ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 89 มีฟืนแห้งแต่ไม่มีเชื้อไฟ

ตอนที่ 89 มีฟืนแห้งแต่ไม่มีเชื้อไฟ

ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 89 มีฟืนแห้งแต่ไม่มีเชื้อไฟ

…เห็นความกระตือรือร้น

อืม นางรีบร้อน! และรีบร้อนจริงๆ!

นางอยากเป็นเนี่ยนซือ ทำไมกระตือรือร้นที่จะเป็นเนี่ยนซือถึงเพียงนี้ ลู่เจี้ยต้องการค้นหาคำตอบในแววตาของนาง

น่าเสียดาย ที่เจียงหลีไม่ให้โอกาสนั้นแก่เขา

“สรุปว่าได้หรือไม่ได้ ขอคำตอบหน่อยสิ!” เมื่อเห็นลู่เจี้ยนิ่งเงียบ เจียงหลีก็หมดความอดทน

การเป็นเนี่ยนซือ จะสามารถเข้าไปในเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อได้ตามต้องการ โดยที่ไม่ถูกจำกัดอีกต่อไป มีเพียงการเป็นเนี่ยนซือเท่านั้น ที่สามารถยกระดับให้เป็นเนี่ยนซือได้ เพื่อที่จะควบคุมเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ และเป็นเจ้านายของมันได้

ดังนั้น นางจึงวิตกกังวลเป็นอย่างมาก

นางไม่รู้ว่าในสถาบันไป๋หยวน มีเนี่ยนซืออยู่จริงหรือไม่ แต่ว่าตอนนี้มีอยู่ตรงหน้าแล้วหนึ่งคน นางจะปล่อยไปได้อย่างไร

เนี่ยนซือ! นางอยากเป็นเนี่ยนซือ!

“ได้” การรอคอยอย่างวิตกกังวลของเจียงหลี ในที่สุดลู่เจี้ยก็พยักหน้า

“ถ้าเช่นนั้นก็เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย!” เมื่อได้ยินคำตอบของลู่เจี้ย เจียงหลีแทบจะรอไม่ไหวแล้วและยืนขึ้น มองเขาด้วยดวงตาที่แปล่งประกาย

การสูญเสียการทรงตัวอย่างกะทันหันตรงหัวเข่าทั้งสองข้างนั้น ทำให้ดวงตาของลู่เจี้ยมองไปยังจุดที่เจียงหลีกดทับโดยไม่รู้ตัว

แต่ว่า หลังจากที่เขาเหลือบมองเบาๆ ก็มองเห็นในดวงตาที่สวยงามคู่นั้น ความสงบและเฉยเมยได้กลับคืนมา “เริ่มพรุ่งนี้เถอะ”

“ทำไมต้องรอ” เจียงหลีผิดหวังเล็กน้อย

ลู่เจี้ยเงยหน้าขึ้นมองนาง โดยไม่พูดอะไรสักคำ

เจียงหลีกระตุกที่มุมปาก ก้มศีรษะลงและพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ

ค่ำคืนนี้ เจียงหลีต้องผ่านมันไปแบบทุกข์ทรมานอย่างมาก

แม้กระทั่งในการฝึกฝนก็ไม่สามารถสงบลงได้ ในใจของนางอยากเป็นเนี่ยนซืออย่างยิ่ง เพราะมีเพียงการทำตามขั้นตอนนี้เท่านั้น จึงจะปลดข้อห้ามของเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ

ในที่สุด เมื่อท้องฟ้าสว่างขึ้น เจียงหลีก็ตรงไปที่ห้องนอนของลู่เจี้ย

ทันทีที่ก้าวเข้ามา ก็เห็นกลุ่มสาวใช้ที่สวยงาม กำลังปรนนิบัติลู่เจี้ยในการอาบน้ำ

นางบุกเข้ามาอย่างกะทันหัน ทำให้สาวใช้แต่ละคนต่างหันมาและมองไปที่นาง แล้วหันมามองดูนายน้อยด้วยสายตาที่ข้องใจอย่างหาที่เปรียบมิได้

พวกนางคิดไม่ออกจริงๆ ว่าเหตุใดนายน้อยจึงไม่ชอบสาวใช้อย่างพวกนางที่สวยงามดั่งบุปผาและสุใสดั่งหยก แต่กลับไปชอบหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่ผอมแห้งไม่มีส่วนโค้งเว้า เมื่อได้สัมผัสแล้วมีเนื้อหนังด้วยหรือนั่น

“อะแฮ่ม” เจียงหลีกำหมัดแน่นด้วยมือข้างหนึ่ง และส่งเสียงไอปลอมๆ ออกมาหนึ่งที

ตั้งแต่นาง ‘อุ่นเตียง’ ให้ลู่เจี้ย สถานะของนางในตระกูลลู่ ก็กลายเป็นความคลุมเครือ

และในความไม่ชัดเจนนี้ เจียงหลีรู้สึกได้ว่า ‘ความคลุมเครือ’ นี้เกิดขึ้นจากเจตนาของลู่เจี้ย

เพื่อต้องการปกปิดความลับของทั้งสองคนอย่างนั้นหรือ เจียงหลีคาดเดาอยู่ในใจ

แต่ว่า สำหรับการเดาความคิดของลู่เจี้ยนั้น นางคิดมากไปก็จะปวดสมองเปล่าๆ ดังนั้นไม่ต้องคิดมากจะดีที่สุด

“เมื่อไหร่จะเริ่ม” เจียงหลียืนอยู่ที่เดิมและถามอย่างนิ่งๆ

ลู่เจี้ยสวมเสื้อคลุมสีม่วงขนาดใหญ่ ยกมือขึ้นแล้วก้าวเท้าเดินมา ท่าทางของเขาดูลึกลับและสง่างาม

เขายกมือขึ้นและโบกมือ สาวใช้ที่สวยงามทั้งสองข้างก็ถอยออกไปอย่างเงียบๆ เหลือเพียงเขาทั้งสองคนในห้อง

“หลีเอ๋อร์ใจร้อนจริงเลยนะ” ลู่เจี้ยเดินเข้ามาหานางอย่างช้าๆ

ลมหายใจที่สดชื่นได้ไหลผ่านใบหน้า เจียงหลีอดไม่ได้ที่จะสูดดมเข้าไปในจมูก หอมจัง!

“เวลาไม่ได้รอข้า” เจียงหลีสงบจิตใจ ต่อต้านการล่อลวงจากลู่เจี้ย

ลู่เจี้ยยิ้ม ในห้องดูเหมือนจะบานสะพรั่งด้วยความสดใสที่ไม่มีที่สิ้นสุด “ถ้าอย่างนั้น หลีเอ๋อร์ตามข้ามาสิ”

ในที่สุดก็จะได้เริ่มแล้ว!

ภายในใจเจียงหลีรู้สึกตื่นเต้น เดินตามลู่เจี้ยไปที่ส่วนลึกที่สุดของห้อง หลังจากที่เดินไปได้ไม่นาน นางก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย นางต้องการฝึกเพื่อเป็นเนี่ยนซือ ทำไมลู่เจี้ยถึงพานางไปที่ส่วนลึกที่สุดของห้อง

กระทั่งเดินมาถึงด้านในสุด ลู่เจี้ยเปิดกลไกลที่ประตู เผยให้เห็นเส้นทางลับลึกหลังกำแพง นางจึงเข้าใจ

“เจ้าสร้างสถานที่บำเพ็ญฝึกฝนให้อยู่ใต้ดินหรือนี่” เจียงหลีมองไปที่ลู่เจี้ยด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ลู่เจี้ยพูดอย่างใจเย็น “หลีเอ๋อร์อย่าลืมสิ ว่าข้าเป็นเพียงนายน้อยที่ป่วย และจะตายจากไปเมื่อไหร่ก็ได้”

เจียงหลีขมวดคิ้ว

นางไม่ชอบที่ได้ยินลู่เจี้ยพูดถึงตัวเองแบบนี้ แม้ว่าในน้ำเสียงไม่ได้มีการยอมแพ้หรือละทิ้งตัวเอง แต่หลังจากที่นางได้ฟังแล้ว ก็ยังคงรู้สึกว่าไม่สบายใจอยู่ดี

เดินตามลู่เจี้ยลงไปตามขั้นบันได ยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ เจียงหลีก็ยิ่งรู้สึกถึงความหนาวสั่น และอดไม่ได้ที่จะลูบแขนที่เย็นเฉียบของตน

ทำไมถึงหนาวเพียงนี้ เจียงหลีพึมพำในใจ

เมื่อนางเดินออกมาจากอุโมงค์ที่มืดแล้ว และเข้าไปในห้องที่มืด จึงได้รู้ว่าทำไมที่นี่ถึงหนาวมากเพียงนี้

“ห้องน้ำแข็ง!” เจียงหลีมองไปรอบๆ สี่ด้านด้วยความประหลาดใจ

ในห้องที่มืดนี้ มีกองน้ำแข็งกองอยู่เป็นแผ่นๆ และข้างในก็เย็นยะเยือก แม้ว่านางจะมีพื้นฐานการฝึกฝนของหลิงซื่อระดับห้า แต่ก็ยังรู้สึกว่าทนไม่ได้ที่จะอยู่ที่นี่

“เปลื้องเสื้อผ้า” ทันใดนั้น ลู่เจี้ยก็พูดออกมาสามคำ

เจียงหลีมองเขาด้วยความงุนงง และด้วยความตกตะลึง แต่กลับพูดออกมาว่า “พูดไว้ว่าจะมาฝึกฝน นี่หิวโหยมากจนต้องรังแกข้างั้นหรือ” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่ชอบตัวเอง

แม้ว่าจิตวิญญาณของนางจะเติบโตมากก็ตาม! แต่ร่างกายนางก็ยังเด็กอยู่!

เดรัจฉาน!

ดวงตาของลู่เจี้ยเป็นประกาย และมองลงบนตัวนาง เมื่อเห็นแววตาที่กริ้วโกรธของนาง จึงกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “เนี่ยนซือแตกต่างจากหลิงซือ แนวทางการปฏิบัติของเนี่ยนซือคือการบำเพ็ญการคิดอ่าน จะทำอย่างไรถึงจะเกิดการคิดอ่านได้ การคิดอ่านคือสติสัมปชัญญะ สติสัมปชัญญะคือการไม่มีตัวตน คือความว่างเปล่า จะเสริมความแข็งแกร่งให้เป็นการโจมตีได้อย่างไร ก็มีเพียงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรงเท่านั้น เพื่อกระชับสติสัมปชัญญะ และเปลี่ยนให้เป็นพลังจิต”

หลังจากฟังคำอธิบายของเขา เจียงหลีก็เข้าใจ

แท้จริงแล้วที่ตรงนี้ เป็นเพียงสภาพแวดล้อมสุดขั้วจำลอง เพื่ออำนวยความสะดวกในการบำเพ็ญพลังจิต

“แต่ทำไมต้องเปลื้องเสื้อผ้า” เจียงหลีรู้สึกขัดแย้งเล็กน้อยอยู่ภายในใจ ไม่มีเหตุผลที่จะถูกเอาเปรียบ!

“เพื่อที่จะให้อากาศเย็นเข้าไปในร่างกาย เพื่อบังคับความคิดของเจ้า” ลู่เจี้ย ตอบ

“ได้! ถ้าท่านถอดข้าก็จะถอด” จู่ๆ เจียงหลีก็พูดอย่างร่าเริง

นางคิดดีแล้ว เมื่อต้องถูกคนอื่นมองเห็น ก็ไม่ควรที่จะเสียเปรียบสิ!

แววตาที่จางๆ ของลู่เจี้ยสบเข้ากับนาง พร้อมกับรอยยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม สายตานั้นทำให้หนังศีรษะของเขาชา แต่เดิมคิดว่า เขาจะปฏิเสธ แต่ทว่า เจียงหลีเห็นเขาค่อยๆ ยกมือขึ้น และปลดเสื้อคลุมบนตัวออก

พรวด!

เสื้อคลุมผ้าสีม่วง ตกลงบนพื้น เผยให้เห็นผิวกายขาวราวกับหิมะของเขา

ชายหนุ่มสุกใสดั่งหยก งดงามและมีเสน่ห์ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีขาวราวกับหิมะ ยืนอยู่ในห้องหิมะเหมือนดอกบัวที่เป็นอิสระ

เจียงหลีหายใจเข้าอย่างยากลำบาก เพื่อหยุดความร้อนที่พุ่งออกมาจากโพรงจมูก

“หลีเอ๋อร์?” ลู่เจี้ยยิ้มอย่างขี้เล่น

จะตายแล้ว! จะตายแล้ว!

นี่ไม่ใช่มนุษย์! แต่เป็นปีศาจที่เย้ายวนและน่าหลงใหล!

เจียงหลีเช็ดจมูก แล้วพูดด้วยความภาคภูมิใจว่า “ถอดก็ถอด!” หลังจากพูดจบ ก็รีบถอดชุดฝึกซ้อมสีดำบนร่างกายของตนออก ก็เหลือแต่เสื้อในเช่นเดียวกันและยืนตรงข้ามลู่เจี้ย

“มาที่นี่สิ” ลู่เจี้ยเอื้อมมือไปหานาง

นิ้วมือที่เรียวยาวและสวย ยากที่ใครจะปฏิเสธได้

เจียงหลีรู้สึกถึงความมึนงงภายในใจ เมื่อนางได้สติคืนมา มือของนางก็ถูกลู่เจี้ยจับไว้แล้ว จึงปล่อยไปแล้วแต่เขาจะพาไป นางจึงได้มานั่งลงบนก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่เท่าเตียงนอน

หนาวมาก! ความหนาวเย็นอย่างที่สุด ทำให้เจียงหลีถอนสติออกจากความงดงามนั้น และแสดงความดุร้ายระหว่างคิ้วของนาง “เจ้าใช้พลังจิตกับข้า!”

ลู่เจี้ยกลับยิ้มจางๆ…..

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

Status: Ongoing

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น…

ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้!

โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท