บทที่ 19 นี่เขาหมายความว่าไง
ในห้องน้ำ
เธอนั่งอยู่บนฝาโถส้วมห้องนึง กลางคืนในห้องน้ำรู้สึกเย็นวูบ หนาวมาก เธอใช้มือลูบแขนเพื่อให้ร่างกายตัวเอง
อบอุ่นขึ้น
“ ฮัดชิ่ว ! ” เธอหนาวจนจามออกมา นี่ไข้เธอก็เพิ่งจะหาย
ถูกขังอยู่ในนี้ทั้งคืนแบบนี้ คงจะเป็นหวัดและไข้ขึ้นสูงอีกแน่ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ และไม่มีวิธีที่จะออกไป
ได้แต่ต้องนั่งพิงหลับอยู่กับโถส้วม
“ ปัง ! ! ”
จู่ๆได้ยินเสียงชนกับประตูดังขึ้นเบาๆ ทันได้นั้น เย้นหว่านรีบลืมตาขึ้น มีความหวังแล้ว เร่งรีบเดินออกจากห้องส้วม
“ มีคนอยู่ข้างนอกมั้ยคะ ? ฉันอยู่ในนี้ ช่วยเปิดประตูให้ฉันที”
เหมือนจะได้ยินเสียงของเธอ เสียงประตูได้เงียบไปสักพัก
หลังจากนั้นเสียงก็ยิ่งดังขึ้น
“ ปัง !”ทีเดียว ประตูเหมือนจะมีของอะไรถูกดึงทิ้ง ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก
มีคนมาช่วยเธอแล้ว เย้นหว่านดีใจมาก ที่คืนนี้เธอไม่ต้องติดอยู่ในนี้
“ ขอบคุณค่ะ ……. ” ยังไม่ทันจะพูดจบ พอเธอได้เห็นผู้ชายที่สูงใหญ่ยืนอยู่หน้าประตู เธอตกใจจนอึ้งไป
“ คุณโห้ ? ”
เย้นหว่านไม่นึกเลยว่าคนที่มาช่วยเธอจะเป็นโห้หลีเฉินได้ เธอนึกว่าเป็นรปภของบริษัทที่ขึ้นมาตรวจตรา
ลมหายใจของโห้หลีเฉินดูจะหอบเหนื่อย คงเป็นเพราะเดินเร่งรีบมาก ลมหายใจยังไม่หยุดนิ่ง
สายตาของเขาหยุดลงที่เธอ เห็นหน้าที่แดงชมพูของเธอปนด้วยขาวซีด คงเป็นเพราะหนาวมาก ตัวเธอก็กำลัง
หนาวสั่น เขาหรี่ตาลงนิดๆ ถอดเสื้อสูทบนตัวเขา แล้วเดินไปคลุมที่ไหล่เธอ เสื้อคลุมยังมีความอุ่นจากร่างกาย
ของเขาที่เหลืออยู่ เธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที
เธอยืนอึ้งอยู่ รู้สึกแปลกใจมาก
ตอนประชุมเขาไม่มองหน้าเธอเลยด้วยซ้ำ ทำเหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกัน แล้วตอนนี้ ทำไมต้องมาทำกับเธอ
แบบนี้ ………
เห็นเธอไม่ขยับ โห้หลีเฉินพูดขึ้นเสียงต่ำ “ เธอเดินไหวมั้ย ? ”
“ ไหว ฉันไหว ! ”
เธอได้สติกลับมา รีบพยักหน้าแล้วเดินนำออกไป
โห้หลีเฉินมองเงาหลังที่บอบบางของเธอ ริมฝีปากของเธอดูเย็นสั่น ร่างกายของเธอบอบบางมาก
ไม่รู้ว่าเธอติดอยู่ในนี้นานเท่าไหร่ ดูถ้าคงจะไม่สบายอีก
เขาหยิบมือถือขึ้นมาโทร “ ฉินฉู่ ไปรอฉันที่ส้ายน่า”
ออกจากห้องน้ำ เธอเห็นรอบๆต่างก็เงียบกริบ พนักงานเลิกงานกันหมด ไม่มีเงาคนสักคน
แต่ที่ล็อบบี้มีรปภเฝ้ายามอยู่
เย้นหว่านและโห้หลีเฉินได้ลงลิฟต์มาพร้อมกัน ตอนก่อนจะถึงชั้นหนึ่ง เย้นหว่านได้ถอยเสื้อคลุมลงมา
ยื่นให้กับโห้หลีเฉินอย่างมีมารยาท “ ขอบคุณค่ะ คุณโห้”
โห้หลีเฉินไม่ได้รับมา แววตาดูจะไม่พอใจ
“ คุณไม่ต้องคืนผม ใส่กลับบ้านไป ”
“ ที่ล็อบบี้มีรปภเฝ้ายามอยู่ ถ้าเห็นฉันใส่เสื้อของคุณอยู่ มันคงจะไม่ค่อยดี ”เย้นหว่านอธิบายถึง
ไม่อธิบายยังพอว่า พอได้ยินคำอธิบายของเธอแล้ว สีหน้าของโห้หลีเฉินนิ่งหนักขึ้น สายตาที่จ้องเธอดูอันตราย
“ ทำไม มีความสัมพันธ์กับผมแล้วมันน่าอายมากใช่มั้ย ?”
“ เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“ แล้วหมายความว่ายังไง ?”
จู่ๆเขาก็เดินไปใกล้เธอ รูปร่างที่สูงสง่าอยู่ในลิฟต์ที่แคบแบบนี้ ยิ่งทำให้ดูสูงใหญ่ขึ้น ราวกับภูเขารูปนึงกำลังทับ
ตัวลงมาหาเธอ เขาเข้ามาใกล้กับเธอมาก อันตรายจนทำให้คนใจสั่น เย้นหว่านได้เดินถอยหลังโดยสัญชาตญาณ
หัวใจเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ
เธอพูดอะไรผิดไปเหรอ ?
แต่ดูเธอจะทำเขาโกรธจริงๆ
เธอตกใจจนมองซ้ายมองขวา เห็นประตูลิฟต์ค่อยๆเปิดออก เลยรีบเตือนขึ้น “ คุณโห้ถึงแล้วค่ะ”
โห้หลีเฉินจ้องเธออยู่อย่างงั้น ไม่มีท่าทีจะขยับเดินออกไป
“ ติ๊งต่อง”
ในขณะนี้ รปภได้ยินเสียงลิฟต์ก็รีบเดินมา