พลังอาฆาตทำลายล้างทุกสิ่ง
หรงจิ่งถูกปกคลุมไปด้วยความพยาบาท จนถึงตอนนี้เขารับรู้ถึงความอาฆาตเขาของเจียงหลีแล้ว
ไม่!
นางไม่ได้มีใจอาฆาตแค้นข้า นางใคร่ต่อสู้กับข้าด้วยแรงทั้งหมดที่มีต่างหาก หรงจิ่งเข้าใจขึ้นมาทันที
ตู้มม!
ทันใดนั้นพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งระเบิดออกมาจากร่างของเขาก่อตัวเป็นพายุหมุนวนนอกร่างกาย
พลังวิญญาณก่อร่างเป็นพายุหมุนเข้าปะทะกับแรงอาฆาตกดดันอย่างดุเดือด ในขณะนั้นแสงไฟกระพริบโลกมืดสลัวและพื้นที่ล่าสัตว์ของราชวงศ์ถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่น่ากลัวและยังทำให้ผู้คนจำนวนมากในซั่งตูตกใจแตกตื่น
ใครก็มิอาจคาดคิด เพียงการประลองต่อสู้ระหว่างหลิงเจี้ยงจะก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้
เสียงดังตู้มต้ามแสงที่รุนแรงปะทุขึ้นจากจุดปะทะกระจายอย่างรวดเร็วไปรอบๆ กลางอากาศและตัดต้นไม้ในพื้นที่ล่าสัตว์จนราบคาบเป็นหน้ากลอง
ต้นไม้จำนวนนับไม่ถ้วนเหลือเพียงรอยตัดแบนราบและส่วนที่ถูกตัดก็บิดเบี้ยวเป็นธุลีด้วยพลังที่น่ากลัวนี้และกระจัดกระจายไปบนท้องฟ้า
อ๊ากกก!
ทุกคนต่างร้องอุทานก้มตัวและนั่งยองๆ โดยไม่รู้ตัว ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดผวาและตื่นตะลึง
แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่ลืมที่จะมองไปยังสถานที่ที่หรงจิ่งยืนอยู่และ…เจียงหลี!
อาหลี! จิ่งเยี่ยตะโกนเรียกในใจมองไปยังร่างตรงตระหง่านราวกับมีดดาบปักผืนดินของเจียงหลี
ฟู่ว!
บริเวณมุมริมฝีปากของเจียงหลีมีเลือดสีแดงฉานไหลออกมา
บนคอเรียวของนางมีรอยแตกเปื้อนเลือด กลิ่นอายที่ผสมกับพลังฟ้าดินได้จางหายไปอย่างรวดเร็วและมลายไปอย่างไร้ร่องรอย
แม้แต่ลมหายใจของนางเองก็อ่อนระทวยลงเล็กน้อย
“นังเด็กบ้านี่!” ฉินเทียนอีมองไปยังเงาร่างในอาภรณ์ชุดดำที่แข็งกร้าวแล้วพึมพำเสียงทุ้มต่ำ
เล็บทั้งสองข้างของจิ่งเยี่ยจิกลึกเข้าไปในอุ้งมือ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอาหลีถึงทำเยี่ยงนี้ แม้กระทั่งเขาก็แค้นเคืองที่น้องสาวถูกทำให้กลายเป็นผู้ปกป้องนายน้อยตระกูลลู่เยี่ยงนี้!
เขามีสิทธิ์อะไรถึงให้อาหลีทำเพื่อเขาเช่นนี้
ดวงตาของจิ่งเยี่ยฉายแววเกลียดชังแม้กระทั่งตอนที่หันไปมองลู่เสวียนก็ยังมีความรู้สึกไม่ชอบใจ
ลมรอบๆ พัดพลังวิญญาณที่บ้าคลั่งออกไปเผยให้เห็นร่างยาวของหรงจิ่ง
“ยังไม่ตาย!”
“คุณชายจิ่งจะมาตายง่ายๆ เยี่ยงนี้ได้อย่างไร”
ทุกคนประหลาดใจและรู้สึกโชคดี อย่างไรเสียก็น่าเสียดายหากเทียนเจียวอย่างหรงจิ่งจะมาตายเช่นนี้
แค่กๆ หรงจิ่งลงมาปรากฏตัวหน้าผู้คนอีกครั้งไอรุนแรงสองครั้งและสีหน้าของเขาดูดีขึ้นหลังจากไอออกมาเป็นเลือด
เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หญิงสาวชุดดำที่ยืนอยู่ตรงข้ามและเปิดเผยความอับอายของเขาต่อหน้าผู้อื่นในยามนี้
ชุดคลุมขาวสว่างสีจันทร์บนร่างของหรงจิ่งเปื่อยยุ่ยจนแทบดูไม่ได้ ช่วงแขนที่เปิดเผยถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์
เมื่อเห็นเขาเป็นเชนนั้นทุกคนก็ประหลาดใจและถอนหายใจให้กับความเข้มแข็งของหรงจิ่ง
การประลองเมื่อครู่นี้หากลองเปลี่ยนเป็นพวกเขาเกรงว่าไม่สามารถต้านทานได้เลย
“หรงจิ่ง…” ฉินเทียนอีหรี่ตาเล็กน้อยเก็บซ่อนสีหน้าขี้เล่นเอาไว้ กระบวนท่านี้ของเจียงหลีมีพลังมากพอที่จะจัดการกับนักฆ่าเหล่านั้นในเวลานั้น แต่ตอนแรกนางยังคงเป็นแค่หลิงซื่อแต่ตอนนี้นางเลื่อนขั้นเป็นหลิงเจี้ยงแล้ว
กล่าวได้เพียงว่านางไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของวรยุทธ์นี้อย่างเต็มที่ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สงสัยในพลังของวรยุทธ์นี้ แม้แต่สำหรับเขามันก็ยากที่จะสำเร็จโดยไม่เกิดการสูญเสียแต่หรงจิ่งกลับเอาอยู่
การมองเห็นของหรงจิ่งนั้นชัดเจนมากทำให้ผู้คนรู้สึกว่าภายใต้ดวงตาคู่นี้เก็บซ่อนความคิดชั่วร้ายไว้ไม่มิด
เจียงหลียกยิ้มมุมปากที่มีรอยเปื้อนเลือดแล้วจ้องมองเขาโดยไม่แสดงความอ่อนแอให้เห็น “คุณชายจิ่งช่างต่อกรยากด้วยจริงๆ” โชคดีที่มีเสวียนกังกุยปกป้องร่างกายเอาไว้ มิฉะนั้นนางจะใช้พลังความโกรธของจักรพรรดินีง่ายๆ ได้อย่างไร
“เจ้าก็ทำให้ข้าประหลาดใจไม่น้อยเช่นกัน” หรงจิ่งตอบอ้อยอิ่ง
ฟังไม่ออกว่าน้ำเสียงของเขายินดีหรือยินร้าย
ผู้คนยากที่จะคาดเดาว่าสรุปแล้วเพราะการประลองต่อสู้ครั้งนี้โกรธจริงหรือไม่
“หรงจิ่งหมายความว่าอย่างไร” โจวยวนที่หายจากอาการตกใจขมวดคิ้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเจียงหลีออกหน้าออกตาทำให้นางรู้สึกอึดอัด “เป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เขาเป็นถึงคุณชายตระกูลสูงส่งจะแพ้นางได้หรือ”
“หรงจิ่งยังไม่ได้ลงมือต่างหาก” มู่หว่านโหรวจดจ้องไปที่สองคนนั้นแล้วแก้คำพูดของโจวยวน
อันที่จริงการประลองเมื่อครู่นี้หรงจิ่งทำเพียงแค่ตั้งรับยังไม่ทันได้ลงมือ
“ไม่ว่าการประลองครั้งนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตามและไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเยี่ยงไร เจียงหลีนี้จะกลายเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาที่สุดของงานล่าสัตว์ฤดูร้อนนี้” มู่ชิงเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
ในเวลานี้นางได้ขจัดความผิดหวังและความเศร้าโศกในใจและฟื้นคืนกิริยาความสง่างามขององค์หญิง
เมื่อคำพูดนี้ออกจากปากไปสีหน้าของผู้คนพลันซีดเผือด
นี่มันอะไรกัน น้ำสียงของหรงจิ่งเหมือนเต็มใจเป็นคู่ฝึกหมายความว่าอย่างไร
ผู้สังเกตการณ์ต่างประหลาดใจมากและไม่เข้าใจเจตนาของหรงจิ่ง อย่างไรก็ตามเจียงหลีไม่สนใจสิ่งที่หรงจิ่งคิดเพียงแต่ยิ้มเยือกเย็น “แน่นอน!”
เมื่อกล่าวจบนางก็ปลดปล่อยเลี่ยเทียนซื่อออกมา
ในฐานะที่นางเป็นหลิงเจี้ยง วิญญาณยุทธ์ยิ่งแกร่งกล้าขึ้นมาก เมื่อปีศาจร้ายที่สามารถแยกฟ้าดินได้ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังนาง ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง
โฮกกก! เลี่ยเทียนซื่อผงกหัวขึ้นเท้าหน้าเหยียบพื้นดินสะเทือนเลื่อนลั่น
“หมัดพิฆาตขั้นหก!” เจียงหลีส่งเสียงต่ำและพุ่งเข้าหาหรงจิ่งด้วยหมัดลุ่นๆ
หมัดพิฆาตขั้นหกอาจส่งผลมากมายต่อร่างกาย ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่ก่อให้เกิดผลกระทบใดๆ แน่นอน แต่ทว่า…
กรอบบ!
ในขณะที่เจียงหลีเข้าไปใกล้หรงจิ่ง เสียงแตกละเอียดดังขึ้นดึงดูดจุดสนใจของหรงจิ่ง
ร่างของเขาวูบไหวเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของเจียงหลี ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจโดยจดจ่อไปทีรอยแผลปริแตกที่ลำคอของนาง
เมื่อเห็นหรงจิ่งหลบเลี่ยงเจียงหลีก็เปลี่ยนท่าและโจมตีเขาอีกครั้ง
หรงจิ่งหลบตัวอีกครั้งและเจียงหลียังคงตามไล่ล่า
บาดแผลบนร่างกายของนางฉีกขาดอยู่ตลอดเวลาและเลือดไหลออกจากบาดแผลทำให้อาภรณ์สีดำของนางย้อมไปด้วยสีแดง
สี่ทิศรอบตัวไม่มีเสียงใดๆ
ทุกคนมองฉากนี้ด้วยความตกใจ เลือดอาบร่างหญิงสาว ริมฝีปากของนางปิดแน่นสนิท ดวงตาของนางมุ่งมั่นโจมตีหรงจิ่ง
ดวงตาของเสวียนลู่ประกายความตื่นเต้นแทบรอไม่ไหวที่จะรีบขึ้นต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเจียงหลี
แต่จิ่งเยี่ยมองสถานการณ์ด้วยความตึงเครียด ได้แต่โมโหอยู่ในใจแทบอยากจะเข้าไปฆ่าคนที่ทำให้น้องสาวเขาเป็นเยี่ยงนี้ไม่ไหว
ฉินเทียนอี ยืดตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัวจ้องมองร่างเล็กที่ไล่ตามอยู่ตลอดเวลา ดวงตาของเขาเปลี่ยนไปอย่างมิอาจคาดเดาได้
“อะไรที่ทำให้นางดื้อรันได้ถึงเพียงนี้ นายน้อยตระกูลลู่มีเสน่ห์จริงๆ ถึงทำให้นางยินยอมพร้อมใจเช่นนี้” มู่ชิงเหยียนยังตกตะลึงไม่หายพึมพำถามตัวเอง ในดวงตาของนางฉายแววชื่นชมในความดื้อรั้นของเจียงหลี
“พอได้แล้ว!” จู่ๆ หรงจิ่งก็ส่งเสียงร้องทุ้มต่ำ หยุดร่างของเขาและเปิดหน้าอกต่อหน้าเจียงหลี
หกหมัดหนักผสานเข้ากับอนุภาพของวิญญาณยุทธ์ พลังโจมตีพุ่งออกมาจากกำปั้นเล็กๆ ของเจียงหลีและชกเข้าที่หน้าอกของหรงจิ่งเข้าอย่างจังงัง…