ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 71 ลวงสังหารในป่า

ตอนที่ 71 ลวงสังหารในป่า

ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 71 ลวงสังหารในป่า
“เจียงหลี เจ้ายังจะหนีอีกหรือ!”

มีเสียงระเบิดดังขึ้นมา เจียงหลียังไม่ทันยืนขึ้นดี นางก็รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของพลังที่บ้าคลั่งที่มาจากทั่วทุกสารทิศ กระทบไปที่ด้านหลังของเจียงหลี

นางพุ่งกระโดดไปด้านข้างด้วยความว่องไว เพิ่งจะแตะลงบนดิน ก็ได้ยินเสียงการปะทะกันของพลัง ลูกหลงจากพลังแพร่กระจายไปทางนาง นางพลิกตัวหลบอีกครั้งแล้วยืนบนพื้นด้วยเท้าทั้งสองข้าง

เจียงหลีดวงตาแวววาว สีหน้าเยือกเย็น

ฟุบ ฟุบ ฟุบ

บรรดาเจ้าของเสียงที่ลอยมาในอากาศได้มาอยู่รอบๆ เจียงหลี ล้อมนางไว้เป็นชั้นๆ

เจียงหลีมองไปรอบๆ เห็นแต่คนตระกูลเย่ว์ที่จะมาจับนาง คิดไม่ถึงว่าจะส่งคนที่มีพลังหลิงซื่อระดับสูงมาสิบกว่าคน คนพวกนี้อายุเยอะกว่าเย่ว์หนานซีมาก ดูจากพลังของพวกเขา พลังของแต่ละคนน่าจะอยู่ที่หลิงซื่อระดับหก ระดับเจ็ดทั้งนั้น มากไปกว่านั้นยังมีหลิงซื่อระดับแปดคนหนึ่ง

“เจียงหลี! เจ้าไม่มีทางหนีแล้ว กลับไปพบนายท่านกับพวกข้า!” ชายผู้ที่มีพลังหลิงซื่อระดับแปดตะโกนใส่เจียงหลีด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

เจียงหลียิ้มด้วยความเหยียดหยาม พูดด้วยความทะนงองอาจว่า “กลับไปกับเจ้างั้นรึ เจ้าโง่หรือข้าโง่กันแน่ อยากได้ชีวิตของข้า ก็เข้ามาเลย!”

“นางเด็กอวดดี!” คนตระกูลเย่ว์ที่พลังหลิงซื่อระดับแปดสีหน้าดุร้าย แววตาโหดเ**้ยม

“ในเมื่อเจ้าไม่เห็นถึงความหวังดีของข้า แล้วจะมาหาว่าพวกข้าไร้ความปราณีไม่ได้!”

เขาพูดจบแล้วยกมือขึ้นโบก “จัดการ! จับเป็นเท่านั้น นายท่านบอกว่าบาดเจ็บจนถึงขั้นพิการได้ แต่นางห้ามตาย ต้องให้นางรับผิดและคำนับขอโทษนายน้อยก่อนแล้วค่อยฆ่านางเสีย!”

“ขอรับ!”

ผู้ที่มีพลังหลิงซื่อระดับสูงของตระกูลเย่ว์ต่างพากันพุ่งเข้าไปหาเจียงหลี

เจียงหลีสีหน้าเยือกเย็น คิดแผนรับมืออย่างใจเย็น นางไม่กลัวคนที่อยู่ในระดับหลิงซื่อ ขอเพียงพลังไม่ได้คนละระดับขั้นกัน นางก็มีความมั่นใจที่จะชนะได้

ต่อให้สู้กับหลิงซื่อระดับแปด นางก็ไม่กลัว

แต่ว่าต้องสู้กับคนที่มีเป็นหลิงซื่อระดับสูงสิบกว่าคนในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังมีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย การต่อสู้ครั้งนี้คงจะเอาชนะได้ยาก

สายตามองกลับมาอย่างรวดเร็ว สายตาของเจียงหลีมองคนที่เป็นหลิงซื่อระดับหก

เขาก่อนแล้วกัน เจียงหลีตัดสินใจ นางไม่โง่ที่จะไปสู้กับพวกเขาหรอก ตอนนี้รีบไปให้ถึงจวนตระกูลลู่ ถึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

เจียงหลีคิดในใจ ใช้พลังหนึ่งย่องพันก้าวใต้ฝ่าเท้าแล้วกลายร่างเป็นภาพมายา ตอนที่คนตระกูลเย่ว์พุ่งเข้ามาก็เคลื่อนไหวไปมา วิถีร่ายกายการต่อสู้ของตระกูลลู่ใช่ว่าตระกูลเย่ว์จะเทียบได้

พอนางลงมือ ทันใดนั้นคนตระกูลเย่ว์ที่พุ่งเข้าไปจะจับกุมนางล้วนแต่พากันพุ่งใส่อากาศ

เจียงหลีใช้ช่วงเวลานี้มาอยู่ตรงหน้าคนที่หลิงซื่อระดับหกคนนั้น

หลิงซื่อคนนั้น เห็นเจียงหลีเข้าประชิดตัวเอง แววตาดีใจ เขายิ้มด้วยความจองหอง เหมือนว่ากำลังหัวเราะเยาะเจียงหลีที่เข้ามาติดกับเอง

แต่ทว่า เขายังยิ้มไม่ทันสุด ก็รับรู้ได้ถึงพลังหมัดที่รุนแรงราวกับทัพทหารที่แข็งแกร่งจำนวนมากพุ่งเข้ามาหาตนเอง

เขานิ่งไป ความดีใจในแววตาเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว อยากจะออกมือป้องกันการโจมตีที่น่ากลัวนี้

ฟุบ

หลังจากที่เขาได้สัมผัสกำปั้นเล็กๆ ของเจียงหลี ก็ค้นพบว่าพละกำลังของตัวเองหายไปหมด ราวกับหินที่จมลงในทะเล แต่กำลังหมัดของเจียงหลีกลับโจมตีเข้ามาไม่หยุด สะเทือนไปถึงภายในร่างกาย

อ้ากกก เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา ได้ยินเพียงแค่เสียงกระดูกหัก แขนทั้งแขนของเขา บิดเบี้ยวผิดรูป

เจียงหลีใช้โอกาสตรงนี้จับแขนข้างที่หัก ใช้แรงดึงแขนข้างนั้นลงอย่างแรง ทันใดนั้นเลือดพุ่งกระฉูด ตรงที่ขาดเห็นเลือดเนื้อและกระดูกขาวอย่างชัดเจน

อ้ากกก

หลิงซื่อระดับหกคนนั้นเจ็บปวดจนร้องไม่หยุด หลิงซื่อคนอื่นของตระกูลเย่ว์ก็รีบรุดมาตรงนี้ เจียงหลีโยนแขนที่ขาดใส่พวกเขา อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังวุ่นวาย วิ่งหนีไปทางด้านหน้า

“ตามไป!”

หลิงซื่อระดับแปดของตระกูลเย่ว์ออกคำสั่งด้วยแววตาเคร่งขรึม

ทันใดนั้น คนกลุ่มหนึ่งก็ต่างพากันปลดปล่อยพลังแล้วไล่ตามเจียงหลีไป

“อายุแค่นี้ ใจโหดมือเ**้ยมนัก” อู๋เชียนที่แอบดูอยู่พูดด้วยความเย็นชา เหมือนกับไม่พอใจกับความโหดเ**้ยมของเจียงหลีเมื่อครู่นี้

หนานอู๋เฮิ่นกลับยิ้ม “ไม่ใช่หรอก ในเมื่อคนตระกูลเย่ว์ไม่เห็นนางตายก็จะไม่หยุด แล้วทำไมนางจะต้องยั้งมือด้วยเล่า ข้าเห็นนางลงมืออย่างเด็ดขาด วิธีการของนางมีนิสัยคล้ายปีศาจ คิดดูแล้วนางจะต้องเคยสู้กับปีศาจในเทือกเขาปู้กุยอย่างแน่นอน เคยฝึกฝนทักษะการต่อสู้ของตัวเองมาอย่างหนัก”

“ท่านอาจารย์หนานดูชื่นชมเด็กผู้หญิงคนนี้ไปเสียหมด หรือว่าคิดจะรับนางเข้าสถาบันไป๋หยวน” อู๋เชียนถามด้วยความเยาะเย้ย

หนานอู๋เฮิ่นหัวเราะขึ้นมาอย่างดัง “นางจะเข้าสถาบันไป๋หยวนได้หรือไม่ ยังต้องดูว่าวันนี้นางจะรอดไปได้ไหม”

อู๋เชียนแววตาเป็นประกาย

หนานอู๋เฮิ่นสะบัดแขนเสื้อแล้วก้าวเท้าออกไป “ไปเถอะ สิ่งที่ยอดเยี่ยมรออยู่ข้างหน้า”

อู๋เชียนคิดๆ ดู แล้วรีบเดินตามไป

……

ความเร็วของเจียงหลีนั้นไม่ช้า ความเร็วของเหล่าหลิงซื่อตระกูลเย่ว์ก็ไม่ช้าเหมือนกัน

เพียงแต่ท่ามกลางการไล่ล่านี้ ค่อยๆ ทำให้วงล้อมก่อนหน้านี้กลายเป็นแนวยาว ข้างหน้านี้คือป่าเล็กๆ ผ่านป่านี้ไปก็จะเจอประตูเมืองซูหนาน เข้าประตูเมืองไปแล้วผ่านถนนไม่กี่เส้นก็จะถึงจวนตระกูลลู่!

ตัวของเจียงหลีแวบหายเข้าไปในป่า พวกคนของตระกูลเย่ว์ก็รีบตามเข้าป่าไปติดๆ แต่ทว่าพอพวกเขาเข้าไป ก็ไม่เห็นเจียงหลีแล้ว

“แยกย้ายกันไปหา!” หลิงซื่อระดับแปดของตระกูลเย่ว์ออกคำสั่ง

หนานอู๋เฮิ่นที่แอบตามมาดูส่ายหัวแล้วเผลอยิ้มออกมา “คนตระกูลเย่ว์นี่ ติดกับของเด็กผู้หญิงจอมเจ้าเล่ห์คนนั้นเสียแล้ว” อู๋เชียนมองเขา สายตางงงวย

หนานอู๋เฮิ่นมองเขา หัวเราะไร้เสียง และไม่ได้อธิบายอะไร

เจียงหลีที่ซ่อนตัวอยู่เห็นคนตระกูลเย่ว์แยกย้ายกันหานาง ก็เผยให้เห็นรอยยิ้มที่แปลกประหลาด นางถอยหลังออกมาอย่างเงียบๆ ในทางกลับกันคนพวกนั้นที่ตามนางมาก็พลังพอๆ กัน จัดการหลิงซื่อตระกูลเย่ว์จากด้านหลัง

การใช้วิธีการลอบสังหารนี้ นางไม่ได้เป็นมาตั้งแต่ชาติก่อน แต่ว่าลู่จ้านเป็นคนสอนให้กับนาง!

ในการฝึกฝนเพียงลำพังเป็นระยะเวลาสิบห้าวันนั้น ลู่จ้านให้นางสู้กับฝูงปีศาจเกือบทุกวัน นางอยากเอาชนะฝูงปีศาจด้วยพละกำลังของตัวเอง จะได้เรียนรู้การซุ่มโจมตีและการลอบสังหารอย่างเงียบๆ

กล่าวคือ ในระยะเวลาการฝึกฝนสิบห้าวันนั้น เจียงหลีมีความเข้าใจในเรื่องของการสังหารหมู่มากยิ่งขึ้น

ในป่า บรรดาหลิงซื่อของตระกูลเย่ว์แยกย้ายกันแล้ว เงาของต้นไม้กลายเป็นที่กำบังของนาง

ตอนนี้นางอยู่ข้างหลังหลิงซื่อระดับหกคนหนึ่ง

ในตอนที่เขากำลังมองหานาง ทันใดนั้นเจียงหลีก็พุ่งมาจากด้านหลังราวกับปีศาจที่ดุร้าย หมัดพิฆาตขั้นหกที่เตรียมพร้อมไว้แล้ว ไม่ลังเลที่จะโจมตีไปที่ขั้วหัวใจของเขาจากด้านหลังเลยสักนิด

เจียงหลีไม่ได้ใช้พลัง อาศัยพละกำลังทั้งหมดของร่างกาย ร่างกายของนางเคยถูกเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อฝึกฝนมาก่อน เนตรญาณอันแรกของนางคือเลี่ยเทียนซื่อ เพียงใช้พละกำลังของร่างกายนาง ใช่ว่าคนที่อยู่ในระดับหลิงซื่อจะสามารถต้านทานไหว

มิฉะนั้น นางคงไม่สามารถเอาชนะเย่ว์หนานซีได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นหรอก!

เอื้อก! หลิงซื่อตระกูลเย่ว์ที่โดนโจมตีไปที่ขั้วหัวใจ ดวงตาเบิกโพลงในทันที เลือดไหลออกมาจากมุมปาก เขาหันมามองร่างเล็กๆ ที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาอย่างช้าๆ

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

Status: Ongoing

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น…

ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้!

โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท