ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 248 ไว้เจอกันใหม่ที่โลกหลัก

ตอนที่ 248 ไว้เจอกันใหม่ที่โลกหลัก

เมื่อได้ยินเสียงดังกล่าว เจียงหลีจึงอดยิ้มอย่างขมขื่นไม่ได้  แค่ไม่กี่วันก็รอไม่ไหว ตามมาจนได้ 

คำพูดของนางทำให้ลู่เจี้ยที่ยืนอยู่ข้างหลังหลุบตาต่ำ มิอาจคาดเดานางจากสายตาได้

น้ำเสียงของเขาเป็นเสียงผู้ชายชัดๆ

แต่เสี่ยวเกอร์เอ๋อร์

หากเรียกกันอย่างสนิทสนมเช่นนี้ จะเรียกชื่อผู้ชายออกมาจากปากผู้ชายอีกคนได้อย่างไร ลู่เจี้ยเกิดความสงสัย เงยหน้ามองมู่ชิงเกออย่างไม่เข้าใจ

เมื่อลำแสงนั้นสลายไป เงาร่างของคนตัวโตและคนตัวเล็กก็ปรากฏยังลานเล็กๆ นี่

ผู้อารักขาของลู่เจี้ยเสียสติไปแล้ว คนลงมาจากบนฟ้าได้อย่างไร ประตูกลายเป็นแค่ของประดับตกแต่งไปแล้วหรือ สิ่งที่ขัดขวางพวกเขาคือบรรยากาศที่แข็งแกร่งเกินจะต้านทาน

ประสาทสัมผัสทั้งห้าของแขกที่ไม่ได้รับเชิญเริ่มชัดเจน

ทั้งสองมีความสวยงามมากจนสามารถบดบังความงามของนายน้อยของพวกเขาได้จึงทำให้ผู้อารักขาตกตะลึง

ซือมั่วมองมู่ชิงเกอด้วยสายตารักใคร่โดยที่คนอื่นไม่ได้สังเกตเห็น

 ท่านแม่!  เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของซือมั่วเมื่อเห็นมู่ชิงเกอเข้าก็พยายามตะเกียกตะกายลงไป อีกทั้งยังยืดแขนออกมาขอกอด

ท่านแม่!

คำเรียกนี้ ทำเอาผู้อารักขาเบิกตาค้าง นัยน์ตาลู่เจี้ยดิ่งลึก หลีเอ๋อร์ของเขา ทำเขาไว้แสบนัก

 พวกเจ้าออกไปให้หมด  จู่ๆ ลู่เจี้ยก็ออกคำสั่ง

เหล่าผู้อารักขาไม่กล้าฝืนคำสั่งจึงรีบออกไปพร้อมกับความสงสัยอย่างหนัก

มู่ชิงเกอยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ยกมือขึ้นมาถอดต่างหูสีม่วงที่หูข้างซ้ายของตัวเองออก การเปลี่ยนแปลงที่น่าประหลาดใจเกิดขึ้นในสายตาของลู่เจี้ย

ชายหนุ่มรูปงามในอาภรณ์สีแดงคนนั้นพลันเปลี่ยนเป็นสตรีรูปงามล่มเมือง

ดวงตาของลู่เจี้ยค่อยๆ เบิกกว้างมองดูฉากนี้อย่างไม่เชื่อสายตา

มู่ชิงเกอเดินไปหาซือมั่วแล้วเอื้อมแขนรับซือมู่ ยังไม่ทันที่มือนางจะสัมผัสโดนตัวซือมู่ก็ถูกมือใหญ่ขัดขวางเอาไว้  ตอนนี้เจ้ายังอุ้มไม่ได้  กล่าวด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนิเล็กน้อย

ซือมู่มองตาปริบๆ อย่างน่าสงสารก่อนจะหันไปมองบิดาของตน

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปากก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ  ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นเสียหน่อย 

 เช่นนั้นก็ไม่ได้  ซือมั่วตอบอย่างเอาแต่ใจ

 จิ๊ๆ เสี่ยวซือมู่น่ารักขนาดนี้ มา มาให้ท่านน้าอุ้มหน่อย  เจียงหลีปรากฏตัวข้างมู่ชิงเกอแล้วยื่นแขนออกไปอุ้มซือมู่

 เจียงหลี?  ซือมั่วหันมามองเจียงหลีและหรี่สายตาเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามพลังของซือมั่วได้ปกคลุมหลินชวนเป็นเวลาหลายปี และการสัมผัสใกล้ชิดของเจียงหลีกับเขา ยังคงเป็นเรื่องน่าอายเล็กน้อยในใจของเขา

หลังจากนางแย่งเอาซือมู่ที่กำลังงุนงงไปจากอ้อมแขนของเขาแล้วนางก็รีบถอยห่างออกมาและยิ้มเยาะว่า  ทรงพระเจริญเพคะเทวะราชา 

 ท่านเป็นใคร  ซือมู่มองไปยังหญิงสาวที่ฉุดเขาไป

เจียงหลีกล่าวด้วยความจริงใจ  ข้าคือท่านน้าของเจ้า 

 ว้าว! ข้าอยากกอดพี่สาวคนสวย  ใครจะไปรู้ ก่อนที่นางจะพูดจบดวงตาของเด็กผู้ชายตัวเล็กก็จับจ้องไปที่ร่างของลู่เจี้ยและเขาก็หลุดพ้นจากอ้อมแขนของนางและรีบวิ่งไปที่เขา

ซือมั่วกลับยกมือขึ้นมาใช้พลังดึงดูดให้ซือมู่ที่กำลังวิ่งกลับมา เจียงหลีจึงือดถอนหายใจโล่งอก

นางกลัวจริงๆ ว่าถ้าซือมู่วิ่งเข้าใส่เช่นนี้ร่างกายของหลู่เจี้ยจะทนไม่ได้

 ท่านพ่อปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ข้าอยากเล่นกับพี่สาวคนสวย  ซือมู่ดิ้นพล่านในอ้อมแขนของซือมั่ว

ลู่เจี้ยที่ถูกเรียกว่า ‘พี่สาวคนสวย’ ถึงสองครั้ง ในตอนนี้เขาไม่สนใจเด็กปีศาจและฉากวุ่นวายนี่อีกแล้ว

สายตาของเขาเอาแต่จ้องมองเจียงหลีด้วยสัมผัสที่อ้อยอิ่งและอ่อนโยน

 ซือมู่ อย่าก่อความวุ่นวาย  มู่ชิงเกอเอ็ดเข้าซือมู่สงบลงทันทีและนั่งยองอย่างเชื่อฟังข้างเท้าท่านพ่อ แต่ด้วยดวงตาโตที่กะพริบปริบๆ ยังคงแอบมองลู่เจี้ย พี่สาวคนสวยคนนี้ โตขึ้นข้าต้องตบแต่งนางเข้าบ้านให้ได้

 หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว กี่ขวบแล้วยังแยกชายหญิงไม่ออก  ราวกับว่าเขารู้ว่าลูกชายของเขากำลังคิดอะไร ซือมั่วมองไปที่แครอทตัวน้อยที่นั่งยองๆ อยู่บนเท้าของเขาอย่างเยาะเย้ย

แคว่ก!

สายฟ้าฟาดลงมาที่หัวใจของซือมู่ ยังไม่ทันได้รักก็อกหักเสียแล้ว

มู่ชิงเกอจิกตามองซือมั่วแวบหนึ่งก่อนจะหันไปมองลู่เจี้ยกับเจียงหลี

ลู่เจี้ยที่โดนสายตานางสนใจจึงเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวไปยืนด้านหลังเจียงหลี ดูเหมือนจะแสดงให้นางเห็นทุกอย่างด้วยการเคลื่อนไหวของเขา

เจียงหลีมองมู่ชิงเกอด้วยสีหน้าซับซ้อนแล้วเผยรอยยิ้มฝืนๆ ออกมา  ต้องไปแล้วหรือ 

 อืม  มู่ชิงเกอพยักหน้า

ขณะเดียวกันซือมั่วก็เอ่ยปากพูด  เจียงหลี ข้ายังไม่เคยขอบคุณเจ้าจริงจังสักครั้ง ขอบคุณที่เจ้าเสียสละทุกสิ่งเพื่อช่วยเสี่ยวเกอเอ๋อร์ในปีนั้น 

เจียงหลีคลี่ยิ้ม  ที่ข้าทำไปทั้งหมดเพียงเพราะคนนั้นคือมู่ชิงเกอ ฉะนั้นไม่ต้องขอบคุณ 

ซือมั่วพยักหน้าอย่างชื่นชมทิ้งช่วงเวลาสุดท้ายไว้ให้กับมิตรภาพของทั้งคู่ที่แยกจากกันมาเนิ่นนาน

 ลู่เจี้ย  จู่ๆ มูชิงเกอก็เอ่ยเรียกลู่เจี้ย

ลู่เจี้ยมองนางรอนางพูดคำต่อไป

 ข้ามาเพื่อหาเจียงหลี ตามหามาหลายปี ไม่รู้ว่าตามหามากี่โลกแล้ว ก่อนที่ข้าจะตามหานางเจอ ตอนแรกข้าคิดจะพานางกลับไปด้วย แต่ทว่า เมื่อข้าตามหานางเจอแล้ว นางกลับปฏิเสธที่จะตามข้ากลับไป… 

ลู่เจี้ยสะท้านใจมองเจียงหลีด้วยสีหน้าสับสน

เจียงหลีรู้สึกเขินอายเล็กน้อย นางไม่คิดว่ามู่ชิงเกอจู่ๆ จะพูดเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดวงตาที่ร้อนแรงของลู่เจี้ยมองไปนาง ทันใดนั้นนางรู้สึกวูบวาบเล็กน้อย

 ดูแลดีๆ  ในที่สุดมู่ชิงเกอเอ่ยคำสั่งออกมาสี่คำ

 ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้นางได้สิ่งที่ดีที่สุด  ลู่เจี้ยคำมั่นสัญญา

 ข้าหวังว่าเจ้าจะจำสิ่งที่เจ้าพูดได้ไม่ว่าจะเป็นยามใด  มู่ชิงเกอพึมพำด้วยสีหน้าหลากอารมณ์

 ชิงเกอ ขอบคุณที่เจ้ามาหาข้า  เจียงหลีกล่าว

มู่ชิงเกอหัวเราะ  พูดอะไรโง่ๆ ฮะ ไม่ใช่แค่สำหรับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเพื่อตัวข้าเองด้วย ข้าไปล่ะ ดูแลตัวเองด้วย 

 อืม วางใจเถอะ  เจียงหลีพยักหน้าหนักแน่น

มู่ชิงเกอค่อยๆ ก้าวถอยหลังและยืนข้างซือมั่ว นางมองไปที่เจียงหลี  จำสิ่งที่ข้าพูดให้ดี ข้ากำลังรอเจ้าอยู่ที่โลกหลัก! 

 ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอนาน!  เจียงหลีพูดอย่างมั่นใจ

มู่ชิงเกอพยักหน้า หายตัวไปในม่านแสงพร้อมซือมั่วและลูกชาย

เจียงหลีเงยหน้าขึ้นมองไปที่ลำแสงที่ถูกยิงขึ้นไปในอากาศและพึมพำ  ชิงเกอมาแล้วและก็จากไปแล้ว นางพรากเอาโซ่ตรวนเส้นสุดท้ายในโลกใบนั้นของข้าจากไปด้วย 

ลู่เจี้ยจ้องมองนาง ทันใดนั้นก็เหยียดแขนยาวกอดนางไว้ในอ้อมแขน

เหนือเมฆมู่ชิงเกอจ้องมองลงไปที่เมืองที่กลายเป็นจุดสีดำอย่างเงียบๆ ไม่พูดสิ่งใด

 เสี่ยวเกอเอ๋อร์ คลายปมในใจได้แล้วหรือยัง  ซือมั่วเอ่ยถาม

มู่ชิงเกอพยักหน้าช้าๆ  ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ข้าก็สบายใจ โลกใบนี้เป็นของนาง นางได้เดินทางของนางเองในโลกใบนี้ หลอมรวมเป็นโพธิจิตของนาง 

ทันใดนั้นแสงสีทองนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหามู่ชิงเกอจากพื้นและทะลุเข้าไปในร่างของนาง

ซือมั่วเห็นจึงถามด้วยความประหลาดใจ  เจ้าลบความทรงจำของคนที่เคยเห็นเจ้าใช่หรือไม่ 

 อืม  มู่ชิงเกอยอมรับ  นอกจากเจียงหลีกับลู่เจี้ยแล้ว จะไม่มีใครบนโลกใบนี้จำข้าได้ เรื่องของข้าจบแล้วก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของเจียงหลี วันหนึ่งผู้คนในโลกนี้จะถูกปกคลุมไปด้วยปัญญาอันเลิศล้ำของเจียงหลีส่วนภารกิจของข้าได้เสร็จสิ้นแล้ว 

 เช่นนั้นเรากลับโลกหลักกันเถอะ 

 ตกลง! 

……………….

 

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

Status: Ongoing

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น…

ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้!

โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท