บทที่ 17 ความห่างเหิน
มาถึงบริษัท เย้นหว่านกำลังจะไปตอกบัตรเข้าทำงาน เธอเห็นเวลาที่หน้าจอแสดงอยู่ รู้สึกอึ้งไปเลย
9 10 น
เมื่อกี๊เธอมัวแต่ตั้งใจเดินช้าๆ เพื่อที่ไม่อยากพบโห้หลีเฉินที่บริษัท
แต่กลับลืมเวลาไปซะงั้น นี่มันสายไปสิบนาทีเลยเหรอ !
แย่แล้ว !
วันนี้เป็นวันประชุมใหญ่ทั้งบริษัท เธอไม่มีเวลาไปแสดงตัวที่แผนกออกแบบแล้ว เธอเลยรีบวิ่งไปทางห้องประชุม
โดยตรง นี่เป็นห้องประชุมที่สามารถบรรจุคนได้เป็นพันเลย และเป็นการประชุมที่สำคัญ ในเวลานี้สายตานับร้อย
ต่างจ้องมาที่เธอ แววตาคล้ายจะไม่พอใจ
เย้นหว่านได้ยืนอยู่ที่หน้าประตู ในมือได้กอดเอกสารยืนบื้ออยู่ตรงนั้น “ ขอโทษค่ะ ฉันมาสาย ”
เพิ่งจะพูดจบ เธอก็สังเกตเห็นที่หัวโต๊ะมีโห้หลีเฉินนั่งอยู่ การประชุมวันนี้เขาเป็นเจ้าภาพ ?
ณตอนนั้นเธอยิ่งรู้สึกละอายใจ ไม่นึกไม่ฝันว่า การประชุมที่จัดขึ้นครั้งแรก ที่เขาได้ขึ้นเป็นประธานใหม่ของบริษัท
เธอก็ทำเสียหน้าต่อคนมากมายอย่างนี้
โห้หลีเฉินที่นั่งสง่าอยู่หัวโต๊ะ ทั้งตัวมีบุคลิกกลิ่นอายที่ดูสูงสงและดูห่างเหิน
เขาไม่มองหน้าเธอเลยด้วยซ้ำ แค่พูดขึ้นอย่างเรียบๆ
“ เข้ามา ”
เย็นชาและห่างเหิน ราวกับว่าเธอเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่สำคัญอะไรเลย เธออึ้งอยู่สักพัก ในใจรู้สึกแปลกๆ ในมือ
กอดเอกสารไว้แล้วเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ เธอเป็นคนใหม่ของแผนกออกแบบ การประชุมที่ผ่านมาก่อนๆ เธอส่วน
ใหญ่จะได้นั่งแถวหลังสุด
แต่วันนี้ ที่นั่งตรงนั้นนั่งเต็มหมด เหลือแต่ที่ว่างที่เดียวที่ใกล้ๆกับผู้จัดการสวู่
คนที่จะมานั่งข้างๆได้ ปกติที่แล้วต้องเป็นนักออกแบบที่มีฝีมือและประสบการณ์อย่างมากถึงจะมีสิทธิ์นั่ง
ที่ตรงนั้นก็เปรียบเสมือนตำแหน่งและผู้มีสิทธิ์ออกเสียง
เย้นหว่านยืนบื้ออยู่อย่างนั้น ไม่รู้จะทำยังไงดี เธอควรไปนั่งที่ไหนดี ?
“ เย้นหว่าน รีบมานี่เร็ว ”
ในตอนนี้ ผู้จัดการสวู่ได้เรียกเย้นหว่านขึ้นเบาๆ ชี้ไปที่ๆนั่งข้างเธอ “ เธอนั่งตรงนี้ “
เย้นหว่านรีบก้มตัวลงเดินไปหาเธอ
“ ผู้จัดการ ตามฝีมือและประสบการณ์ของฉันแล้ว คงนั่งตรงนี้ไม่ได้มั่งคะ “
“ ที่ตรงนี้ตั้งใจว่างไว้สำหรับเธอ เธอได้รับผิดชอบออกแบบชุดเสื้อผ้าของท่านประธาน
วันนี้เธอเป็นตัวเอกของแผนกออกแบบเลยนะ “ ผู้จัดการสวู่ผู้จัดการอธิบายขึ้น
พอได้ฟังที่ผู้จัดการสวู่อธิบายแล้ว เธอก็ยังรู้สึกเขินๆ
ไม่กล้านั่ง ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะโห้หลีเฉิน ผลงานเธอที่ทำเลอะเทอะแบบนั้น จะมีโอกาสได้เป็นตัวเอกในงานนี้ได้
ยังไง
ลังเลอยู่สักครู่ เธอก็เลือกที่จะนั่งลง
เงยตาขึ้นมา เธอก็มองไปทางผู้ชายที่นั่งอยู่หัวโต๊ะอย่างไม่รู้ตัว เขากำลังนั่งฟังรายงานจากผู้จัดการของแต่ละ
แผนก ระหว่างนั้นนานๆก็ให้ข้อคิดเห็นกับคนรายงานอยู่ ถ้อยคำสั้นและได้ใจความ เด็ดขาด ดูเผด็จการจนทำ
ให้ใจคนหวั่นไหว
ผู้หญิงที่อยู่ในห้องประชุม ในเวลานี้แต่ละคนแววตาเยิ้มจ้องเขาอยู่ อดไม่ได้ที่จะวิ่งเข้าไปกอดเขา
อยากจะต่างงานกับเขา
หลังโห้หลีเฉินฟังรายงานจบ นิ้วมือที่เรียวยาวของเขาได้เคาะอยู่ที่แป้งพิมพ์ ตอนนี้เขาเพิ่งจะเงยตาขึ้นมา
แล้วมองไปทางแผนกออกแบบ
สายตาของเขากวาดไปรอบนึง ก็จบอยู่ที่ผู้จัดการสวู่ ไม่มองหน้าเย้นหว่านแม้แต่น้อย
“ คุณคือผู้จัดการของแผนกออกแบบ ? ”
“ ใช่ค่ะ ท่านประธาน ฉันสวู่หานคือผู้จัดการฝ่ายออกแบบ ค่ะ ”
สวู่หานเป็นบุคคลที่มีความสามารถคนนึง บุคลิกของเธอในที่ทำงานคือใส่ชุดสูทสีดำ แต่งหน้าอ่อนๆดูดีและ
เหมาะสม จัดการเรื่องเล็กใหญ่ของบริษัทอย่างนึ่งและใจเย็น
แต่ตอนนี้อยู่ต่อหน้าของโห้หลีเฉิน เธอดูตื่นเต้นเล็กน้อย
“ วันนี้ แผนกออกแบบมีฉันมารายงานค่ะ แผนกออกแบบของเรา …….. ”
พอเข้าเรื่องเกี่ยวข้องกับวิชาอาชีพของเธอ สวู่หานยิ่งพูดก็ยิ่งไหลลื่น และค่อยๆผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ
หมดความตื่นเต้นไป
โห้หลีเฉินฟังรายงานของเธอ ระหว่างนั้นเขาก็ได้เคาะที่แป้งพิมพ์เป็นบางคราว นานๆก็เงยหน้าขึ้นมามองเธอ
แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้มองหน้าของ เย้นหว่านสักครั้ง
ถึงแม้ เธอได้นั่งอยู่ข้างๆของผู้จัดการสวู่ แต่เขาทำเหมือนไม่เห็นเธอ ราวกับเธอไม่มีตัวตน
เย้นหว่านนั่งอยู่เงียบๆ เปิดดูเอกสารในมืออย่างเบาๆ คิดซะว่านี่เป็นการประชุมที่สำคัญและเข้มงวดมาก
“ ท่านประธาน ดิฉันรายงานจบแล้วค่ะ ยังมีอีกเรื่องคือ การออกแบบชุดส่วนตัวของท่านในครั้งนี้ เพราะคน
ออกแบบในครั้งนี้เป็น เย้นหว่าน เธอเป็นนักออกแบบคนใหม่ ตอนนี้เธอยังไม่มีผู้ช่วย เลยต้องหาให้เธอคนนึงค่ะ
แต่นี่คือจะช่วยท่านออกแบบชุดโดยเฉพาะ ระดับฝีมือของผู้ช่วยก็ต้องสูงตาม ไม่ทราบว่าท่านมีความต้องการ
อะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ ? เราจะได้เลือกคนตามความต้องการของท่าน ”
ระหว่างที่สวู่หานกำลังพูดอยู่ เธอได้ใช้มือไปดึง เย้นหว่าน เพื่อจะให้เธอลุกขึ้นยืน
คนในห้องประชุมตั้งก็นั่งอยู่ จู่ๆ เย้นหว่านก็ลุกขึ้นมา ดูจะโดดเด่นตา ทุกคนต่างมองมาทางเธอ
แต่สายตาที่มองเธอ
ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม รู้ว่าเธอได้ที่หนึ่งในการประกวดครั้งนี้ เลยมีความนับถือเธอมากขึ้น
แบบนี้แล้ว เธอก็ถือว่าได้ออกหน้าออกตาในบริษัท เธออยู่ในบริษัทก็เริ่มมีชื่อเสียงขึ้น
ดูเหมือนเขาจะไม่ใส่ใจ “ คุณจัดการเองแล้วกัน ”
เห็นสีหน้าเขาเหมือนจะไม่ใส่ใจ เย้นหว่านรู้สึกไม่ค่อยชิน
ตั้งแต่เธอเข้ามาในห้องประชุมนี่ เขาก็ไม่ได้มองหน้าเธอเลย
ตอนนี้ถึงเธอจะเป็นตัวเอกในงาน เขาก็ไม่มองเธอ เหมือนตั้งใจจะไม่สนใจเธอ
เขาไม่อยากสนใจเธองั้นเหรอ ?
พอจบการประชุม โห้หลีเฉินได้เดินออกจากห้องประชุมก่อน คนอื่นๆถึงจะค่อยๆลุกเดินจากไป
เย้นหว่านเดินตามผู้คนออกไป รอจนเธอเดินออกถึงประตู ก็เห็นเขาได้เดินไปไกลแล้ว ริมทางเดินที่ยาว
มีแต่เงาของเขาที่อยู่ห่างไป
รูปร่างที่เรียวสูงก็ยังดูเพอร์เฟคเหมือนเดิม แต่ที่เห็นยิ่งชัดเจนกว่านั้นก็คือความสุขุมและดูห่างเหิน
อยู่สูงจนไม่อาจเอื้อม
แต่ เย้นหว่านที่เดินอยู่ในกลุ่มคนที่มีแต่เสียหนวกหู เทียบกับเขาแล้ว เหมือนอยู่กันคนละโลก
เย้นหว่านเริ่มรู้สึก นอกจากที่ต้องไปออกงานในฐานะคู่หมั้นของเขาแล้ว
หลังจากนี้เธอคงไม่มีโอกาสได้พบเจอเขาอีก
เป็นแบบนี้แล้ว มันก็ดี