะล้มเลิก

และแล้วในขณะนี้ก็มีร่างเพรียวบางลอยผ่านพวกเขาไปอย่างใจเย็น…

ไป…ไป

ผู้คนที่นอนอยู่บนพื้น ต่างมองไปที่ร่างนั้นด้วยความตกตะลึง

นางดูผ่อนคลายและเป็นอิสระมากเหมือนเดินอยู่สวนดอกไม้ในบ้านของตนเอง

แม่เจ้า! นี่มันอยู่ในสนามฝึกด้วยกันกับพวกเขาจริงๆ หรือ ให้ตายเถอะ ขบวนฝึกนี้ คงจะไม่เลือกคนที่จะโจมตีหรอกมั้ง พวกเขาถูกทารุณกรรมเหมือนอย่างสุนัข แต่นางกลับไม่เป็นอะไรเลย

ผิดปกติ!

ผิดปกติเกินไป

ในขณะนี้ ผู้คนภายนอกและภายในขบวน ตราบเท่าที่พวกเขายังตื่นอยู่ต่างก็จะมุ่งความสนใจไปที่เจียงหลี

มันน่าแปลกใจมาก มันน่าตกใจมาก

ในบรรดาคนที่ตีกลอง บางคนถึงกับลืมตีกลองเพราะตกใจจนเกินไปและเพราะลืมตีกลองจึงทำให้เกิดความวุ่นวายในขบวน

เจียงหลีมองไปข้างหน้าอย่างมั่นคงเดินตรงออกจากสนามขบวนรบทุบพันครั้งฝึกร้อยครา ยืนตรงอยู่ตรงหน้าลู่จ้านและยิ้มให้เขา “ข้าไม่ได้ทำผิดกฎใช่ไหม”

“…” ลู่จ้านพูดไม่ออก

ความตกใจในใจของเขายังไม่หายไป เขารู้ดีว่าขบวนรบทุบพันครั้งฝึกร้อยคราเป็นการก่อตัวของอารมณ์ในร่างกายเป็นรูปแบบวิธีการหนึ่งในขบวนที่ง่าย หลังจากได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ร่างกายจะแข็งแกร่งขึ้นและเอื้อต่อการฝึกมากขึ้น หลังจากได้รับฝึกฝนหลายครั้ง เมื่อร่างกายถึงขีดจำกัดของการฝึกฝนก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากการฝึกฝนอีกต่อไป

ในตอนนั้น หลังจากที่เขาเข้าสู่หน่วยพิทักษ์ความมืด และฝึกฝนในขบวนอยู่เป็นสิบครั้งถึงจะได้รับอิทธิพลเช่นนี้

แล้วเจียงหลีล่ะ หลังจากผ่านไปเพียงสองครั้ง ยังอยู่ในช่วงการประเมินนางก็ไม่ได้รับผลกระทบจากการฝึกฝนของขบวนอีกต่อไป และสามารถผ่านครั้งที่สามได้อย่างง่ายดาย

ทันใดนั้นลู่จ้านก็เข้าใจว่าทำไมเจียงหลีถึงยอมทิ้งโอกาสสองครั้งแรก อาจเป็นเพราะนางมองเห็นความลับของขบวนฝึกฝนตั้งแต่แรกแล้ว ต่างจากคนอื่น ๆ พวกเขาคิดเสมอว่ารูปแบบนี้มีขึ้นเพื่อทรมานพวกเขา

“ยินดีด้วย” หลังจากเข้าใจทุกอย่างแล้ว ลู่จ้านยังคงรู้สึกประหลาดใจกับจิตใจของเจียงหลี แต่ก็พูดอย่างใจเย็น

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

Status: Ongoing

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น…

ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้!

โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท