บทที่ 36 ทำเพื่อคนอื่น สุดท้ายก็วกกลับมาโดนตัวเอง
เย้นหว่านไม่ยอมออกไปไหนเลยทั้งวันหยุด สุดท้ายก็ออกแบบจนเสร็จ
เช้าวันจันทร์ เธอก็เอาแบบร่างที่ออกแบบไว้ไปให้โห้หลีเฉินดู
โห้หลีเฉินดูร่างที่เธอออกแบบมา ก็รู้สึกว่ามันสวยงามมากจริงๆ เธอคือดีไซน์เนอร์ที่มีจิตวิญญาณ
เขาเลียริมฝีปาก แล้วถามออกมา “อยู่ดีๆก็ได้แรงบันดาลใจงั้นหรอ?”
“อืม ต้องขอบคุณคุณที่เมื่อวันก่อน…”
เย้นหว่านอารมณ์ดีจนพูดออกมาครั้งหนึ่ง แต่พอนึกขึ้นได้ ก็อายจนหยุดพูดต่อ
โห้หลีเฉินเลิกคิ้วขึ้น แล้วก็ไล่ถามเธอต่ออย่างขี้เล่น
“ขอบคุณฉันทำไม?”
เย้นหว่านไม่สามารถควบคุมหน้าแดงของตัวเองได้ เธอบอกไม่ได้หรอกว่าเธอแอบถ่ายรูปเขาไว้วันนั้น ก็เลยได้แรงบันดาลใจจากความหล่อเหลาของเขา
หลังจากลังเลอยู่ครู่นึง เธอก็หาข้ออ้างได้ “ที่วันก่อนคุณพาฉันไปตลาดดอกไม้ ได้สัมผัสกับดอกไม้มากมาย ฉันก็เลยได้แรงบันดาลใจมาก”
โห้หลีเฉินมองหน้าเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง แต่ว่าก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ก็เลยไม่รู้ว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ
เย้นหว่านกินปูนร้อนท้อง เธอรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “คุณโห้ แบบนี้ใช้ได้มั้ยคะ?”
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นประโยคคำถาม แต่ว่าน้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจ
โห้หลีเฉินค่อยๆพยักหน้าออกมา “ใช้ได้”
พอได้ยินคำตอบที่รอคอย เย้นหว่านก็มีความสุขมาก
การออกแบบนี้สามารถผลิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว มันมีเพียงแค่ชิ้นเดียวในโลก สำหรับโห้หลีเฉินคนเดียวเท่านั้น
แต่ว่าเธอเป็นดีไซน์เนอร์มือใหม่ แล้วได้มาเป็นคนที่มีประสบการณ์เล็กน้อยเท่านั้น แต่เพราะว่าเธอได้ออกแบบเสื้อผ้าให้กับผู้อำนวยการใส่ เพราะฉะนั้น เธอก็เลยถือว่าดีกว่าคนทั่วไปนิดหน่อย
“ถ้ายังงั้น คุณโห้ไปทำงานต่อเถอะค่ะ ฉันไปก่อนนะคะ”
เย้นหว่านอารมณ์ดีมาก เธอเดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วก็เก็บข้าวของพร้อมกับรอยยิ้ม
พอโห้หลีเฉินเห็นท่าทีของเธอแล้ว ก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเท่าไหร่ “เธอจะทำอะไรน่ะ?”
“ก็ตอนนี้ฉันออกแบบให้คุณเสร็จแล้ว ฉันก็ไม่ต้องทำงานที่นี่แล้วไงคะ หลายวันมานี้รบกวนคุณแย่เลย”
เย้นหว่านพูดอย่างมีมารยาท แต่ว่าในใจกลับมีความสุขมาก
การที่เธอต้องมาอยู่ที่นี่กับโห้หลีเฉินทำให้เธอรู้สึกเขิน บางทีก็เกิดเหตุการณ์ที่อันตรายต่อใจขึ้น ในที่สุดตอนนี้เธอก็สามารถย้ายกลับแผนกออกแบบได้แล้ว
สีหน้าของโห้หลีเฉินหม่นหมองลงทันที
เว่ยชีที่ยืนอยู่ด้านหลังนั้นตอนนี้ก็รู้สึกได้ถึงพลังความหงุดหงิดจากเจ้านายตัวเอง เขารู้สึกประหม่าแล้วถอยหลังออกมาทันที
ในตอนเดียวกัน เขารู้สึกว่าสายตาของเจ้านายตัวเองดูซับซ้อนมาก
คุณชายของเขาอุตส่าห์อารมณ์ดีพาเย้นหว่านไปเที่ยวเล่น แถมยังช่วยเธอหาแรงบันดาลใจ แต่ว่าตอนนี้เย้นหว่านกลับจะย้ายออกไป
การกระทำที่ทำเพื่อคนอื่น สุดท้ายก็วกกลับมาโดนตัวเอง คงเป็นรสชาติที่คุณชายไม่มีวันได้ลิ้มรสตลอดชีวิต
เย้นหว่านอยู่ที่ห้องทำงานของโห้หลีเฉินก็ไม่นานเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นของที่จะต้องย้ายไปก็ไม่เยอะเท่าไหร่ เธออุ้มของพวกนั้นไว้ สามารถขนหมดภายในรอบเดียว
โห้หลีเฉินเห็นเย้นหว่านถือกองเอกสารอย่างยากลำบาก สีหน้าก็มืดมนลงทันที
ผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมแม้แต่จะกลับมาที่นี่อีกรอบด้วยซ้ำ
เว่ยชีห่อไหล่ของเขาอย่างกระวนกระวาย บรรยากาศภายในห้องก็เยือกเย็นขึ้นมาทันที…
หลังจากกลับมายังแผนกออกแบบที่คุ้นเคย เย้นหว่านก็เหมือนกับเด็กนักเรียนที่พึ่งออกมาจากห้องพักครู เธอรู้สึกสบายใจมาก
หลังจากเธอส่งแบบร่างให้กับหัวหน้าดู แล้วก็รายงานงานบางอย่าง
ตอนเช้าก็ผ่านไป
เย้นหว่านไปกินข้าวที่โรงอาหาร ตอนที่กำลังจะสั่งอาหารอยู่นั้น มู่จื่ออี้ก็มาขวางหน้าเธอไว้
“ เย้นหว่าน ยินดีด้วยที่แบบที่เธอออกแบบผ่านแล้ว เดี๋ยวมื้อกลางวันนี้ฉันเลี้ยงเธอเอง”
ผ่านไปซักพัก มู่จื่ออี้ก็พูดล้อเล่นออกมา “ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่โรงอาหาร แต่ว่าอย่าหาว่าฉันขี้งกเลยนะ”
“งั้นฉันก็สั่งเมนูที่แพงที่สุดก็พอแล้ว ไม่ต้องปวดใจไปหรอกนะ”
เย้นหว่านยิ้มให้เขา อาหารที่นี่เป็นของบริษัท ขนาดเมนูที่แพงที่สุด ก็ยังถือว่าถูกอยู่ดี
มู่จื่ออี้กับเย้นหว่านสั่งอาหารหลายอย่าง ทั้งหมดต่างเป็นอาหารที่เย้นหว่านชอบกินทั้งนั้น
ทั้งสองคนนั่งตรงข้ามกัน แล้วก็กินข้าวอย่างอารมณ์ดี
สายตาที่อิจฉาจากรอบๆก็ต่างมองไปที่เย้นหว่าน แล้วผู้หญิงบางคนก็กระซิบกระซาบกัน
“อิจฉาเย้นหว่านจริงๆเลย ถ้าเกิดว่าฉันได้มีผู้ช่วยชายที่หล่อขนาดนี้บ้างก็ดีสิ”
“ใช่ไง ถ้าเกิดว่าเขาเป็นผู้ช่วยฉันนะ ฉันจะได้กินข้าวกับเขาทุกวัน แค่ได้มองหน้าเขา ก็น่าจะเจริญอาหารน่าดู”
หลังจากได้ยินเสียงกระซิบกระซาบเหล่านั้น เย้นหว่านก็มองหน้าผู้ชายตรงหน้า
เธอกัดตะเกียบแน่น แล้วยิ้มออกมา “ที่จริง สวยมากกว่า”
มู่จื่ออี้เงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นดวงตาที่สดใส มองเขาอย่างหลงใหล ที่จริงสายตานั้นมันเต็มไปด้วยการหัวเราะเยาะเย้ย
แต่ว่าเขากลับไม่ได้รู้สึกโกรธเลยแม้แต่นิดเดียว ใจเขากลับสั่นเล็กน้อย
เขายิ้มออกมา เขาคีบอาหารที่อยู่ตรงหน้าเขาไปใส่จานของเย้นหว่าน
“มา คิดสะว่ามันเป็นฉันแล้วก็กินเข้าไปสิ”
สิ่งที่เขาพูดก็เห็นอยู่ว่าหมายถึงอาหาร แต่ว่าน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการหยอกล้อ
เย้นหว่านจ้องหน้าเขาเขม็ง แล้วหูเธอก็แดงขึ้นมาทันที
คนที่ถูกเยาะเย้ยไม่สำเร็จ แต่กลับโดนเยาะเย้ยกลับ นั่นก็คือเธอนั่นเอง
เย้นหว่านไม่สนใจเขาอีกต่อไป เธอก้มหน้าแล้วตั้งใจกินข้าว
ทันใดนั้น อีกฝั่งนึงของกระจกโรงอาหาร
ร่างสูงของโห้หลีเฉินยืนอยู่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่า ตัวตนของเขาทำให้คนอื่นคิดว่าเขาเป็นศัตรูที่น่าเกรงขามมาก
เขามองตรงเข้าไปที่เย้นหว่าน แล้วก็เห็นมู่จื่ออี้ สายตาของเขาก็น่ากลัวขึ้นมาทันที
เย้นหว่านไม่ยอมรับแม้แต่ดอกไม้จากเขา แต่ว่ากลับกินอาหารที่มู่จื่ออี้คีบให้งั้นหรอ
ผู้หญิงคนนี้พยายามออกจากห่างจากเขาเพียงคนเดียวงั้นหรอ?
หลังจากเงียบอยู่พักหนึ่ง โห้หลีเฉินก็เดินออกไปข้างนอก แล้วก็ออกคำสั่งอย่างเย็นชา
“ให้เย้นหว่านไปที่ชั้น33เดี๋ยวนี้”
“ได้ครับ”
เว่ยชีพูดพลางมองผ่านกระจกโรงอาหารเข้าไป เห็นว่าอีกฝั่งนึงนั้นยังกินข้าวไม่ทันเสร็จ แล้วเขาก็รู้สึกสงสารเย้นหว่านขึ้นมาทันที
แค่หาเพื่อนกินข้าวผิดคน ก็อย่าหวังว่าจะได้กินอิ่มเลย
เย้นหว่านที่กำลังกินข้าวอยู่ เว่ยชีก็เดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้านิ่งเฉย แล้วก็บอกเธออย่างจริงจังว่าให้เธอไปชั้น33
เธอก็นึกว่ามีเรื่องใหญ่อะไร ก็รีบวางถ้วยข้าวที่ยังกินไม่เสร็จ แล้วก็เดินตามไป
หลังจากถึงชั้น33 เธอก็มองบรรยากาศรอบๆ แล้วก็รู้สึกประหลาดใจ
“ผู้ช่วยเว่ย ชั้น33เมื่อก่อนมันเป็นแผนกอื่นไม่ใช่หรอคะ? ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนเป็นห้องอาหารได้ล่ะ?”
แถมยังเป็นห้องอาหารที่หรูหรามากอีกต่างหาก ไม่เปิดให้คนนอกเขา แล้วก็มีบริการแบบส่วนตัว หรูหราจนชวนให้นึกถึงกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่
เว่ยชีอธิบายว่า “คุณชายค่อนข้างจะเลือกที่กินมากน่ะครับ ถึงแม้ว่าต้องกินข้าวที่บริษัท ก็ต้องมีพ่อครัวมืออาชีพมาทำให้ เพราะฉะนั้นหลังจากที่คุณชายมาที่นี่ ก็สั่งให้เปลี่ยนที่นี่ซะ”
เย้นหว่านรู้สึกประหลาดใจ เธอไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่
เมื่อวันก่อนที่ตลาดขายดอกไม้เมิ่งโล่ว โห้หลีเฉินยังกินข้าวอยู่กับเธอที่ริมถนนอยู่เลย ดูเหมือนกับว่าเป็นคนง่ายๆจะตาย
เว่ยชีพาเย้นหว่านมาตรงโต๊ะริมหน้าต่าง แต่ว่าก็ไม่เดินต่อ
เขาพูดอย่างเคารพ “เชิญคุณเย้นเลยครับ”
หลังจากเดินเข้าไป เย้นหว่านก็เห็นโห้หลีเฉิน เขานั่งอยู่ตรงโต๊ะอย่างสง่างาม
เขายังไม่ได้แตะอาหารเลยแม้แต่น้อย ตรงหน้าเขานั้น มีอาหารวางเรียงราย มันเต็มไปด้วยสีสันและกลิ่นหอมที่น่าดึงดูดใจอย่างมาก
เย้นหว่านอึ้งไป โห้หลีเฉินเรียกเธอออกมาตอนเที่ยง แล้วก็ให้เธอมาที่นี่ หรือว่า….
เขาจะเลี้ยงข้าวเธองั้นหรอ?