บทที่ 22 หรือว่า…หล่อนจะจูบเขา?
นิ่งไปครู่หนึ่ง เย้นหว่านจึงจะนั่งลงข้างโห้หลีเฉิน โดยเว้นระยะห่างจากเขาเล็กน้อย
แม้ว่าจะทำเช่นนี้ แต่ก็มีสายตาดุดันมากมายมองมาทางหล่อน
ตอนที่พวกหล่อนถูกเชิญให้มานั่ง มีใครบ้างที่ไม่อยากมานั่งกับโห้หลีเฉิน? แต่เขาเป็นคนหยิ่งไม่เข้าสังคม ไม่เรียกผู้หญิงมานั่งด้วยสักคน พวกหล่อนจึงทำได้แค่ไปนั่งกับเพื่อนๆของเขา
มีผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก “คุณชายฉิน หล่อนเป็นเพื่อนที่คุณพามาไม่ใช่เหรอ? ให้นั่งข้างคุณโห้เกรงว่าจะไม่เหมาะสมรึเปล่าคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย้นหว่านนั่งตัวเกร็งขึ้นมาทันที
แม้ว่าหล่อนกับโห้หลีเฉินจะหมั้นกันแล้ว แต่เมื่อออกมาเที่ยว หล่อนคิดว่าโห้หลีเฉินคงไม่อยากให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา
เย้นหว่านกระซิบพูดขึ้น “คุณโห้ฉันขอไปหาที่นั่งตรงอื่นนะคะ”
หล่อนพูดพลาง ลุกขึ้นยืน แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเดินออกไป จู่ๆก็ถูกมือขนาดใหญ่ดึงหล่อนกลับไปนั่งที่เดิม
และเมื่อนั่งลง กลับรู้สึกว่าเข้าใกล้โห้หลีเฉินมากขึ้น
เย้นหว่านได้กลิ่นน้ำหอมบนตัวฝ่ายชาย กลิ่นนั้นบ่งบอกถึงความมีรสนิยมและความสูงส่งในตัวของเขา อดไม่ได้ที่จะทำให้หล่อนใจสั่น
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมั่นใจ “เธอเป็นคู่หมั้นของฉัน ยังอยากจะไปนั่งที่อื่นอีกเหรอ?”
เย้นหว่านใจสั่น คิดไม่ถึงเลยว่าโห้หลีเฉินจะเปิดเผยสถานะของทั้งสองในสถานการณ์เช่นนี้
เพื่อนของเขาที่นั่งรายล้อมอยู่ ล้วนแล้วแต่ดูมีฐานะ ยศถาบรรดาศักดิ์สูงส่ง แต่กลับไม่มีใครมาที่งานหมั้นเลย เห็นได้ชัดเลยว่าโห้หลีเฉินไม่ได้ให้ความสำคัญกับการหมั้นกับหล่อน จึงไม่ได้เชิญเพื่อนมาร่วมงาน
แต่ตอนนี้…
พวกเขามองมาที่ทั้งสองด้วยสีหน้าตกใจตะลึง เพราะไม่เคยเห็นโห้หลีเฉินยอมเข้าใกล้หรือสนิทกับหญิงสาวที่ไหนมาก่อน
ว่าไปแล้ว คำพูดที่ฉินฉู่พูดมาคือเรื่องจริง โห้หลีเฉินปฏิบัติกับหล่อนต่างกับคนอื่น
“พี่สะใภ้ ผมชื่อกู้อ๋าง ตอนงานหมั้นพี่กับหลีเฉิน ผมอยู่ต่างประเทศ ทำให้ไม่สะดวกมาร่วมงาน วันนี้ถือเป็นการฉลองย้อนหลังแล้วกันนะครับ ชนกันสักแก้วนะครับ”
กู้อ๋างเดินเข้ามา ยื่นแก้วให้เย้นหว่านด้วยความนอบน้อม
เย้นหว่านมองไปที่โห้หลีเฉินด้วยความไม่มั่นใจ แต่เขาเพียงแค่นั่งเม้มปาก ใบหน้าอันหล่อเท่ห์ของเขาไม่แสดงสีหน้าอารมณ์ ทำให้หล่อนไม่รู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร
หล่อนจึงจำใจรับแก้วไวน์มา ยิ้มและชนแก้วกับกู้อ๋าง
เมื่อดื่มแก้วนี้เสร็จ มีผู้ชายอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาติดๆ เพื่อขอเย้นหว่านดื่มฉลองเช่นกัน
“พี่สะใภ้ ผมชื่อเย้นเหวินหนาน แก้วนี้ฉลองให้กับพี่นะครับ ตอนงานแต่งพี่กับหลีเฉิน ผมจะไปให้ถึงเป็นคนแรกเลยครับ”
ถ้าเรื่องแต่งงาน คงเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ไวน์ที่อยู่ในมือตอนนี้ ยังไงก็ต้องดื่ม
เย้นหว่านยังคงยิ้มอย่างสดใส กำลังจะดื่มต่อ แต่จู่ๆก็ถูกใครบางคนแย่งแก้วในมือไป
โห้หลีเฉินถือแก้วไวน์ เขย่าไปมา
กวาดสายตามองไปที่พวกเพื่อนผู้ชายด้วยสายตาดุดัน “พวกนายจะเข้ามากันทีละคน คิดจะมอมให้หล่อนเมาไปเลยงั้นเหรอ?”
ดูเหมือนว่าเขาจะเดาเกมส์พวกเขาออก ผู้ชายพวกนั้นต่างพากันทำท่าทางลอยหน้าลอยตา
เย้นเหวินหนานกระแอมพูดขึ้น พูดด้วยท่าทีจริงจัง
“เจอพี่สะใภ้ครั้งแรก ต้องดื่มฉลองกันหน่อยสิ พวกเราชนกันคนละแก้ว หล่อนไม่เมาหรอก”
ทั้งโต๊ะนั่น แค่ผู้ชายก็มีกันตั้งห้าหกคนแล้ว ถ้าวนกันมาชนแก้วกับหล่อนจนหมด เย้นหว่านไม่เมาก็คงมึนแน่นอน
และเย้นหว่านไม่ได้เป็นคนดื่มเก่งอีกด้วย
โห้หลีเฉินเงยหน้ามอง โบกมือขึ้น “กิ๊ง” เสียงชนแก้วกับเย้นเหวินหนาน
“ฉันดื่มแทนหล่อน”
พูดพลาง ยกแก้วไวน์ในมือขึ้นดื่มจนหมด
เย้นเหวินหนานมองโห้หลีเฉินด้วยความตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
เขาเพียงแต่คิดว่าโห้หลีเฉินปฏิบัติต่อคู่หมั้นคนนี้ไม่เหมือนคนอื่น แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า คนที่เย็นชาต่อทุกอย่างมาตลอดอย่างโห้หลีเฉิน จะปกป้องหล่อนขนาดนี้
ขนาดดื่มไวน์ยังไม่เว้น
เมื่อเห็นผู้ชายด้านข้างคอยดื่มแทนตัวเอง เย้นหว่านรู้สึกแปลกใจ ขึ้นมา แต่เมื่อถูกผู้ชายอย่างเขาปกป้องเช่นนี้ ทำให้หล่อนรู้สึกถูกรักอย่างทะนุถนอมแปลกๆ
แต่ทว่าฉินฉู่ไม่ได้มาขอดื่มด้วย เขากลับเดินถือจานหมุนตรงเข้ามา
เขาวางลบนโต๊ะ พูดขึ้น “แค่ดื่มกันจะสนุกอะไร? ไหนๆวันนี้มีสมาชิกเยอะ พวกเรามาเล่นเกมส์กันดีกว่า เกมส์วัดดวงพูดความจริง เป็นยังไง?”
“ความคิดนี้ดี พี่สะใภ้มาเล่นด้วยกันสิ”
เย้นเหวินหนานไหวพริบดี เข้าใจว่าฉินฉู่กำลังหมายถึงอะไร เขายิ้มและเชิญเย้นหว่านมาเล่นด้วย
โดยปกติแล้ว ไม่ว่าจะมีเกมส์อะไร โห้หลีเฉินไม่เคยร่วมเล่นเลยสักครั้ง แต่เกมส์เกมส์วัดดวงพูดความจริง ขอเพียงแค่เย้นหว่านร่วมเล่นด้วย แม้ว่าโห้หลีเฉินไม่เล่น แต่ยังไงก็สามารถหาวิธีให้เกี่ยวข้องกับเขาได้
หากจะเล่นเกมส์กับกลุ่มผู้ชายที่หล่อนไม่สนิทด้วย เย้นหว่านเริ่มรู้สึกลังเล
แต่หล่อนยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไร เย้นเหวินหนานก็นำลูกเต๋าวางไว้ตรงหน้าเย้นหว่าน
“พี่สะใภ้ เปิดฉากเกมส์แรก ให้พี่ทอยลูกเต๋า”
เมื่อเห็นสายตาของทุกคนจดจ้องมาที่ตนเอง เย้นหว่านรู้สึกเกรงใจ ไม่กล้าบอกปัด ยังไงก็แค่เกมส์เล็กๆแค่นี้
หล่อนโยนลูกเต๋าลงไป ผลที่ออกคือโยนได้ฉินฉู่
“ว่าไปแล้ววันนี้ฉันพกดวงมาด้วย เปิดเกมส์เลย”
ฉินฉู่พูดหยอกล้อ จากนั้นเริ่มหมุนจานหมุน
เข็มหยุดหมุนลง ชี้ไปที่ประโยคหนึ่ง “เลือกคนเพศเดียวกันภายในกลุ่ม ให้เขาหรือหล่อนพิงกำแพง พร้อมสารภาพรักหนึ่งนาที”
สีหน้าฉินฉู่เจื่อนลงทันที พูดบ่นด้วยความไม่พอใจ “เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า สารภาพรักเพศเดียวกัน?”
ถ้าให้พิงกำแพงสารภาพรักเพศตรงข้ามเขายังพอทนได้หน่อย
เย้นเหวินหนานหัวเราะชอบใจ “ฉินฉู่ นายก็มีวันนี้นะ พวกนายรีบหยิบมือถือขึ้นมา เตรียมอัดคลิป บันทึกหลักฐานประวัติศาสตร์คุณชายฉิน เบี่ยงเบนทางเพศ”
“ถ้าพวกนายถ่ายไว้ ต่อไปฉันจะจีบสาวยังไงล่ะ”
ฉินฉู่มองหน้าทุกคนในกลุ่มที่ต่างพากันยกมือถือขึ้นมาถ่าย “เพื่อน” ครุ่นคิดไปมา หันไปขอความช่วยเหลือโห้หลีเฉิน
“หลีเฉิน พวกนั้นไม่กล้าอัดคลิปนายหรอก นายให้ฉันสารภาพรักสักหนึ่งนาทีได้ไหม?”
“ไม่ได้”
โห้หลีเฉินปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
ฉินฉู่หมดหนทาง มองไปที่เย้นเหวินหนานที่หัวเราะชอบใจอยู่ ด้วยสายตาโกรธเคือง จากนั้นรีบเดินตรงไปหาเขาทันที
เย้นเหวินหนานรีบพูดขึ้น “ฉันไม่รับสารภาพรักจากนาย”
ฉินฉู่กดเขาพิงลงบนโซฟา ยิ้มอย่างมีเลศนัย
“งั้นฉันจะสารภาพรักแล้วนะ”
มองดูผู้ชายสุดหล่อทั้งสองใกล้ชิดสนิทสนมกันอยู่บนโซฟา เย้นหว่านตาเป็นประกายขึ้นมาทันที อดไม่ได้ที่จะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอ
แต่ในขณะเดียวกันนั้น จู่ๆมีมือของใครบางคนบังสายตาของหล่อนไว้
เสียงนิ่งขรึมของฝ่ายชายดังขึ้น “เด็กๆอย่าดูเลย”
แขนของโห้หลีเฉินอ้อมไหล่ของหล่อนมาปิดตาไว้ ท่าทางกอดหล่อนไว้ในอ้อมอก ใกล้ชิดกันจนทำให้ใจเต้นรัว
เย้นหว่านตัวสั่นระริก ใบหน้าร้อนผ่าว
หลังจากนั้นหนึ่งนาที เย้นเหวินหนานรู้สึกหงุดหงิดจนผลักฉินฉู่ออก จากนั้นโยนลูกเต๋าใส่เขาด้วยความไม่พอใจ
“รอบต่อไป รีบเขย่าสิ”
ได้แกล้งเย้นเหวินหนาน ทำให้ฉินฉู่รู้สึกชอบใจขึ้นมา เขย่าลูกเต๋าอย่างมีความสุข
ครั้งนี้ เขาเขย่าได้เย้นหว่าน
เย้นหว่านตกใจตะลึง รีบไปหมุนจานหมุนทันที
บทลงโทษบนจานหมุนมีมากมายหลายข้อ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องตลก เล่นกันหลายคนสนุกสนานแน่นอน
แต่เมื่อเข็มบนวงล้อจานหมุนหยุดลง หล่อนมองไปที่บทลงโทษ หล่อนถึงกับตะลึงจนเหม่อ
ทำไมหล่อนโชคร้ายขนาดนี้? บทลงโทษนี้ช่าง….
“บทลงโทษนี้ดีเหมือนถูกหวย พี่สะใภ้ พี่จะเลือกใครมาจูบอย่างเร่าร้อนสองนาที?”
ฉินฉู่พูดหยอกล้ออย่างมีความสุข ไม่คิดอะไรมากมาย สายตามองไปมาที่เย้นหว่านกับโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านสีหน้าแดงก่ำ ทำอะไรไม่ถูก
ต้องจูบกับเพศตรงข้ามอย่างเร่าร้อนสองนาที หรือหล่อนต้องจูบกับโห้หลีเฉิน?