บทที่71 จะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว ก็เป็นของบ้านคุณทั้งหมด
ทั้งสองขึ้นลิฟท์VIPมาถึงชั้นบนสุด ชั้น99คือห้องทำงานของท่านประธาน
เหมือนกับว่าตั้งใจรอเย้นหว่านอยู่ ประตูกระจกไม่ได้ปิด ตอนนี้ได้เปิดไว้ครึ่งนึง
เว่ยชียืนอยู่ที่หน้าประตู ถอยหลังไปก้าวนึง แล้วยื่นมือต้อนรับ “คุณเย้นครับ เชิญครับ”
เย้นหว่านยิ้มให้กับเขา แล้วเดินไปที่หน้าประตู และเคาะประตูตามมารยาท
ในขณะเดียวกัน เธอก็มองเห็นทุกมุมของห้องทำงาน ความรู้สึกแรกก็คือใหญ่ ใหญ่มากๆ ผ้าม่านที่ใหญ่จนถึงพื้น ได้ทำให้ที่นี่ดูกว้างและสว่างขึ้น
ณ เวลานี้ บนโซฟาหนังแท้ในห้อง มีคนนั่งอยู่สองคน
โห้หลีเฉินกับเย้นเหวินหนาน
โห้หลีเฉินเงยหน้ามองมาที่เย้นหว่าน ช่างเป็นแววตาอ่อนโยน
เขาพูดเบาๆ “เข้ามาสิ”
เย้นหว่านยกกระเป๋าเดินทางและเดินเข้ามา เห็นเย้นเหวินหนานแล้ว พยักหน้าตามมารยาท
เย้นเหวินหนานเห็นเย้นหว่านแล้วรู้สึกแปลกใจ และก็ได้มองดูการแต่งตัวของเธอ กับของที่เธอกอดเอาไว้ในอ้อมกอด
อึ้งไปสักพัก เขาเหมือนจะเข้าใจแล้วพูดว่า “หลีเฉิน ดีไซเนอร์ที่มีพรสวรรค์ ที่นายเรียกให้ฉันมารอก็คือเย้นหว่าน?”
โห้หลีเฉินพยักหน้า และจิบกาแฟคำนึง
หลังจากนั้นเขาพูดกับเย้นหว่านว่า “นับตั้งแต่วันนี้ เย้นเหวินหนานจะเป็นคนรับผิดชอบงานทั้งหมดเกี่ยวกับคุณ คุณมีปัญหาอะไรก็หาเขาได้เลย”
น้ำเสียงที่เรียบเฉย เหมือนเขาเป็นแค่หัวหน้าธรรมดาๆคนนึง
เย้นเหวินหนานแบะปากเล็กน้อย เขาอยากจะเตือนโห่หลีเฉินจังเลยว่าอย่างน้อยเขาก็เป็นถึงรองประธานของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างโห้ถิงกรุ๊ปนะ ให้รับผิดชอบงานทั้งหมดของดีไซเนอร์คนใหม่แบบนี้ มันจะดีหรือ?
ใช้เรื่องงานมาใช้เป็นเรื่องส่วนตัวก็ควรจะมีขอบเขตบ้าง?
เห็นว่าเป็นคนที่เคยเจอหน้าครั้งนึงแล้ว ความรู้สึกที่ไม่คุ้นชินของเย้นหว่านได้ลดลงไม่น้อย
เธอพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเย้น ต่อไปขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
“แน่นอนอยู่แล้วครับ”
ภรรยาของคุณโห้ เขาจะไม่ทุ่มแรงกายและแรงใจดูแลได้ยังไง?
ในใจลึกๆของเย้นเหวินหนานยังสงสัยอยู่ เข้าไปใกล้ๆโห้หลีเฉิน และพูดเสียงเบาที่ได้ยินแค่เขาสองคน “นายก็รู้ว่าฉันยุ่งมาก ทำไมถึงเลือกฉันเป็นคนรับผิดชอบเย้นหว่าน ? ที่จริงหาหัวหน้าดีไซเนอร์โดยเฉพาะมาคนนึงก็สามารถปั้นเธอขึ้นมาได้”
โห้หลีเฉินจิบกาแฟคำนึง และพูดแบบสมเหตุสมผล
“ฉันไม่ไว้ใจคนอื่น”
เย้นเหวินหนาน “นายไว้ใจฉันขนาดนั้นเลย?”
โห้หลีเฉินพยักหน้า “นายเคารพพี่สะใภ้อยู่แล้ว”
เย้นเหวินหนาน “……”เขาถึงกับไม่รู้จะตอบยังไง
โห้หลีเฉินช่างคิดได้รอบคอบจริงๆ เรื่องที่เอาเย้นหว่านเข้ามารับตำแหน่ง แม้แต่สาเหตุที่อาจจะถูกเจ้านายกลั่นแกล้งก็ได้คิดเอาไว้แล้ว ถ้าอยู่กับเย้นเหวินหนานแล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้แล้ว
เย้นเหวินหนานยอมจำนนต่อโชคชะตาและตอบตกลงยอม ดูท่าแล้วต่อจากนี้เขาต้องทำโอทีเพิ่มอีกไม่น้อยเสียแล้ว
เขายืนขึ้น พูดกับเย้นหว่านด้วยรอยยิ้ม
“ผมพาคุณไปเก็บของก่อน แล้วไปคุ้นเคยกับห้องทำงานของคุณ ต่อจากนี้……”
เย้นเหวินหนานมองดูเย้นหว่านตั้งแต่หัวจรดเท้าทีนึง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและมีความเป็นมืออาชีพ “แล้วค่อยปรับแต่งให้คุณมีภาพลักษณ์ของดีไซเนอร์ชื่อดัง”
ปรับแต่งให้มีภาพลักษณ์ของดีไซเนอร์ชื่อดัง นั่นคืออะไร?
เย้นหว่านเกิดความสงสัย แต่ไม่นานเธอก็จะเข้าใจแล้ว
เย้นเหวินหนานไม่เพียงแต่เป็นรองประธาน เป็นดีไซเนอร์ชื่อดังที่ถูกปกปิด แต่มีสายตาเฉียบคมและฝีมือที่ยิ่งกว่าดีไซเนอร์ชื่อดัง
เขาพาเย้นหว่านมาถึงที่ห้องแต่งตัวเฉพาะของบริษัท ปรับเปลี่ยนการแต่งตัวของเย้นหว่านใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า
ปกติเธอมักจะแต่งเป็นชุดลำลอง แบบสบายๆ แต่ชุดลำลองที่เย้นเหวินหนานจัดให้เธอ ในความสบายจะมีความสง่าซ่อนอยู่ เข้าชูบุคลิกภาพของเธอให้ดีที่สุด และก็ไม่ดูเฟคเกินไป
ใส่รองเท้าส้นสูง และมองตัวเองในกระจก เหมือนบุคลิกภาพของเย้นหว่านได้เปลี่ยนใหม่หมด จู่ๆก็กลายเป็นสาวสวยในเมืองหลวง
“คุณเป็นดีไซเนอร์ หลังจากมีชื่อเสียงแล้วภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญมาก ต่อไปเสื้อทั้งหมดของคุณไม่ต้องเอาแล้ว ถ้าเป็นไปได้เวลาที่อยู่ในที่สาธารณะใส่แต่ชุดที่ผมจัดให้เท่านั้น”
เย้นเหวินหนานเข็นเสื้อทั้งราวเดินมา ทั้งหมดมีแต่ไซส์ของเย้นหว่าน เป็นชุดที่เตรียมไว้ให้เธอทั้งหมด
เสื้อพวกนี้ ถึงเธอจะเปลี่ยนวันละชุด ก็พอให้เธอใส่ได้เป็นเวลานานเลยล่ะ
แถมยังเป็นแบรนด์เนมทั้งหมด…..
เย้นหว่านลังเลไปครู่นึงแล้วถามว่า “เสื้อพวกนี้เป็นชุดที่ใช้สำหรับงานหรือคะ?”
เคยเห็นบริษัทที่ให้กินฟรีอยู่ฟรีและมีเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆให้ใช้ฟรี แต่เธอเพิ่งเคยเจอครั้งแรกที่นอกจากดาราแล้ว ยังมีดีไซเนอร์ที่รับผิดชอบเรื่องการแต่งตัวทั้งหมดแถมยังมีเสื้อฟรีอีกด้วย
เย้นเหวินหนานอึ้งไปครู่นึง คำถามนี้เหมือนจะตอบยากนะ
หลังจากนั้นก็พูดว่า “ทั้งหมดนี้ก็เป็นของหลีเฉินอยู่แล้ว ก็เป็นของคุณเช่นกัน”
เย้นหว่านหน้าแดงขึ้นมาทันทีอะไรคือทั้งหมดนี้ก็เป็นของบ้านของเธอ?
เธอกับโห้หลีเฉินยังไม่ได้แต่งงานสักหน่อย
หลังจากเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ให้เย้นหว่านแล้ว เย้นเหวินหนานพาเย้นหว่านไปที่แผนกดีไซเนอร์ด้วยตัวเอง ให้เธอทักทายกับเพื่อนร่วมงาน
หลังจากนั้นก็พาเธอไปรู้จักห้องทำงานส่วนตัวของเธอ แล้วค่อยพาเธอกลับมาที่ห้องทำงานของท่านประธาน
เย้นเหวินหนานเดินเข้าห้องทำงานก่อน และพูดอย่างได้ใจว่า “หลีเฉิน นายดูซิเป็นไงบ้าง?”
เขาแบมือทั้งสองไปที่ทิศทางของประตู
โห้หลีเฉินกำลังจัดการเอกสารบนมือ เขาวางปากกาลง แล้วเงยหน้ามองไปที่หน้าประตู ก็เห็นร่างเงาที่สวยงามของผู้หญิงปรากฏอยู่ในสายตาเขา
เธอใส่เสื้อแขนสั้นสีขาว กระโปรงขาสั้น เผยหุ่นที่ดีของเธอออกมาอย่าง เพอร์เฟค ขาทั้งคู่ยิ่งเป็นที่ดึงดูดสายตา ขาวเนียน เรียวยาว สวยจนถึงขั้นเพอร์เฟค
การแต่งตัวแบบสไตล์เมืองหลวงอยู่บนตัวเธอแล้วช่างสวยงาม แต่กลับต่างจากผู้หญิงคนอื่น เขาสัมผัสไม่ถึงความไร้รสนิยมบนตัวเธอแม้แต่น้อย แม้กระทั่งดูแล้วยังสบายตาและช่างสวยงามจริงๆ
เป็นการแต่งตัวที่เหมาะสมกับเธอมาก แต่ว่า……..
โห้หลีเฉินหันไปมองเย้นเหวินหนาน สีหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “กระโปรงสั้นเกินไปนะ เปลี่ยน”
เย้นหว่านที่เพิ่งเดินเข้ามาก็ได้ยินคำนี้พอดี จึงก้มมองกระโปรงของตัวเอง สั้นตรงไหน? คนส่วนใหญ่ก็ใส่กันอย่างนี้ มันก็ปกติมาก
เย้นเหวินหนานแบะปากเล็กน้อย:“นายเป็นคนบอกให้ฉันเปลี่ยนลุคให้เธอเอง”
“ต้องโป๊ถึงจะเรียกว่าเปลี่ยนลุคอย่างงั้นหรือ?”
โห้หลีเฉินย้อนถาม น้ำเสียงที่เย็นชาฟังแล้วรู้สึกถึงอันตราย
เย้นเหวินหนาน “…..”
เขาไม่อยากถือสาผู้ชายที่กำลังตกอยู่ในความรัก
เย้นหว่านยืนอยู่ที่เดิมพูดไม่ออกเลย ชุดที่เธอใส่เนี่ยนะโป๊ ถ้าอย่างนั้นแบบไหนถึงจะเรียกว่าไม่โป๊? กางเกงขายาวเสื้อแขนยาว?
เย้นเหวินหนานหน้าเซ็ง “ไปเถอะ เราไปเปลี่ยนลุคใหม่กัน”
เย้นหว่านหดหู่ แต่เขาเป็นท่านประธาน เป็นBOSSใหญ่ แม้แต่รองประธานยังต้องเชื่อฟังดีๆ เธอเป็นแค่พนักงานเล็กๆคนนึงจะมีความเห็นอะไรได้ยังไง?
เธอได้แต่เดินตามหลังเย้นเหวินหนานไป
ในขณะนี้ ประตูกระจกกลับถูกผลักเข้ามาจากด้านนอก ในขณะเดียวกันสิ่งที่ตามมาคือเสียงที่ดีใจของฉินฉู่
“หลีเฉิน มีข่าวดี ชิ่นของนายกลับมาแล้ว!”
พอพูดจบ เขาถึงสังเกตเห็นว่าในห้องยังมีคนอื่นอยู่ด้วย โดยเฉพาะตอนที่เห็นหน้าเย้นหว่านแล้ว อึ้งจนปิดปากตัวเองไว้
เย้นหว่านอึ้งไปสักครู่ เซนซิทีฟมากกับถ้อยคำที่ฉินฉู่ใช้—–ชิ่นของนาย
หัวใจเธอเต้นกระตุกอย่างประหลาด ในใจมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก