จองหองเกินไปแล้ว! ใช่ไหม!
ใบหน้าของนายน้อยหงโมโหจนเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำและแสงสีทองที่อยู่ด้านหลังเขาก็ยิ่งร้อนระอุ
มุมปากของลู่เสวียนกระตุกพลางแอบยกนิ้วโป้งให้แก่เจียงหลี สาวน้อยคนนี้มีความสามารถพิเศษที่ทำให้คนเกลียดโดยมิต้องชดใช้เสียจริงๆ
“นายน้อยหงสั่งสอนนางให้หนักเลย!”
“ใช่ สาวน้อยผู้นี้ไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตา ต้องสั่งสอนให้เข็ดหลาบ”
“นายน้อยหงอดทนสอนนางสักหน่อยว่าควรทำตัวเยี่ยงไร”
“…”
ฝูงชนต่างกระหน่ำโจมตี
ลู่เสวียนกลับหันหน้าแล้วตะโกนใส่พวกเขาอย่างดุเดือด “หุบปากซะ! ใครตะโกนอีก เจอกันบนสังเวียน ข้าพร้อมน้อมต่อสู้ด้วยความเคารพ”
“เหอะ มีคนจองหองเพิ่มอีกคนแล้ว”
มีคนพูดจาหยอกเย้า
แต่ทว่า คนส่วนใหญ่สงบลง ถึงขั้นมีบางคนเริ่มกระซิบข้างหูเพื่อบอกสถานะของลู่เสวียนให้แก่พวกพ้องทราบ
อัจฉริยะแห่งตระกูลลู่ บุตรชายคนเล็กของจวนลู่อ๋อง มิใช่ว่าใครก็สามารถแตะต้องได้
ทันใดนั้น การแสดงออกของหลายคนก็น่าเกลียดพอๆ กับอาการท้องผูก
พวกเขาหยุดพูดทันที เพียงมองไปที่บุคคลทั้งสองบนสังเวียนเท่านั้น ดวงตาของพวกเขากลับเผยภาพของความคาดหวังที่เจียงหลีจะถูกสั่งสอน
“นังเด็กบ้า! เจ้าจะจองหองเกินไปแล้ว! วันนี้ข้าจะจัดการ…โอ้ยยย! ”
ตูม!
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องดังลั่นจากบนสังเวียน
เกิดอะไรขึ้นหรือ
ผู้คนที่อยู่ใต้สังเวียนต่างงงงวย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเสียงกรีดร้องมิได้มาจากปากของเจียงหลี
พอพลังวิญญาณบนสังเวียนสูญสลายไปหมดแล้ว ฝูงชนก็พบว่านายน้อยหงเดิมทีที่มีคำสาบานเต็มไปด้วยน้ำใสใจจริงน่าเชื่อถือ บัดนี้กลับนอนจมลงกับพื้นอย่างไม่รู้สึกตัว
พวกเขารู้สึกว่าสาวน้อยตัวเล็กคนนี้เดิมทีควรได้รับการสั่งสอน บัดนี้ กลับยืนนิ่งอยู่กับที่ พร้อมกับตบมือราวกับว่าปัดฝุ่นก็ไม่ปาน
แน่นอนว่าเสียงตบมือดัง เพี๊ยะๆ นั้น กลับทำให้ทุกคนรู้สึกแสบแก้วหูเป็นพิเศษราวกับว่าเสียงนั้นตบไปที่แก้มของพวกเขาเอง
“บอกแล้วว่าถ้าเจ้าให้ข้าลงมือก่อน เจ้าก็ไม่มีโอกาสออกอาวุธแล้ว” คำพูดที่คมชัดและสงบนิ่งเช่นนี้ พูดออกมาจากปากของหญิงสาวที่สวมชุดดำบนสังเวียน ทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านล่างถึงกับนิ่งอึ้งไปตามๆ กันและค่อยๆ ถอยหลังหนึ่งก้าว
“หลียาโถ่ว ยอดเยี่ยมมาก! ” ลู่เสวียนตื่นเต้นยิ่งกว่าเจียงหลีเองเสียอีก
เจียงหลียิ้มให้แก่เขาและชี้นิ้วไปที่สุนัขรับใช้สองตัวที่กำลังจะวิ่งหนีออกไป “พวกเจ้าทั้งสองก็เป็นเด็กใหม่ของสถาบันไป๋หยวนด้วยล่ะสิ”
คนทั้งสองที่ถูกเจาะจงชื่อ หลังของพวกเขาก็เย็นเยือกอย่างพร้อมเพียงกัน และต่างสบตากันโดยแววตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
แน่นอนว่าพวกเขาเป็นเด็กใหม่ของสถาบันไป๋หยวนและมิได้เก่งเท่านายน้อยหง ถึงได้พึ่งพาเขา แต่บัดนี้ แม้แต่นายน้อยหงยังพ่ายแพ้ต่อสาวน้อยผู้นี้อย่างราบคาบ พวกเขาทั้งสองจะสู้ไหวได้อย่างไรเล่า
“ณ สถาบันไป๋หยวน ไม่อนุญาตให้พาผู้ติดตามเข้ามาด้วย ต้องเป็นลูกศิษย์เท่านั้นถึงจะได้รับการอนุญาต พวกเขาทั้งสองคงเป็นเด็กใหม่อย่างแน่นอน” ลู่เสวียนแลดูมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
เจียงหลีพยักหน้า “พวกเจ้าสองคนขึ้นมาบนสังเวียนเร็ว”
ประโยคง่ายๆ เพียงเท่านี้ กลับยากที่จะต้านทานยิ่งนัก สุนัขรับใช้ทั้งสองตัวอยากวิ่งหนี แต่ทำได้เพียงยอมทำตามคำพูดของเจียงหลีภายใต้สายตาทุกคู่ที่จ้องมองมา
ทั้งสองก้าวขึ้นสังเวียนอย่างขี้ขลาด เพียงท่ายืนก็แพ้อย่างราบคาบแล้ว
เจียงหลียกคางขึ้นแล้วกล่าวว่า “อย่าหาว่าข้ารังแกพวกเจ้า ออกอาวุธมาพร้อมๆ กันได้เลย”
เชี่ยไรเนี่ย!
ผู้คนที่อยู่ด้านล่างต่างมองไปที่หญิงสาวบนสังเวียนด้วยความตกใจและครหาในใจว่า จะหยิ่งผยองและไม่ไว้หน้ากันเช่นนี้เลยหรือ
สู้ไม่ไหว! สู้ไม่ไหว!
ทุกคนต่างระบุสมรรถนะให้แก่เจียงหลีไว้เสร็จสรรพแล้วซึ่งแทบจะเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
ส่วนสองคนนั่นบนสังเวียน พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ราวกับว่าถูกหยามเกียรติ ดูหมิ่นศักดิ์ศรีอย่างรุนแรง ดวงตาของพวกเขามองไปที่เจียงหลีด้วยความโกรธ
“นังตัวดี อย่ามาจองหองให้มันมากเกินไป! ”
“พวกเราเข้าไปพร้อมกัน”
พวกเขาทั้งสองส่งเสียงให้กำลังใจตัวเอง ขณะเดียวกันก็จัดกระบวนท่าแล้วพุ่งเข้าหาเจียงหลี
แน่นอนว่าเจียงหลีกลับยืนนิ่ง มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นและปล่อยออกไปทันที
ตูมๆ !
ลมจากกำปั้นดุจไฟฟ้า หมัดแข็งแกร่งดุจเสือร้าย
“หกหมัดหนัก” ลู่เสวียนที่อยู่ด้านล่างตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ
โอ้ยยย!
โอ้ยยย!
นางออกหมัดหนักหกได้อย่างราบรื่นจนทะลุการป้องกันของพวกเขาทั้งสองได้อย่างง่ายดายและพุ่งกระแทกไปที่หน้าอกของพวกเขาโดยตรง ทำให้เสื้อเกราะแตกกระจาย พวกเขาต่างกรีดร้องและลอยออกจากสังเวียนในคราเดียวกัน
เชิงหมัดช่างทรงพลังยิ่งนัก!
พลังมหาศาลยิ่งนัก!
บรรยากาศด้านล่างสังเวียนเงียบสงัด ทุกคนต่างตกตะลึงไปกันหมด
หญิงสาวที่แลดูสูบผอม ภายในร่างกายราวกับขังสัตว์ดุร้ายเอาไว้ ทำให้ผู้คนมิบังอาจดูหมิ่นต่อไปได้
เพราะมีตัวอย่างปรากฏอยู่เบื้องหน้าถึงสามคน ใครจะกล้าดีขึ้นสังเวียนให้ตัวเองต้องเจ็บตัวเล่า
เอาชนะคู่ต่อสู้เพียงท่าเดียว!
จุดจบช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้
เมื่อทุกคนปรารถนาที่จะเดินจากไปอย่างเงียบๆ พวกเขากลับก็ได้ยินหญิงสาวที่อยู่บนสังเวียนพูดอะไรบางอย่างที่ค่อนข้างจะเจ็บปวดใจยิ่งนัก “ได้เพียงสามสิบคะแนนเท่านั้น ยังห่างจากสิบอันดับแรกอยู่มาก”
!
จู่ๆ ทุกคนต่างรู้สึกตึงหนังศีรษะ
คำพูดหยิ่งผยองของหญิงสาวผู้นี้ผุดขึ้นในใจอีกครั้ง นางต้องการเหยียบยอดอัจฉริยะไต่ขึ้นระดับสูง แม้แต่เหล่าบรรดาอัจฉริยะยังอยู่นอกสายตานางเลย นับประสาอะไรกับคนอย่างพวกเขา
ทันใดนั้น พวกเขาต่างกลัวว่าจะกลายเป็นเป้าของเจียงหลี
แต่ว่า บัดนี้ ลู่เสวียนกลับหัวเราะออกมา “ง่ายนิดเดียว เจ้าไปท้าประลองกับสิบอันดับแรกสิ หากชนะ ก็คว้าคะแนนของพวกเขามาครอบครองได้เลย”
โห่ๆ ๆ ๆ !
ทูนหัวทั้งสอง!
ไม่สิ! คือสองหัวขโมยต่างหาก!
ผู้คนที่อยู่โดยรอบสลายตัวอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าเจียงหลีจะชำระแค้นในภายหลัง
อันที่จริง เจียงหลีมิได้ว่างพอที่จะจดจำใบหน้าของคนที่เยาะเย้ยนางได้หมดหรอก เป็นใครกันบ้าง นางก็ขี้เกียจใส่ใจแล้ว
พอฟังคำพูดของลู่เสวียนเพียงเท่านี้ นางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วพยักหน้าว่า “นี่เป็นความคิดที่ดี”
หลังจากพูดจบ นางก็กระโดดลงจากสังเวียนอย่างคล่องแคล้วและเดินไปที่ป้ายตารางคะแนน นางอยากดูรายละเอียดให้แน่ชัดว่าใครอยู่ในสิบอันดับแรกและตอนนี้ใครอยู่บนสังเวียนบ้าง
แต่ทว่า ก่อนที่นางจะเดินไปถึง เงาของใครบางคนก็ดึงดูดความสนใจของนางไว้
พอนางมองไปที่บุคคลนั้น เขาก็มองนางกลับเช่นกัน
“เจียงหลี!”
อีกฝ่ายกัดฟันเรียกชื่อนาง
เพลานี้ ผู้คนที่ได้เห็น ‘พลังอันยิ่งใหญ่’ ของเจียงหลีต่างรู้แล้วว่าหญิงสาวที่ดุร้ายในชุดดำผู้นี้ชื่อว่าอะไร
เจียงหลียักคิ้วแล้วมองไปที่ชายผู้นั้นด้วยรอยยิ้ม “โจวเย่าจู่ โลกนี้ช่างกลมเสียจริง”
ได้ยินคำพูดของนางเพียงเท่านี้ สีหน้าของโจวเย่าจู่ก็ดูแย่ลงทันทีและดูเหมือนว่าเขาจะจำเหตุการณ์ที่ ตนถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้ในอดีตที่ผ่านมา
บัดนี้ เจียงหลีมิใช่สาวน้อยที่จะปล่อยให้เขารังแกได้อีกต่อไป!
“หลียาโถ่ว พวกเจ้าสองคนเคยบาดหมางกันหรือ” ลู่เสวียนเขยิบเข้าไปใกล้เจียงหลีแล้วเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ สายตาที่มองไปทางโจวเย่าจู่เต็มไปด้วยความเป็นศัตรู
นางตอบลู่เสวียนไปพลางและเดินไปหาบุคคลนั้นไปพลาง โดยไม่คำนึงถึงสีหน้าของคนอารมณ์ไม่ดีอย่างโจวเย่าจู่เลย “คนแจกคะแนนมากแล้ว”
ยุงจะตัวเล็กสักเพียงใดก็มีเลือดเนื้อเช่นเดียวกัน สิบคะแนนก็คือคะแนน
“เจ้า… เจ้าจะทำอะไร” พอมองเห็นเจียงหลีเดินเข้ามา โจวเย่าจู่ก็รีบถอยห่างด้วยความตกใจ
แต่ทว่า เจียงหลีกลับคว้าชายกระโปรงแล้วลากเขาขึ้นไปบนสังเวียนที่ว่างเปล่าในบริเวณใกล้ๆ ท่ามกลางสายตาของสาธารณชนทั้งหลาย “ขึ้นสังเวียนมาสู้กับมารดาเจ้าเถิด!”