สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน – บทที่ 56 คุณโห้พูดว่า ผมชอบเธอ

บทที่ 56 คุณโห้พูดว่า ผมชอบเธอ

บทที่ 56 คุณโห้พูดว่า ผมชอบเธอ

ในเวลานี้ ท่ามกลางสายตาผู้คนทั้งฮอลล์ โห้หลีเฉินยกป้ายสิบคะแนนขึ้นมาอย่างเฉยชา

สิบคะแนน!

เมื่อมองตัวเลขบนป้ายคะแนน ผู้คนทั้งฮอลล์ต่างพากันช็อกไปชั่วขณะ

ทุกคนไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาตัวเอง ทั้งสนามต่างพากันให้เจ็ดคะแนนเป็นเอกฉันท์ การโชว์รูปแบบใดๆก็ไม่เข้าตาคุณโห้เลย ทำไมจู่ๆถึงให้คะแนนสูงสุด

ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย

กรรมการที่ข้างๆตกใจแทบช็อค อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเขายกป้ายคะแนนผิดรึเปล่า

เขากระชิบถามเสียงเบา “คุณโห้ ทำไมคุณถึงให้สิบคะแนน”

โห้หลีเฉินนั่งอยู่อย่างสง่าผ่าเผย ดูหยิ่งยโส

เขาเม้มริมฝีปากบาง ก่อนจะเอ่ยปากพูดครั้งแรกว่า “เพราะว่าผมชอบเธอ……”

ผู้คนทั้งฮอลล์ต่างส่งเสียงฮือฮา

นี่มันคือสถานการณ์อะไรกัน

เหล่าคณะกรรมการต่างพากันตกใจจนพูดไม่ออก ได้แต่อ้าปากค้าง

คุณโห้ให้คะแนนสูงอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้ เป็นการติดสินบนกรรมการรึเปล่า? หรือว่าพวกเขาให้คะแนนต่ำเกินไป…..

เย้นหว่านที่ยืนอยู่ด้านหลังเวที ตัวแข็งทื่อไปในทันที มองไปที่โห้หลีเฉินด้วยความแปลกใจ แก้มร้อนผ่าว ใจเต้นแรงไม่หยุด

ความเงียบสงัดปกคลุมไปทั่วทั้งฮอลล์ ราวกับหยุดนิ่ง

แต่โห้หลีเฉินกลับไม่ได้ให้ความสนใจ เม้มริมฝีปากบาง น้ำเสียงที่ดึงดูดไม่ดังไม่เบา ไม่ช้า

“………ความสามารถในการพลิกแพลงตามสถานการณ์ได้ดีของเธอ”

ชอบการพลิกแพลงตามสถานการณ์ของเธองั้นเหรอ?

ผู้คนถึงค่อยหันกลับมาสนใจ ที่แท้ก็เหตุผลนี้นี่เอง

คณะกรรมการต่างพาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก โชคดีไปที่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาคิด

เย้นหว่านยังคงยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ หัวใจยังคงเต้นแรงไม่หยุด ถึงแม้โห้หลีเฉินจะบอกแค่ว่าชอบการพลิกแพลงสถานการณ์ได้ดีของเธอเท่านั้น

โห้หลีเฉินรู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกเย้นหว่านจ้องมอง เขาจึงรีบหันไปทางเธอทันที

สายตาทั้งสองคู่สบตากันในระยะทางไกล

เย้นหว่านหัวใจเต้นแรง ขณะนั้นเธอตื่นตระหนกสุดขีด รีบหันหลบไป

แต่แก้มของเธอร้อนเหมือนถูกไฟเผา

ผู้ช่วยของ โอวน่อหย่า เห็นใบหน้าของดีไซน์เนอร์ในสังกัดของตัวเองดูไม่สู้ดีนัก จึงรีบเอ่ยปลอบใจ

“อย่ากังวลใจไปเลยนะ ถึงแม้ตอนนี้ เย้นหว่านจะมีคะแนนเป็นที่หนึ่งตามทันเธอ แต่หล่อนไม่มีฐานแฟนคลับ แล้วก็ไม่มีชื่อเสียงอะไรเลย คงไม่มีใครซื้อของหล่อนหรอก คะแนนความนิยมเธอดีกว่าแน่นอน”

“สิ่งที่ฉันต้องการคือให้หล่อนตกรอบ!”

แล้วก็ไม่อยากได้อันดับที่ต่ำกว่าหล่อนก็เท่านั้นเอง

สีหน้าของโอวน่อหย่าดูไม่ค่อยดี ภายในใจก็รู้สึกไม่ดีได้แต่รอคณะกรรมการข้างนอกประกาศคะแนน

เมื่อคณะกรรมการด้านนอกประกาศคะแนนออกมาปรากฏว่า โอวน่อหย่าได้17คะแนน และเย้นหว่านก็ได้17คะแนน!

คะแนนของทั้งสองคนเป็นที่หนึ่ง เหมือนกัน

แต่เมื่อเทียบกันแล้วโอวน่อหย่าเป็นดีไซน์เนอร์ที่มีชื่อเสียงมากกว่า แต่เย้นหว่านเหมือนกับม้ามืด มีผลงานที่งดงามน่าทึ่งและได้รับความสนใจมากขึ้น

ถึงแม้จะได้ลำดับที่1 แต่เธอกลับสะดุดตามากกว่า

เมื่อมองตัวเลขบนหน้าจอ ใบหน้าของ โอวน่อหย่าซีดเผือด ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

“เป็นไปได้ยังไง? เย้นหว่านจะได้คะแนนเท่าฉันได้ยังไง!”

โอวน่อหย่าอดไม่ได้ที่จะปล่อยโฮออกมา แล้วนี่ก็เริ่มรู้สึกถึงวิกฤตที่กำลังจะเกิดขึ้น

เมื่อสองปีก่อนเธอก็ได้พบว่าเย้นหว่านมีพรสวรรค์ในด้านนี้ จึงพยายามกดดันเธอทุกทาง ทั้งพยายามขับไล่เธอออกจากการแข่งขัน ไม่แม้แต่ปล่อยให้เธอได้โอกาสมีหน้ามีตาใดๆ

แต่ว่าในตอนนี้…..

เย้นหว่านกลับขึ้นมายืนอยู่ระดับเดียวกับเธอแล้ว!

เมื่อผลการแข่งขันออกมา การแข่งขันก็จบลง นางแบบและดีไซน์เนอร์ก็พากันเดินออกจากฮอลล์

มู่จื่ออี้ยืนรอเย้นหว่านอยู่ทางออกของเวที

เย้นหว่านและวางหนิงเวย เดินมาด้วยกัน แต่มู่จื่ออี้มองเห็นแต่ เย้นหว่าน เขายิ้มแล้วพูดกับเธอ

“ยินดีด้วย คุณได้ที่หนึ่งแล้ว”

ด้วยชัยชนะครั้งสำคัญนี้ มันจะทำให้เย้นหว่านในการแข่งขันรอบตัดสินก็จะราบรื่นขึ้นมา

เย้นหว่าน มีความสุข แล้วพูดอย่างอารมณ์ดี “ฉันโชคดีที่มีคุณ ขอบคุณที่ช่วยเหลือฉันมาตลอด”

“เป็นสิ่งที่ผมควรจะทำ”

มู่จื่ออี้ยิ้มอย่างอบอุ่นอ่อนโยน

วางหนิงเวยที่ยืนอยู่อีกด้านนึง สวมใส่เสื้อผ้าสวยงาม มองดูแล้วสวยเพอร์เฟคที่สุด แต่กลับถูกมองข้าม

เธอมองมู่จื่ออี้ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดในใจ ในใจไม่ยินยอมแล้วยังรู้สึกอิจฉาอย่างมาก

“จื่ออี้……”

ในน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนของเธอ ทำให้บางคนรู้สึกน้อยใจ

ในตอนนี้วางหนิงเวยดูไปแล้วไม่เพียงแต่ดูสวยงาม และทั้งยังน่าสงสาร

มู่จื่ออี้ดูเหมือนจะเพิ่งสังเกตเห็นวางหนิงเวย สายตาที่แหลมคมมองไปที่เธอด้วยสายตาที่เฉยชา

จากนั้น เขาก็หันหน้าไปหาเย้นหว่านแล้วพูดว่า

“เย้นหว่าน ผมเก็บของออกไปเกือบจะหมดแล้วนะ คุณออกไปรอผมข้างหน้าเลย เดี๋ยวผมพูดกับเธอสองสามประโยคแล้วจะตามไป ”

“โอเคค่ะ”

หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ เย้นหว่านเกลียดวางหนิงเวยมากขึ้นกว่าเดิม ไม่คิดอยากจะอยู่กับเธอแม้สักวินาทีเดียว

แต่คนรักเก่าเขาต้องการจะพูดอะไร ก็ไม่เกี่ยวกับเธอ

เย้นหว่านตอบแล้วเดินหันหลังออกไปข้างนอก

เมื่อเห็นว่ามู่จื่ออี้เป็นคนอยู่พูดคุยกับเธอ วางหนิงเวยก็เกิดประกายแห่งความขึ้นในแววตา โค้งริมฝีปากแดงเผยรอยยิ้มที่ตนเองคิดว่างดงามที่สุด

“จื่ออี้ วันนี้แฟชั่นโชว์ของฉันเป็นอย่างไรบ้าง? เมื่อก่อนคุณชอบโชว์ของฉันที่สุด คุณมักจะบอกว่าฉันสวยที่สุดเมื่ออยู่บนเวที”

พวกเขาเคยมีความฝันร่วมกัน คือมู่จื่ออี้เป็นคนออกแบบ และวางหนิงเวยเป็นคนใส่ชุดที่เขาออกแบบเดินแฟชั่นโชว์

แต่ว่าในตอนนี้…..

มู่จื่ออี้ก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือจับกระโปรงของวางหนิงเวย

ตรงที่ปลายนิ้วของเขาจับเป็นตรงที่เปื้อนไวน์แดงพอดี

แม้ว่าจะผ่านการจัดการอย่างดีของเย้นหว่าน ไวน์ก็แห้งแล้ว แต่เพราะยืนอยู่ใกล้กัน เลยยังคงได้กลิ่นของไวน์แดง

“ตั้งใจ?”

เขาถามชัดถ้อยชัดคำ

วางหนิงเวยชะงักไปในทันที ดวงตาเริ่มสั่นไหว ภายในใจเริ่มหวาดกลัว หลังจากนั้นเธอก็เอ่ยพูดอย่างมั่นใจว่า “จื่ออี้ เมื่อครู่คุณว่าอะไรนะคะ ฉันฟังไม่เข้าใจ”

“วางหนิงเวย คุณคิดว่าผมยังโง่เหมือนเมื่อก่อนที่ปล่อยให้คุณหลอกซ้ำๆหรือยังคิดว่าคุณแสนดีไม่มีพิษภัยงั้นเหรอ”

มู่จื่ออี้ยิ้มหยัน สายตาที่มองวางหนิงเวยเย็นชามาก

“ฉันแค่อยากจะเตือนคุณสักครั้งว่าอย่าใช่เล่ห์เหลี่ยมสกปรกๆกับเย้นหว่านอีก ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ปล่อยคุณไป อย่าคิดว่าผมจะจดจำเรื่องราวเก่าๆความรู้สึกทีมีต่อคุณแล้วยั้งมือไว้ไมตรี คุณในตอนนี้ ผมจะไม่อ่อนข้อให้”

คำพูดที่เย็นชา ทุกคำทุกประโยคทิ่มแทงอยู่ในใจของวางหนิงเวย

ใบหน้าของซีดเผือด ดวงตาสั่นระริกน้ำตาคลอเบ้า

“จื่ออี้ ฉันไม่ได้เป็นคนทำนะคะ ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้…..”

มู่จื่ออี้ไม่แม้แต่อยากจะมองหน้าเธออีกสักครั้ง หันหลังแล้วเดินจากไป

ร่างสูงแผ่นหลังกว้างดูเย็นชามากไม่หลงเหลือมิตรภาพในอดีตเลยสักนิด

ชายหนุ่มผู้ไร้ความเมตตาปราณี

วางหนิงเวยร่างกายอ่อนแรง จนแทบจะยืนไม่ไหว หมดสภาพ

เธอไล่กลับมาจากต่างประเทศ และให้คำสาบานจากใจ เพียงแค่เธอยอมถอยหลัง และในเมื่อมู่จื่ออี้รักเธอขนาดนี้ เขาจะต้องเปลี่ยนใจกลับมาแน่นอน

แต่หลังจากมีเย้นหว่านเข้ามา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

ต้นเหตุทั้งหมดเป็นเพราะเย้นหว่าน!

นัยน์ตาของวางหนิงเวยเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “คุณชอบหล่อนขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ฝีเท้าของ มู่จื่ออี้ หยุดชะงัก ชอบงั้นเหรอ?

แสงอุ่นกระทบบนใบหน้าของเขา เม้มริมฝีปากบางและไม่พูดอะไร แล้วเดินจากไป

เขาไม่ได้ตอบกลับมา แต่สำหรับวางหนิงเวยแล้ว การที่เขาเงียบนั่นคือคำตอบแล้ว และนั่นมันทำให้เธอหัวใจสลาย

อยู่ด้วยกันมาตั้งนานขนาดนี้ เธอย่อมรู้จักเขามากกว่าใคร ถ้าเขาพูดว่าชอบ บางทีอาจจะไม่ได้ชอบขนาดนั้น แต่ถ้าเขาไม่พูดหรือปฏิเสธ ก็คือชอบจริงๆและชอบจากก้นบึ้งของหัวใจ

“มู่จื่ออี้ คุณก็น่าจะรู้ว่า เย้นหว่านคือว่าที่คู่หมั้นของโห้หลีเฉิน….”

“วางหนิงเวยพูดกับตัวเอง ดวงตาแดงก่ำ ”

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

Status: Ongoing

“คุณผู้หญิง ผมจะไม่แต่งงานกับคุณ” นี้คือประโยคแรกที่เขาพูดกับเธอ เธอรู้ชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นยังไง แกล้งทำเป็นคู่หมั้นของเขาอย่างเชื่อฟัง แต่ในหนึ่งวัน เธอโดนเขาจับขึ้นเตียงและลูบไล้ เธอตกใจ “คุณโห้ คุณเคยบอกแล้วว่า เราเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางสัญญา” “ผมยกเลิกแล้ว” เขาได้รู้แล้วว่า เธอเป็นผู้หญิงที่เขาตามหามานาน เขาจะปล่อยมือไปได้ยังไง? “เพื่อเป็นการชดเชย ผมเป็นของคุณแล้ว”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท