บทที่ 53 อืม เพียงแค่อ่านหนังสือเท่านั้น
ก่อนการแข่งขัน ผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะถูกจำกัดความเป็นอิสระส่วนบุคคล แต่เพียงแค่ต้องอยู่ภายในเขตโรงแรม สถานที่ออกแบบถึงจะสามารถเลือกได้ตามอิสระ
สถานที่ที่ดีที่สุดก็คือห้องโถงออกแบบ ข้างในมีสำนักงานแยกเดี่ยว ดีไซน์เนอร์ส่วนใหญ่ก็จะเลือกไปทำงานที่นั่น
แต่เย้นหว่านเข้าร่วมช้า ที่นั่นก็ไม่มีตำแหน่งของเธอ ประกอบกับตอนนี้เธอเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลแห่งยุคสมัย ไปอย่างไม่มีการจองก็จะเกิดปัญหา
ดังนั้นในที่สุดเย้นหว่านก็เลือกที่จะทำงานในห้องของเธอ
นี่เป็นห้องเพรสซิเดนสูท มีห้องมีห้องรับแขกมีห้องหนังสือ แม้กระทั่งโต๊ะทำงานพร้อมใช้งาน
ที่นี่ทำงานก็ถือว่ากว้างขวางสะดวกสบาย
หลังจากที่มู่จื่ออี้นำสิ่งของและข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ย้ายมาแล้ว ทั้งสองคนก็เริ่มทำงาน
เพราะช้าไปสองวัน เย้นหว่านมีเวลาไม่มาก ยุ่งมากจนต้องแข่งขันกับเวลา
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง มู่จื่ออี้เดินมาอยู่ข้างๆเย้นหว่าน พูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ คุณนั่งทำงานมาเป็นเวลานานแล้วนะ ลุกขึ้นแล้วเดินไปรอบๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ…”
“เดินไปรอบๆห้องก็ได้ รอสักพักค่อยนั่ง”
มู่จื่ออี้ก็เปิดปากพูดอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มขึ้นหลายส่วน
เย้นหว่านลังเลอยู่บ้าง จริงๆแล้วเธอรู้สึกปวดหลังนิดหน่อยหลังจากนั่งมาเป็นเวลานาน
วางงานที่อยู่ในมือ เธอลุกขึ้นมา อาจจะเพราะนั่งเป็นเวลานานแน่นอนว่ารู้สึกเวียนหัว ทรงตัวไม่อยู่ โดยไม่ทันระวังจึงกวาดเอกสารที่อยู่ตรงหน้าลงไปบนพื้น
เย้นหว่านกุมขมับไว้ หมอบลงไปหยิบอย่างช่วยไม่ได้
มู่จื่ออี้ก็อยู่ข้างๆ ก็หมอบลงมาช่วยเธอหยิบ มือของทั้งสองคนยื่นออกไปพร้อมกันหยิบเอกสารใบหนึ่งขึ้นมา ทันใดนั้นพวกเขาก็จับมือกัน
แตกต่างกับฝ่ามือร้อนของโห้หลีเฉิน ฝ่ามือของมู่จื่ออี้นั้นเย็น เหมือนกับหยกน้ำดี เย็นเล็กน้อย เรียบลื่น
ขณะกุมมือเล็กของเย้นหว่าน ทันใดนั้นมู่จื่ออี้ตกตะลึง เขาคิดว่าจะไม่รู้สึกจิตใจปั่นป่วนอีกต่อไป กลับสั่นไหวอย่างรุนแรงอย่างกับไฟฟ้าช็อค
เย้นหว่านตกตะลึงอยู่ครู่นึง รีบดึงมือกลับมา
มู่จื่ออี้หันกลับมา ใบหน้าหล่อเหลาดูเหมือนจะผิดปกติไปเล็กน้อย เขาเปิดปากพูด
“มาเดี๋ยวผมหยิบเอง”
“……ค่ะ”
หลีกเลี่ยงการจับมือของอีกฝ่ายที่น่ากระอักกระอ่วนอีกครั้ง เย้นหว่านก็ไม่ได้อะไร แล้วก็ลุกขึ้นยืน
หลังจากนั้นก็กลับมาสงบอีกครั้ง ทั้งสองคนทำงานอยู่ด้วยกันอย่างสงบ อาจจะไม่รู้ว่าการจับมือกันเมื่อครู่กระตุ้นให้เกิดความไม่ชัดเจนหรือไม่ ที่ทำให้บรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนเป็นดูแปลกไปเล็กน้อย
โห้หลีเฉินปิดแฟ้มเอกสารสุดท้ายลง แล้ววางปากกาลง เงยหน้ามองไปยังเว่ยชี
“เย้นหว่านอยู่ที่ไหน?”
เหมือนกับเตรียมพร้อมจะถูกถามคำถามนี้ เว่ยชีตอบออกมาอย่างคล่องแคล่ว
“คุณเย้นอยู่ในห้อง เธอเลือกทำงานอยู่ในห้องค่ะ”
ห้อง?
ห้องของเธอเป็นห้องเพลสซิเดทสูทที่เขาช่วยเธอเลือกโดยเฉพาะ ใหญ่พอและก็สะดวกสบาย
เพียงแต่ว่า……
โห้หลีเฉินน้ำเสียงทุ้มต่ำเล็กน้อย “เธออยู่กับใคร?”
เว่ยชีหรี่ตาลง ลดเสียงเบา “อยู่กับคุณมู่จื่ออี้ค่ะ”
พวกเราแค่สองคนหรอ? ชายหญิงอยู่ด้วยกันตามลำพังในห้อง
ทันใดนั้นโห้หลีเฉินก็มีสีหน้าไม่ดีขึ้นมาทันที ลุกยืนขึ้นก้าวเท้าเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
“ดิ๊งต่อง ดิ๊งต่อง”
เสียงกริ่งประตูดังขึ้น
เย้นหว่านกำลังค้นหาเอกสารไม่ไกลจากประตู พอดีเดินผ่านไปเปิดประตู
“คุณโห้?”
เย้นหว่านมองเขาอย่างคาดไม่ถึง “คุณมาหาฉันหรอค่ะ?”
“อืม” โห้หลีเฉินเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมต้องการหาหนังสือสองเล่ม มีแค่ในห้องของคุณ”
“อย่างนี้นี่เอง เข้ามาเลยค่ะ”
เย้นหว่านกลับไม่ได้คิดอะไรมากมาย เลยรีบหลีกทางให้โห้หลีเฉิน
โห้หลีเฉินเดินเข้ามาแล้วก็เห็นเอกสารที่กองอยู่ทุกที่ในห้องนั่งเล่น แล้วยังมีมู่จื่ออี้ที่คอยขวางหูขวางตาเป็นพิเศษ
เขามีสีหน้าบึ้งตึง
เย้นหว่านเดินตามโห้หลีเฉินเข้าไป ชี้ไปที่ห้องหนังสือ
“คุณโห้ ห้องหนังสืออยู่ที่ทางนั้น คุณต้องการหนังสืออะไรก็เลือกเลยนะคะ”
“อืม”
โห้หลีเฉินตอบรับเสียงเบา เดินก้าวยาวไปทางห้องหนังสือ
มู่จื่ออี้เงยหน้าขึ้นมา มองไปยังโห้หลีเฉินด้วยสายตาขุ่นมัว
เย้นหว่านไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดี หนังสือของในทุกๆห้องเพลสซิเดทสูทต่างก็มีเป็นชุด โดยพื้นฐานแล้วต่างก็มีเหมือนๆกัน
สิ่งใดที่ไม่มีในห้องของเขา ถึงจะมีเฉพาะในห้องของเย้นหว่าน
โห้หลีเฉินเห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง ว่าแต่เขามาทำอะไรที่นี่?
“จื่ออี้ คุณค้นหาซีรี่ส์IOOออกมาหน่อยค่ะ”
เห็นโห้หลีเฉินไปห้องหนังสือ ระหว่างนั้นเย้นหว่านก็รีบกลับมาเข้าการทำงานใหม่อีกครั้ง
การแข่งขันออกแบบครั้งนี้เป็นกำหนดทิศทางสไตล์ เธอจำเป็นต้องหาข้อมูลเยอะๆ ภาระงานหนัก
“ได้ ในทันที”
มู่จื่ออี้คิดคำนวณในใจ ประสิทธิภาพในการทำงานไม่มีการล่าช้า
ในไม่ช้า เขาก็พบข้อมูลทั้งหมดที่เย้นหว่านต้องการแล้วนำออกมา เขาหยิบมาแล้วไปนั่งข้างเธอ แพร่กระจายอยู่บนโต๊ะ
เขาแยกออกทีละหมวดหมู่ให้เย้นหว่าน แล้วบอกรายละเอียดให้เธอฟัง
แบบนี้ เย้นหว่านก็จะประหยัดแรงไปได้มาก
และเย้นหว่าน ก็จะมีความเข้าใจที่ดีขึ้นต่อความเข้าใจและความรู้สำรองของมู่จื่ออี้ แม้จะเป็นการชื่นชม เขาแทบจะเป็นเหมือนคลังข้อมูลเคลื่อนที่ แทบจะไม่มีสิ่งไหนที่เขาไม่รู้จัก
เขาในระดับนี้ มันน่าเสียดายที่ได้เป็นผู้ช่วย
ทั้งสองคนสนทนากัน ขณะนี้ โห้หลีเฉินถือหนังสือเล่มนึงเดินออกมาจากในห้องหนังสือ
พอดีเขาเห็นเย้นหว่านกับมู่จื่ออี้นั่งเคียงข้างอยู่บนโซฟา กำลังอ่านข้อมูลที่อยู่ตรงหน้าด้วยกัน หัวของทั้งสองเกือบจะติดกันอยู่แล้ว
ดวงตาพาดผ่านความไม่พอใจ โห้หลีเฉินเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เย้นหว่าน”
เย้นหว่านเงยหน้าขึ้นมา “อืม ว่าไงนะคะ?”
“ผมต้องการจะนั่ง”
เย้นหว่านตกตะลึงครู่นึง คิดอยากพูดว่าอยากนั่งตรงไหนก็นั่งได้ แต่กวาดตามองรอบห้องของเธอ บนเกาอี้บนโซฟาแต่ละอันต่างมีเอกสารวางเต็มไปหมด แม้กระทั่งบนพื้นก็มี
ที่ไหนยังมีที่นั่ง?
“คุณโห้ รอสักครู่นะคะ”
และเธอก็ไม่ได้ใส่ใจเอกสารที่กำลังอ่านอยู่ในมือ เย้นหว่านรีบยืนขึ้นมา แล้วเดินเข้าไปเก็บเอกสารที่อยู่บนโซฟา
เธอรู้สึกละอายใจเล็กน้อย “ในห้องมันรกเกินไปหน่อย คุณก็อย่าถือสาเลยนะคะ”
ไม่รู้ว่าทำไม เธอไม่อยากให้โห้หลีเฉินเห็นด้านที่ยุ่งเหยิงของเธอ ถึงแม้ว่าจะเห็นแล้วก็ตาม
ด้านข้างก็ว่างเปล่าทันที มู่จื่ออี้ดูสับสน เห็นเย้นหว่านกำลังทำความสะอาดโซฟาด้วยความคล่องแคล่ว
เขาทำงานกับเย้นหว่านก็รู้ว่า เย้นหว่านพอทำงานขึ้นมาจะตั้งใจมาก แต่อาจพูดได้ว่าหมกมุ่นกับการทำงานจนไม่ได้กินไม่ได้นอน เมื่อครู่นี้เห็นได้ว่าเธอเข้าสู่สภาวะ แต่เขากลับนึกไม่ถึงว่า เธอยังสามารถวางสิ่งของในมือลงได้
เพียงเพราะโห้หลีเฉินต้องการที่นั่ง
“คุณโห้ คุณนั่งเลยค่ะ”
เย้นหว่านนำโซฟาที่ทำความสะอาดออกมา มองโห้หลีเฉินอย่างมีมารยาท “ต้องการดื่มชามั้ยค่ะ?”
“ไม่ต้อง คุณไปทำงานเถอะ”
โห้หลีเฉินนั่งลงไปบนโซฟาอย่างสง่าผ่าเผย มือขาวผ่องเรียวพลิกเปิดหน้าหนังสือ
ความหมายคือต้องการอ่านหนังสือ
เย้นหว่านแปลกใจ เขาต้องการอ่านหนังสือที่นี่หรอ?
“คุณโห้ คุณสามารถนำหนังสือไปอ่านได้ อ่านจบแล้วถือมาก็ได้ค่ะ”
“ที่นี่ก็ได้”
โห้หลีเฉินขณะพลิกเปิดหนังสืออย่างผ่าเผย พูดได้อย่างสมเหตุสมผลเป็นพิเศษ
เย้นหว่านตกตะลึง ที่นี่รกรุ่งรัง เธอและมู่จื่ออี้ยังพูดคุยกันเสียงดังนิดหน่อย เขาแน่ใจนะว่าจะอ่านหนังสือที่นี่ได้?