ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 214 นักเรียนที่เพิ่งย้ายสถาบันเก่งขนาดนี้เลยหรือ

ตอนที่ 214 นักเรียนที่เพิ่งย้ายสถาบันเก่งขนาดนี้เลยหรือ

ในน้ำเสียงนี้ มีความหยอกล้อ และความไม่สนใจใยดี เช่นเดียวกันกับความอวดดีในน้ำเสียงนั้น และไม่น่าฟังเป็นอย่างมาก

หลังจากที่ทั้งสามคนได้ยิน ก็ขมวดคิ้วพร้อมกัน

ไม่ใช่เพราะว่าน้ำเสียงของคนที่พูด แต่เป็นเพราะว่าพวกเขารู้สึกคุ้นหูกับเสียงนี้มากๆ

เหมือนว่าเพิ่งจะได้ยินมาก่อนหน้านี้ไม่นาน

ตอนที่ได้ยินเสียงนี้ พวกเขาทั้งสามเกือบจะหันไปมองพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย แต่ขณะที่เจียงหลีกำลังหันไปมอง หางตาของเจียงหลีก็ไม่พลาดเห็นคนที่ชื่นชอบโจวยวนเหล่านั้น จู่ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นนอบน้อมเพื่อประจบ ความรังเกียจในแววตาของโจวยวนเปลี่ยนเป็นความเบิกบานอย่างเสแสร้ง

“องค์ชายรอง!”

พวกคนที่ชื่นชอบโจวยวนเหล่านั้น เก็บสายตาชื่นชอบโจวยวนไว้ ทำความเคารพองค์ชายรองอย่างนอบน้อม

เมื่อได้ยินที่พวกเขาเรียก พวกเจียงหลีจึงได้สติขึ้นมา เสียงที่คุ้นหูนี้ ไม่ใช่องค์ชายรองคนนั้นหรอกหรือ

เพราะว่าเขาไม่ได้โผล่หน้าออกมาเลย มีเพียงเสียงที่ได้ยิน ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะเจอเป็นครั้งแรก แต่กลับคุ้นเคยกับเสียงนี้เป็นอย่างมาก

เจียงหลีหันไปมอง เห็นรูปร่างหน้าตาของเขาชัดเจนแล้ว

เทียบกับใบหน้าของคนซีเฉียนทั่วไปที่ค่อนข้างป่าเถื่อนแล้ว ใบหน้าขององค์ชายรองท่านนี้ ค่อนข้างอ่อนโยน โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น ถึงแม้ว่าจะดูดีมาก แต่กลับมีความลุ่มลึกยากจะคาดเดา

เขายิ้ม เดินมาข้างๆ พวกเจียงหลีอย่างไม่สนใจใยดี เหมือนว่าไม่รู้จักพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น

ถึงแม้การปะทะที่ถนนก่อนหน้านี้ องค์ชายรองไม่ได้เผยหน้า

แต่พวกเขาสามคนเชื่อว่าการเคลื่อนไหวที่ประเจิดประเจ้อขนาดนั้น เขาจะไม่เห็นใบหน้าของทั้งสามคน โดยเฉพาะหลังจากที่รู้ว่าพวกเขาคือคนของสถาบันไป๋หยวน เขายังทิ้งท้ายด้วยประโยคที่กำกวม

ดูตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าที่แท้องค์ชายรองแห่งซีเฉียนก็เป็นนักเรียนของสถาบันไป๋หยวนเหมือนกัน

แต่ในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าองค์ชายรองท่านนี้จงใจแกล้งทำเป็นไม่รู้จักพวกเขา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาทั้งสามคนก็จะไม่พูดถึงเรื่องก่อนหน้านี้

“ฝ่าบาท” ทันใดนั้นเสียงที่นุ่มนวล มีความอาลัยอาวรณ์ก็ดังขึ้น

ลู่เสวียนหันไปมองโจวยวนอย่างไม่เชื่อสายตา

โจวยวนเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร โจวยวนรับรู้ได้ถึงสายตาของเขา นางมองไปที่เขา ไม่ปิดบังความอาฆาตแค้นลึกๆ ในแววตาเลยสักนิด

“ยวนเอ๋อร์” องค์ชายรองรีบเดินมายืนอยู่ข้างๆ โจวยวนอย่างสนิทสนม

คนพวกนั้นที่ชื่นชอบโจวยวนที่ตามนางมาก่อนหน้า ถอยออกไปอย่างเงียบๆ ไม่กล้ามองโจวยวนอีก ถึงขั้นรู้สึกหวาดเสียวเสียด้วยซ้ำ โจวยวนกับองค์ชายรองไปคบกันตอนไหน

“พวกเขาทำให้เจ้าไม่พอใจรึ” ทันใดนั้นองค์ชายรองก็มองพวกเขาทั้งสามคน แววตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์

“พวกเจ้าทั้งสามคน เห็นองค์ชายรองแล้วทำไมถึงไม่คุกเข่าลง” คนที่ชวนโจวยวนคุยก่อนหน้านี้ เหมือนกับได้โอกาสที่จะทำดีชดเชยความผิด ร้องเอะอะทันที

เจียงหลียิ้มอ่อนอย่างหยอกล้อ “ไม่ใช่ว่าคนที่อยู่ระดับขั้นหลิงเจี้ยงขึ้นไปไม่ต้องคุกเข่าหรอกหรือ”

“เพ้อเจ้อ! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นหลิงเจี้ยงรึ?” ชายผู้นั้นพูดอย่างเหยียดหยาม

แต่ทว่า องค์ชายรองกลับยิ้มไม่ออก หลุบตาลง คนอื่นไม่รู้ แต่เขารู้ว่าเจียงหลีและเจียงเฮ่าคือหลิงเจี้ยง

“แต่เขาไม่ใช่ เห็นข้า ทำไมถึงไม่คุกเข่า” องค์ชายรองชี้ไปที่ลู่เสวียน

ลู่เสวียนยิ้มเยาะ ไม่อยากสนใจ

เจียงหลียิ้มกว้างมากขึ้น “เขาเป็นถึงหยวนหวังแห่งราชวงศ์จยาเซียนของข้า เจ้ามีฐานะเป็นเพียงแค่องค์ชาย ทำไมจึงต้องคุกเข่า”

“ราชวงศ์จยาเซียน?” องค์ชายรองทำเสียงฮึดฮัด “คือราชวงศ์ที่ก่อตั้งโดยพวกกบฏนั้นใช่ไหม”

แต่โจวยวน หลังจากได้ยินคำพูดของเจียงหลี ใบหน้าที่งดงามกลับแปรเปลี่ยนเล็กน้อย จิกเล็บจนแทบจะจมลงไปกลางฝ่ามือ

“ผู้ชนะคือราชา ผู้แพ้คือกบฏ ฮ่องเต้แห่งโฮ่วจิ้นถูกประชาชนต่อต้าน ไม่มีความเมตตา ไร้ซึ่งความยุติธรรม จุดจบในตอนนี้คือกรรมที่เขาได้ก่อไว้” ลู่เสวียนพูดอย่างเยือกเย็น

“ลู่เสวียน!” โจวยวนตะโกนเสียงดัง กัดฟัน เลือดขึ้นหน้า จ้องมองเขา “เช่นนั้นท่านแม่ของข้าผิดอะไร”

ลู่เสวียนเงียบไป

ตอนนี้ เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าเขาไม่ได้ฆ่าแม่ของนาง แต่แม่ของนางฆ่าตัวตายเอง

“ยวนเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว ในเมื่อพวกเขามาถึงที่นี่แล้ว ถ้าหากกล้ารังแกเจ้า ข้าจะช่วยเจ้าแก้แค้นเอง” ในขณะที่องค์ชายรองกำลังพูด ก็ยกมือขึ้นโอบไหล่ของโจวยวนไปด้วย

การสนทนานี้ ผู้คนที่ล้อมอยู่รอบๆ จึงได้รู้ถึงบุญคุณความแค้นระหว่างทั้งสองฝ่าย เป็นความเกลียดชังที่ครอบครัวถูกทำลายและความแค้นที่บ้านเมืองถูกรุกราน

“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่รักและเมตตาเพคะ” โจวยวนไม่ได้ขัดขืน แต่กลับโน้มตัวเข้าไปในอ้อมกอดขององค์ชายรองแทน นางมองลู่เสวียนที่ขมวดคิ้วและเม้มปากอยู่ ความสะใจที่ได้แก้แค้นอีกแบบหนึ่งเกิดขึ้นในใจ

องค์ชายรองยิ้มออกมา ความอวดดีในแววตาที่เผยออกมา เหมือนกันกับพี่ชายของเขาเลย มองทุกอย่างเป็นเพียงแค่ตัวตุ่นและมด

“ในเมื่อพวกเจ้าเข้ามาในประเทศซีเฉียนของข้าแล้ว ก็เก็บหางของพวกเจ้าไว้ ทำตัวดีๆ อย่าทำให้ข้าไม่พอใจ มิฉะนั้นข้าก็จะทำให้พวกเจ้าไม่พอใจเหมือนกัน” องค์ชายรองพูดข่มขู่เบาๆ

“เป็นแค่หลิงเจี้ยงขั้นหนึ่ง ก็กล้าเอะอะโวยวายเช่นนี้เลยหรือ” เจียงหลียิ้มเยาะอย่างหยอกล้อ

องค์ชายรองหุบยิ้ม ชั่วพริบตาสีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมา “ไม่เจียมตัว! พวกเจ้าย้ายสถาบันมาถึงซีเฉียนของข้า ยังกล้าอวดดีเช่นนี้?”

“เจ้าน่ะสิที่ไม่เจียมตัว!” เจียงหลีพูดตะโกนเสียงดังออกไปเช่นกัน “ด้วยฐานะ พวกเราคนหนึ่งเป็นองค์หญิง คนหนึ่งเป็นท่านอ๋อง คนหนึ่งเป็นท่านแม่ทัพใหญ่ เจ้าเป็นเพียงแค่องค์ชายที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้ง ด้วยศักยภาพ เจ้าก็สู้ข้าไม่ได้ มีสิทธิ์อะไรมาอวดดีใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่นี่ พูดจาข่มขู่รึ เจ้าอย่าลืมว่าที่นี่คือสถาบันไป๋หยวน ไม่ใช่ตำหนักในพระราชวังซีเฉียนของเจ้า ที่นี่ว่ากันตามศักยภาพ ไม่ใช่ฐานะ ในเมื่อเจ้าฝีมือสู้ข้าไม่ได้ ก็อยู่เงียบๆ ไป อย่ามาเสนอตัวอยากมีตัวตนเช่นนี้อีก ไม่เช่นนั้นเจ้าก็จะ……”

เจียงหลียิ้มอย่างประหลาด จะยิ้มก็ไม่ยิ้มแล้วมององค์ชายรองที่โมโห “เหมือนสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นของเจ้า ที่ถูกข้าสังหารในหมัดเดียว”

“เจ้า!” องค์ชายรองถูกเจียงหลีพูดเหยียดหยามอย่างมาก ถึงขั้นผลักโจวยวนที่อยู่ในอ้อมกอดออก

“พูดได้ดี!”

แต่ทว่า ก่อนหน้าที่เขาจะระบายความโกรธออกมา ก็มีเสียงดังแทรกขึ้นมา “ในสถาบันไป๋หยวน ไม่แบ่งฐานะสูงต่ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฐานะข้างนอกของพวกเจ้า ทั้งหมดที่นี่คุยกันด้วยศักยภาพ”

องค์ชายรองมองคนที่มาด้วยสายตาที่โหดเหี้ยม

เจียงหลีก็มองไปเหมือนกัน แต่ในตอนที่เห็นคนที่มาชัดเจนแล้ว ก็พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “ท่านอาจารย์เฟิง?”

ทันใดนั้น คนที่ปรากฏตัวขึ้น นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเฟิงสิงอวิ๋น หนึ่งในเจ็ดวีรบุรุษของสถาบันไป๋หยวนแห่งราชวงศ์จยาเซียน ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่สถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนได้

“สาวน้อย เจ้าให้ข้ารอนานเลยนะ! เจ้ารู้ไหมว่าข้ามาถึงที่นี่เกือบจะครึ่งเดือนแล้ว” เฟิงสิงอวิ๋นยิ้มเจื่อนๆ ให้เจียงหลี พูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ

“รอข้า?” เจียงหลีขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

เฟิงสิงอวิ๋นเมินองค์ชายรองที่อยู่ตรงนั้น ทักทายเจียงหลี “ใช่แล้ว ท่านอาจารย์หนานของเจ้าไม่วางใจ เป็นห่วงว่าเจ้าจะถูกกลั่นแกล้งที่นี่ สั่งให้ข้ามาประจำอยู่ที่นี่โดยเฉพาะ ลูกศิษย์ของพวกเราที่เพิ่งย้ายสถาบันจะได้ไม่ถูกรังแก”

พูดจบ สายตาของเขาที่เหมือนจะไม่มองแต่ก็มองไปทางองค์ชายรอง

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

Status: Ongoing

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น…

ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้!

โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท