ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 154 การถูกถือหางแบบนี้ ข้าชอบ!

ตอนที่ 154 การถูกถือหางแบบนี้ ข้าชอบ!

“อู๋เชียน ข้ามาทวงหนี้แล้ววว!”

เสียงของหนานอู๋เฮิ่น ก็ดังไปทั่วสำนักหลิงอู่อย่างรวดเร็ว เหล่าลูกศิษย์และอาจารย์ของสำนักหลิงอู่ต่างทยอยกันมาที่นี่

เจียงหลีมองเขาด้วยความประหลาดใจ พอฟังก็รับรู้ได้ถึงความเย็นชาที่ทิ่มแทงในคำหยอกล้อของเขา

ในไม่ช้า ทั้งสองก็ถูกโอบล้อมไว้ด้วยเหล่าอาจารย์และลูกศิษย์ของสำนักหลิงอู่ที่ได้ยินเสียง

พวกเขาพินิจพิเคราะห์เจียงหลีด้วยสายตาไม่ดี หลังจากเห็นหนานอู๋เฮิ่นชัดๆ แล้ว ในแววตาลึกๆ มีความหวาดกลัวซ่อนอยู่

หนานอู๋เฮิ่น……เป็นถึงอันดับหนึ่งของเจ็ดวีรบุรุษแห่งสถาบันไป๋หยวนเชียวนะ!

ตำนานเล่าว่าอีกแค่นิดเดียวเขาก็สามารถไปถึงขั้นหลิงจงได้ และในยุคโฮ่วจิ้น หลิงจงก็เหมือนกับยืนอยู่บนจุดสูงสุดในจุดสูงสุด

หรือจะกล่าวอย่างนี้ก็ได้ หลิงจงทั้งเจ็ดท่านที่เป็นที่รู้จักในยุคโฮ่วจิ้น ในนั้นมีสามท่านที่อยู่สถาบันไป๋หยวน และหนานอู๋เฮิ่นจะสามารถเป็นคนที่แปดได้หรือไม่

“ทำไมวันนี้ท่านอาจารย์หนานจึงมีเวลาว่างมาสำนักหลิงอู่ได้ล่ะ” ด้านหลังของกลุ่มคน เสียงของอู๋เชียนดังขึ้นมา

อู๋เชียนคนนี้ ตำแหน่งในสำนักหลิงอู่ ถึงแม้จะไม่เทียบเท่าหนานอู๋เฮิ่นที่อยู่ในสถาบันไป๋หยวน แต่ว่ารับผิดชอบงานภายนอกทั้งหมด ดังนั้นหลังจากที่เขาปรากฎตัวออกมา ลูกศิษย์และอาจารย์ของสำนักหลิงอู่ต่างก็แสดงความเคารพกันหมด

ร่างของอู๋เชียนค่อยๆ เดินออกมาจากกลุ่มคนที่แยกออก

สายตาของเจียงหลีหยุดอยู่ที่ตรงร่างของหมาแก่ตัวนั้น ดวงตาแวววาวเป็นประกายคมกริบ นี่คือคนที่ต้องการเอาชีวิตนาง นางจะทำเป็นเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน

เหมือนกับว่ารู้สึกถึงสายตาของเจียงหลี อู๋เชียนตีหน้าตายแล้วกวาดสายตามองไปที่นาง สีหน้าขุ่นมัวเล็กน้อย ราวกับเขากำลังไม่พอใจที่เจียงหลีแคล้วคลาดปลอดภัย

คนที่สวมหน้ากากลึกลับคนนั้นที่จู่ๆ ก็ยื่นมือเข้ามา เขาจะหาตัวให้เจอ แล้วบดขยี้เขาด้วยมือของตัวเอง! ยังเหลือลู่จ้าน! เย่อหยิ่งจริงๆ เลย! อวดดีเกินไปแล้ว!

รอก่อนเถอะ วันตายของตระกูลลู่ใกล้มาถึงแล้ว ถึงตอนนั้นลู่จ้านก็เป็นเพียงแค่หมาที่ไร้เจ้าของ เขาจะจัดการอย่างไรก็ได้

และนายน้อยรูปงามของตระกูลลู่คนนั้น

ถึงแม้ว่าเป็นผู้ชาย ก็ไม่สำคัญหรอก! ความคิดสกปรกของอู๋เชียน ไม่ปราฏออกมาแต่อย่างใด หลังจากที่เขามองเจียงหลี กลับไม่แม้แต่จะสนใจนางเลยสักนิด มองไปที่หนานอู๋เฮิ่นโดยตรง

หนานอู๋เฮิ่นยังคงยิ้ม “ผู้เฒ่าอู๋ขี้ลืมไปบ้าง ดังนั้นข้าก็เลยมาเตือนด้วยตัวเองถึงที่”

แววตาของอู๋เชียนน่าเกรงขามขึ้นมา

เป็นการเตือนถึงที่ที่ดี! เจ้าหนานอู๋เฮิ่นคนนี้มีความกล้าหาญจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะกล้ามาคนเดียวกับนางเด็กนี่ มายั่วยุถึงที่นี่

“ท่านอาจารย์หนานอาจจะใจร้อนไปหน่อย” อู๋เชียนยิ้มเยาะ

ดูเหมือนว่าหนานอู๋เฮิ่นจะฟังคำพูดประชดเหล่านั้นไม่เข้าใจ “ผู้เฒ่าอู๋คำพูดนี้ผิดแล้ว ข้าเพียงแต่รับปากลูกศิษย์ว่ารอนางออกมาจากอาณาเขตหลิงอู่ ก็จะให้รางวัลตามที่สัญญา ไม่ทราบว่าหนังสือทักษะการต่อสู้ระดับพิเศษขั้นสามของผู้เฒ่าอู๋ เตรียมไปถึงไหนแล้ว”

หนังสือทักษะการต่อสู้?

ยังพูดถึงหนังสือทักษะการต่อสู้ระดับพิเศษขั้นสามอยู่ได้!

คำพูดของหนานอู๋เฮิ่น ทำให้ทั้งลูกศิษย์และอาจารย์สถาบันอู่หลิงที่มุงอยู่ต่างพากันซุบซิบกัน

เรื่องที่พนันกันไว้ แน่นอนว่าจะไม่ประกาศอย่างโจ่งแจ้งเมื่ออู๋เชียนกลับมา ส่วนคนที่รู้ก็คือคนพวกนั้นที่ติดตามไปด้วย คิดไม่ถึงว่าหนานอู๋เฮิ่นจะพาเจียงหลีมาหักหน้าถึงที่!

“ท่านอาจารย์หนานกลัวข้าจะผิดสัญญารึ” อู๋เชียนหัวเราะเยาะ

ใครจะไปรู้ หนานอู๋เฮิ่นพยักหน้า พูดอย่างจริงจังว่า “เพราะเช่นนี้ถึงได้เป็นกังวลมาก”

“……..” อู๋เชียนถูกคำพูดของเขาทำให้เกิดความโมโหมาก

เขาเป็นถึงผู้อาวุโสของสำนักหลิงอู่ คำพูดของเขากลายเป็นคำพูดของอันธพาลที่ไม่น่าเชื่อถือหรือ

“หนานอู๋เฮิ่น! ที่นี่ไม่ใช่สถาบันไป๋หยวนของเจ้า” อู๋เชียนกัดฟันกล่าวเตือน

หนานอู๋เฮิ่นกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “ข้ารู้ว่าที่นี่คือสำนักหลิงอู่ ดังนั้นถึงมาที่นี่เพื่อเอาหนังสือทักษะการต่อสู้กับท่านอย่างไรล่ะ”

คำพูดของเขา ทุกประโยคไม่ออกนอกเรื่องหนังสือทักษะการต่อสู้เลย ราวกับว่าอู๋เชียนจะเป็นคนที่ไม่รักษาสัญญาจริงๆ เขาก็เลยต้องมาทวงถึงที่

อู๋เชียนถูกคำพูดของเขาทำให้ขายหน้า ยกมือขึ้นแล้วโยนหนังสือทักษะการต่อสู้ ลอยไปทางหน้าของเจียงหลี

แรงที่ใช้โยนมานั้น ไม่ใช่การโยนหนังสือทักษะการต่อสู่ธรรมดา ถ้าหากว่าโดนเข้า ใบหน้าเล็กๆ ของเจียงหลีคงจะกลายเป็นหัวหมูทันที

หมับ!

ดวงตาเจียงหลีหดเล็กลง ตอนที่กำลังจะหลบ มือของหนานอู๋เฮิ่นกลับอยู่ตรงหน้าของนาง คว้าหนังสือทักษะการต่อสู้ที่ลอยมาไว้มั่น

พลังที่หลงเหลืออยู่โดนหน้าของเจียงหลี ทำให้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

รอยยิ้มของหนานอู๋เฮิ่นที่ยังไม่เปลี่ยน มองไปยังดวงตาขุ่นมัวของอู๋เชียน พลังวิญญาณในมือแผ่ไปทั่วหนังสือทักษะการต่อสู้ ราวกับกำลังตรวจสอบว่าหนังสือทักษะการต่อสู้เป็นของจริงหรือของปลอม

เขาไม่เชื่อท่าทางของอู๋เชียนเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังหักหน้ากัน

“เป็นอย่างที่คิดไว้คือหนังสือทักษะการต่อสู้ระดับพิเศษขั้นสามจริงๆ ไม่เลวเลยนิ ผู้เฒ่าอู๋นับว่ายังรักษาสัจจะ” หลังจากที่พลังวิญญาณในมือหนานอู๋เฮิ่นหายไป พอปล่อยมือ หนังสือทักษะการต่อสู้หล่น “เจียงหลี ยังไม่เก็บหนังสือทักษะการต่อสู้ของเจ้าอีก”

เจียงหลียื่นมือรับหนังสือทักษะการต่อสู้ที่หล่นลงมา พร้อมกับยิ้มอย่างสดใสให้อู๋เชียน “ขอบพระคุณมากผู้เฒ่าอู๋”

“ไม่ต้องขอบคุณเขา มันเป็นรางวัลที่เจ้าชนะพนันอยู่แล้ว” หนานอู๋เฮิ่นหัวเราะแล้วพูด

สีหน้าอู๋เชียนขุ่นมัวลง แววตามีความเกลียดชัง “พวกเจ้าก็ได้หนังสือทักษะการต่อสู้ไปแล้ว ยังไม่ไปอีก?” เขาอยากจะพูดกับหนานอู๋เฮิ่นมากว่า “ไสหัวไป!” แต่เขากลับไม่กล้า ความรู้สึกอึดอัดแบบนี้ แทบจะทำให้เป็นทรมานจนเป็นบ้า

“ช้าก่อน จุดประสงค์ของข้าที่มาที่นี่ เพิ่งจะสำเร็จเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง จะไปได้อย่างไร” รอยยิ้มบนใบหน้าของหนานอู๋เฮิ่น ค่อยๆ เยือกเย็น

ถึงแม้ว่ายังยิ้มอยู่ แต่ความเยือกเย็นในแววตา ไม่ว่าใครก็มองออก

พวกคนที่สำนักหลิงอู่ เงียบสงบลง พวกเขารู้สึกถึงบรรยากาศที่จะเกิดเรื่องขึ้นในไม่ช้านี้ จิ่งเยี่ยที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางผู้คน สายตาจ้องมองที่เจียงหลีโดยตลอด เห็นด้วยตาตัวเองว่านางไม่เป็นอะไร เขาถึงจะหมดห่วงอย่างจริงๆ

เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยสังเกตเห็น มู่ชิงเหยียนที่อยู่ไม่ไกลกลับสังเกตเห็นว่าเขาให้ความสนใจสาวชุดดำคนนั้นอยู่ตลอด

“ยังมีธุระอะไรอีก” อู๋เชียนถามด้วยสีหน้าไม่ดี

หนานอู๋เฮิ่นยิ้มตอบอย่างเยือกเย็น “เป็นธรรมดาที่จะมาทวงหนี้จากมือสังหาร”

มือสังหาร!

เหล่าอาจารย์ลูกศิษย์ของสำนักหลิงอู่ต่างตกใจเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

แต่ว่าคำพูดที่เขาจะพูด อู๋เชียนกลับเข้าใจแล้ว เรื่องนั้นได้ถูกเปิดเผยไปแล้ว เขากะพริบตาตอบด้วยเสียงแข็งว่า “ข้าไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”

จะยอมรับเรื่องนี้ต่อหน้าผู้คนไม่ได้อย่างเด็ดขาด

“คนของสถาบันไป๋หยวนอวดดีเกินไปแล้ว!”

“นึกไม่ถึงว่าจะมาหาเรื่องถึงสำนักหลิงอู่ของพวกเรา”

“ดูแล้ว หรือว่าจะเป็นเพราะความอดทนของฝ่าบาทพวกเรา ทำให้พวกเขายิ่งหลงระเริงไปกันใหญ่ ลืมไปแล้วว่ายุคโฮ่วจิ้นนี้ใครเป็นใหญ่”

คำพูดของหนานอู๋เฮิ่น ทำให้เหล่าอาจารย์และลูกศิษย์ของสำนักหลิงอู่ต่างตกใจกันยกใหญ่

สายตาเปล่งประกายของเจียงหลีมองไปที่เขา มุมปากกลับยกขึ้นเล็กน้อย การถูกถือหางแบบนี้ นางชอบมาก! หนานอู๋เฮิ่นคนนี้ไม่เลวจริงๆ

“หากผู้เฒ่าอู๋ไม่เข้าใจ ข้าก็จะพูดให้ท่านเข้าใจ” หนานอู๋เฮิ่นยังคงท่าทางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คำพูดที่พูดออกไป กลับทำให้อู๋เชียนอกสั่นขวัญแขวน “ในอาณาเขตหลิงอู่ ลูกศิษย์ข้าคนนี้ถูกหลิงเจี้ยงสองคนและ

หลิงไซว่หนึ่งคนของสำนักหลิงอู่ไล่ฆ่า อีกจุดประสงค์หนึ่งที่ข้ามาในวันนี้ ก็คือกำจัดมือสังหารด้วยมือของข้าเอง เพื่อให้ลูกศิษย์ของข้าคลายความโกรธ!”

พูดจบ ไม่รออู๋เชียนตอบโต้ ร่างของหนานอู๋เฮิ่นก็กลายเป็นภาพมายาสองร่าง แยกไปซ้ายทางขวาทาง

เร็วมาก! ในแววตาของเจียงหลีเต็มไปด้วยความตะลึง

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

Status: Ongoing

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น…

ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้!

โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท