บทที่1 ผมไม่แต่งงานกับคุณหรอก
“อย่าแตะต้องฉัน คุณอย่ามาถูกเนื้อต้องตัวฉัน! ถอยไปไกลๆ……..”
ในห้องที่มืดมน เย้นหว่านหลบที่ไปขาเตียงอย่างตื่นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่เธอถอยก้าวนึง เงาสูงใหญ่ของผู้ชายตรงหน้าก็ยิ่งเข้าใกล้มาหาเธอ
เหมือนปีศาจชั่วร้ายที่แยกเขี้ยวยิงฟันจะฉีกเธอให้แหลกเป็นเสี่ยงๆ
“อย่าเข้ามา……ขอร้องคุณล่ะ ขอร้องคุณปล่อยฉันไปเถอะนะ…….”
“ เฮอะ ”
เสียงหัวเราะที่ทุ้มต่ำแหบแห้งปลดปล่อยออกมาในความมืดมน
น้ำเสียงสบประมาทและอันตราย จู่ๆมือใหญ่ที่มีเรี่ยวแรงบีบคางเธอไว้
ใบหน้าของผู้ชายใกล้เข้ามาทีละนิดท่ามกลางความมืด
ลมหายใจของเขาร้อนเหมือนเผาคนได้ “กล้าหาเรื่องฉัน ก็ต้องชดใช้ค่าตอบแทนกับสิ่งที่ทำไป”
ค่าตอบแทน? ต้องชดใช้ค่าตอบแทน?
เย้นหว่านกลัวจนสมองเชื่องช้า เธอใช้สองมือทุบตีอย่างสุดชีวิต “อย่า…….” ยังพูดไม่ทันจบ
เสียงของเธอก็ถูกริมฝีปากและลิ้นที่เร่าร้อนกลืนกินไปหมด
ช่วงชิงทุกวิธีที่เธอจะขัดขืนหมดไปให้สิ้นซาก “ไม่!” จู่ๆ เย้นหว่านลืมตาขึ้นมา
แสงแดดเจิดจ้านอกกระจกรถแยงตาจนเธอรีบเอามือบังไว้ สีหน้าเธอขาวซีด
บนหน้าผากมีเหงื่อซึมออกมาเล็กน้อย แววตายังมีความหวาดกลัวที่ตกใจไม่หายเปล่งประกายอยู่
คือความฝัน ฝันแบบนี้อีกแล้ว แต่ความรู้สึกเจ็บที่ระหว่างขาของเธอยังไม่จางหายไป
ย้ำเตือนความจริงที่เธอถูกข่มขืนคืนก่อนอย่างโหดร้าย และตอนที่เธอตีเขาบาดเจ็บแล้วหนีไป
เสียงที่กัดฟันพูดของเขา “ผมไม่มีทางปล่อยคุณแน่!”
เขาไม่มีทางปล่อยเธอ นี่ไม่ใช่แค่คำข่มขู่แน่นอน!
เพราะ เย้นหว่านรู้สึกได้ถึงอันตรายที่ไม่มีทางต่อต้านจากตัวเขา
ไม่นานเขาคงจะมาหาเธอ มือของ เย้นหว่านสั่นเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้ เธอกลัวจนกุมศีรษะไว้
พยายามอยากรื้อฟื้นความทรงจำใหได้ว่าคินนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เธอเมาจนภาพตัด
ยังไงก็นึกไม่ออก เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร? ยิ่งไม่รู้ว่าเธอไปหาเรื่องเขายังไง?
“คุณเย้นครับ ถึงแล้วครับ” คำพูดของคนขับรถทำลายสมาธิของเธอ
เธออึ้งเล็กน้อย เงยหน้าก็เห็นร้านกาแฟไฮคลาสนอกกระจกรถ อารมณ์เธอตื่นเต้นและกังวลใจเล็กน้อย
ตอนนี้คนที่เธอจะไปเจอคือว่าที่สามีที่พรุ่งนี้เธอจะหมั้นด้วย —-คุณชายที่เป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งใ
ณ เมืองเฉิงหนาน CEOคนปัจจุบันของโห้ถิงกรุ๊ป โห้หลีเฉิน
ว่ากันว่าเขาใช้เวลาเพียงแค่ห้าปีจากโห้ถิงกรุ๊ป
ที่เป็นมหาเศรษฐีในประเทศจนกลายมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สะเทือนไปทั่วโลก
กลายเป็นตำนานของยุคสมัยนี้ที่ดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก
วิธีของเขาก็ยิ่งขึ้นชื่อว่าแข็งกร้าวและเผด็จการไม่เหลือทางเลือกให้คนอื่น
ทำให้คนแค่ได้ยินต่างก็กลัวจนตัวสั่น ผู้หญิงมีชาติตระกูลนับไม่ถ้วนอยากไต่เต้าเป็นคุณ
ผู้หญิงของตระกูลโห้ แต่คนที่ได้เกียรติยศพิเศษนี้กลับเป็น เย้นหว่านที่มีฐานะทางบ้านธรรมดามาก
เพียงเพราะเธอเป็นหลานสะใภ้ที่ถูกคุณท่านโห้เลือกไว้ เย้นหว่านไม่รู้ว่าทำไมโห้หลีเฉิน
ต้องเจอเธอก่อนวันหมั้นหนึ่งวัน แต่สำหรับเธอแล้วนี่ก็ถือเป็นโอกาสพอดี
โอกาสที่จะได้ขอยกเลิกงานหมั้น ถึงนี่จะเป็นงานหมั้นที่ผู้หญิงนับไม่ถ้วนใฝ่ฝัน
แต่ถูกลวนลามก่อนงานหมั้น ความอับอายขายหน้าแบบนี้ทำให้เธอไม่สามารถเป็นเจ้าสาวคนนี้ได้
แต่ว่า เธอจะบอกถอนหมั้นต่อหน้าผู้ชายที่สูงส่งเหมือนยอดเจดีย์ทองคำคนนี้ได้ยังไง?
เย้นหว่านจัดผ้าพันคอตัวเองอย่างกินปูนร้อนท้อง เธอซ่อนรอยจูบที่คืนนั้นผู้ชายคนนั้นทิ้งไว้ให้เธอเป็นอย่างดี
———นาทีนี้ ในร้านกาแฟไคลด์ที่ให้บริการเฉพาะลูกค้าไฮโซที่มานั่งชิวๆ
เงียบจนไม่มีลูกค้าสักคน แม้กระทั่งพนักงานก็ไม่มี ที่นั่งใกล้ริมหน้าต่างที่มีความเป็นส่วนตัวมาก
มีผู้ชายสง่าผ่าเผยนั่งอยู่คนนึง ชุดสูทลายสีดำเข้มเสริมให้รูปร่างเขาเพอร์เฟคจนไร้ที่ติ
ขาที่เรียวยาวนั่งไขว่ห้างอยู่อย่างชิวๆ พอมองขึ้นไปอีกคือใบหน้าที่หล่อเหลาจนทำให้ผู้หญิงคลั่งไคล้
คางที่แข็งแรงได้รูป ริมฝีปากที่บางแต่เซ็กซี่ จมูกที่คมสันและนัยน์ตาสีฟ้ามีแสงเย็นที่แหลมคมเปล่งประกายอยู่
แค่มองทีเดียวก็ทำให้คนตะลึงในความหล่อ แต่ที่ยิ่งกว่าคือทำให้คนหวาดกลัว
ในมือของเขาถือกาแฟไว้แก้วนึง ริมฝีปากมีรอยยิ้มที่ทำให้คนกลัว “หาตัวไม่เจอ?”
ผู้ช่วยส่วนตัวอย่างเว่ยชีอยู่ตรงหน้าเขาสั่นไปทั้งตัว ทันใดนั้นรีบโน้มตัวลงเก้าสิบองศา
เหงื่อบนหน้าผากไหลพรากลงมาไม่หยุด “ขอโทษครับคุณท่าน
โรงแรมที่คุณท่านพักคืนก่อนกล้องวงจรปิดถูกคนตั้งใจทำลายทิ้ง ไม่สามารถเห็นใครเข้าไปที่ห้องของคุณท่าน
ยากที่จะคอนเฟิร์มประวัติส่วนตัวของเธอก่อนพรุ่งนี้ครับ” ไม่สามารถคอนเฟิร์ม
นี่ก็หมายความว่างานหมั้นของพรุ่งนี้ไม่สามรถเปลี่ยนเธอเป็นเจ้าสาวได้
แต่ผู้หญิงที่เขาอยากได้ ไม่เคยที่จะไม่ได้
และยิ่งกว่านั้นเธอหาเรื่องเขา แล้วเขาจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร?
ท่าทีที่บางเบาคืนก่อน เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น………
“หนึ่งเดือน” โห้หลีเฉินหัวเราะเยาะทีนึง สายตาเต็มไปด้วยอำนาจที่อยากได้อะไรต้องได้
“ไม่ว่าจะด้วยวิธีด้วยใดก็ต้องหาเธอให้เจอ”
“แล้ว……งานหมั้นพรุ่งนี้ท่านจะทำยังไงครับ?”
โห้หลีเฉินหันไปเห็นรถเบนลี่ที่เพิ่งจอดลงนอกหน้าต่าง มุมปากมีรอยยิ้มที่เยือกเย็นโผล่ขึ้นมา
ต้องปรับเปลี่ยนแผนนิดหน่อยแล้ว———-เย้นหว่านเดินเข้ามาที่ร้านกาแฟ
ไม่เห็นพนักงานแต่กลับเห็นผู้ชายที่มีท่าทีเหมือนผู้ช่วยส่วนตัวกำลังยืนตัวตรง
เหมือนรอเธออยู่ “คุณเย้นครับ คุณท่านอยู่ด้านใน เชิญมากับผมครับ”
“โอเคค่ะ” ตั้งแต่จัดเตรียมให้คนขับคอยรับส่ง ต่อมาก็ให้คนเคลียร์เส้นทาง และมีคนคอยนำทาง
ทั้งหมดนี้ต่างก็มาจากการเทคแคร์ที่สุภาพบุรุษของว่าที่สามี ยิ่งทำให้ เย้นหว่านรู้สึกกินปูนร้อนท้องและไม่สบายใจ
อีกสักครู่ที่เขาจะคุยกับเธอคือรายละเอียดของงานหมั้น เธอควรจะบอกถอนหมั้นอย่างโหดร้ายยังไง?
เย้นหว่านก้มหน้าและเดินอย่างใจสั่นหวิว จนกว่าเห็นรองเท้าหนังที่เงาวับของผู้ชายถึงได้รีบหยุด
ถึงแล้ว สิ่งที่ควรมาก็มาแล้ว เธอจับกระเป๋าคลัชไว้แน่น เงยหน้าและพยายามสุดฤทธิ์ในการฉีกรอยยิ้มออกมา
“คุณโห้คะ สวัสดีค่ะ” เย้นหว่านอึ้งไปครู่นึง เธอคิดไม่ถึงว่าว่าที่สามีของตนเอง
จะหล่อเหล่าขนาดนี้ ดูดีเหมือนชายรูปงามที่เดินออกมาจากในภาพวาด
หล่อไม่มีที่ติแถมยังมีบุคลิกภาพที่ดูดีสูงส่งจนไม่อาจเอื้อม
ทำให้คนไม่อาจดูหมิ่นแถมยังอยากเงยหน้ามองด้วยซ้ำ
และคำพูดที่เธอจะบอกถอนหมั้นเป็นการล่วงเกินที่ผิดมหันต์ชัดๆ
ทันใดนั้นหน้าผากของ เย้นหว่านมีเหงื่อไหลซิบ ทำให้เธอยิ่งกระสับกระส่าย
เหมือนมีก้อนหินก้อนโตติดอยู่ในลำคอ ทำให้เธอเปิดปากพูดได้อย่างลำบากสุดขีด
“ที่ฉันมาวันนี้ ที่จริงอยากพูดเรื่องงานหมั้นของเรา……. ”
“คุณ ผมไม่แต่งงานกับคุณหรอก” โห้หลีเฉินพูดแทรกเธอด้วยน้ำเสียงเหมือนออกคำสั่ง
ไม่เหลือสิทธิ์ใดๆให้ปรึกษาและพูดคุย เขาจิบกาแฟอย่างชิวๆแม้แต่เธอก็ไม่เหลียวมองเลยสักนิด
เย้นหว่านอึ้งค้างไว้ สมองที่ตกตะลึงรู้สึกมึนตึ๊บ เธอมองโห้หลีเฉินด้วยสายตาที่เหลือเชื่อ
ไม่แต่งงานกับเธอ? งั้นความหมายของเขาก็ตรงกับเป้าหมายของเธอไม่ใช่หรอกหรือ?!
เก็บอารมณ์ดีอกดีใจไว้ เย้นหว่านพูดอย่างตื่นเต้น
“งั้นวันนี้ที่คุณนัดฉันมาคือจะคุยเรื่องถอนหมั้นหรอคะ?”
“งานหมั้นยังจัดตามปกติ ต่อจากนี้หนึ่งเดือนผมจะป่าวประกาศถอนหมั้นกับคุณเอง”
ทีนี้โห้หลีเฉินถึงเงยหน้ามองเย้นหว่านทีนึงด้วยความกรุณายังไงอย่างงั้น และวางเช็คใบนึงไว้บนโต๊ะ
เย้นหว่านมองตัวเลขบนนั้นอย่างทึ่ง มีศูนย์อยู่เจ็ดตัว! เย้นหว่านไม่เคยเห็นเงินเยอะขนาดนี้มาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้นเงินพวกนี้ยังสามารถเป็นของเธออีกด้วย
เธอกลืนน้ำลายและดึงสายตากลับจากเช็คใบนั้นอย่างยากเย็นแสนเข็ญ
“ทำไมต้องรอหนึ่งเดือนถึงจะยกเลิกงานหมั้นล่ะคะ?”
ถ้ายกเลิกก่อนวันหมั้นถึงจะมีผลกระทบน้อยที่สุดกับทั้งสองฝ่ายไม่ใช่หรอ?
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณควรจะถาม” โห้หลีเฉินที่สูงส่งและเย็นชาลุกขึ้นและไม่สนใจเย้นหว่านต่อ
จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินออกไปเลย เขาไม่มีความอดทนกับเย้นหว่านเลย
แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เขามีความสนใจก็มีแค่ผู้หญิงคืนก่อนนั้น
นี่ก็ไปแล้วหรอ? เย้นหว่านยืนเซ่ออยู่ มองดูร่างเงาของผู้ชายที่ยิ่งอยู่ไกลแล้วยังดึงสติกลับมาไม่ได้
นัดเธอมาเจอหน้ากันไม่ถึงหนึ่งนาที พูดสามคำเขาก็ไปแล้ว นี่มันเฉียบขาดและรวดเร็วเกินไปรึเปล่า?
เธอยังไม่ได้พูดว่าจะตอบตกลงหรือเปล่าเลย แต่ว่า……….แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
เล่นละครกับโห้หลีเฉินหนึ่งเดือน เธอกับเขาก็ถือว่าไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว