บทที่79 เขากำลังอาบน้ำอยู่หรอ?
เย้นซวนมิ้นกับเฉียวเจียฮุ่ยต่างก็จ้องตากันทีนึง ต่างก็รู้สึกดีใจและวางใจ
จากนั้นพวกเขาก็ต้อนรับโห้หลีเฉินอย่างเป็นมิตรไมตรี และหาประเด็นมาพูดคุยกับเขา เวลาได้ผ่านล่วงเลยไปอย่างไม่รู้ตัว
เย้นหว่านนั่งอยู่ข้างกายของโห้หลีเฉิน คอยมองดูผู้ชายที่อยู่ข้างกายด้วยความสงสัยเป็นพักๆ คิดไม่ออกว่าคืนนี้เขาเป็นอะไรกันแน่ ไม่นึกว่าจะว่างจนไม่มีอะไรทำแล้วมาที่บ้านของเธอ และพูดคุยกับพ่อบุญธรรม แม่บุญธรรมของเธอ?
เท่าที่เธอรู้ โห้หลีเฉินไม่เคยว่างแบบนี้มาก่อน และไม่ได้เป็นคนเข้าหาได้ง่ายขนาดนี้
ตอนที่ถึงเวลาสามทุ่มครึ่ง โห้หลีเฉินถึงพูดอย่างใจเย็นว่า:“คุณลุง คุณป้าครับ ผมคงต้องกลับก่อนแล้วครับ”
“นานๆทีคุณถึงจะได้มา นั่งอีกพักสิคะ”สัก
เฉียวเจียฮุ่ยรั้งอย่างเป็นมิตรไมตรี
โห้หลีเฉินตอบอย่างมีมารยาท “ไม่แล้วครับ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว ครั้งหน้าไว้ผมจะมาเยี่ยมเยียนใหม่นะครับ”
“งั้นลุงไปส่งคุณ”
เย้นซวนมิ้นลุกขึ้น ยิ้มและเดินออกไปด้านนอก พร้อมมองเย้นหว่านทีนึง “ไป ไปส่งหลีเฉินด้วยกันหน่อย”
การพูดคุยกันทั้งคืน ระหว่างโห้หลีเฉินกับเย้นซวนมิ้นได้สนิทสนมจนเรียกแค่ชื่อของเขาแล้ว
เย้นหว่านฝืนยิ้ม ลุกขึ้นตามโห้หลีเฉินและเดินออกไปตามเขา
ทั้งสามเดินมาถึงหน้าประตู ก็มีฝนตกลงมาปรอยๆใส่ใบหน้า
“ฝนตกแล้ว?”
เย้นซวนมิ้นมองออกไปข้างนอก เห็นเม็ดฝนที่ไม่เล็กไม่ใหญ่แล้วขมวดคิ้ว
ในขณะนี้ “โฮ่ง”เสียงนึง ท้องฟ้ามีเสียงฟ้าร้องพร้อมสายฟ้าแลบที่แสบตา
“ซ่าๆๆ”
ทันใดนั้นฝนได้ตกลงมาหนักขึ้น รู้สึกวินาทีต่อไปก็จะกลายเป็นฝนตกหนัก
“ทำไมฝนตกหนักกระทันหันแบบนี้? นี่ถ้าขับรถอยู่บนถนนต้องอันตรายมากแน่ๆเลย”
เฉียวเจียฮุ่ยกังวลจนขมวดคิ้ว
โห้หลีเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเบาบาง “ไม่เป็นไรครับ ผมขับช้าๆหน่อย”
“นั่นก็ไม่ได้เหมือนกัน ถ้าคุณเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่าทาง พวกเราจะบอกกับคุณนายใหญ่ตระกูลโห้ยังไง?”
เฉียวเจียฮุ่ยส่ายหัวอย่างไม่เห็นด้วย หลังจากได้มองเย้นซวนมิ้นที่ลำบากใจเหมือนกันแล้วพูด “คืนนี้คุณพักที่บ้านเราเถอะ พรุ่งนี้ฝนหยุดแล้วค่อยกลับไป”
“แม่คะ แบบนี้ไม่ดีมั้งคะ?”
เย้นหว่านรีบเปิดปากพูด ที่บ้านเธอก็มีแค่สามห้องนอน พ่อกับแม่ห้องนึง อีกห้องเป็นห้องของน้องสาวที่กำลังเรียนมหาลัยอยู่ ส่วนอีกห้องก็คือของเธอ ไม่มีห้องที่โห้หลีเฉินสามารถพักได้ด้วยซ้ำ
อีกอย่าง คนอย่างโห้หลีเฉินก็เป็นคนเรื่องมากซะด้วย มีข้อกำหนดเรื่องที่พักสูงมาก
“ลูกกับคุณโห้เป็นว่าที่สามีภรรยากัน ถูกหลักธรรมนองคลองธรรม จะมีอะไรไม่ดี?”
เฉียวเจียฮุ่ยตอบโต้คำพูดของเย้นหว่านอย่างเด็ดขาด
เย้นหว่านลำคอติดขัด ไม่รู้ควรจะบอกกับแม่ตัวเองยังไง เธอหันไปมองโห้หลีเฉิน
เหมือนใจตรงกันอย่างไรอย่างนั้น โห้หลีเฉินก็กำลังมองมาที่เย้นหว่านพอดี แววตาของเขาลุ่มลึกมาก มีอารมณ์ที่ยากแก่การคาดเดาแฝงอยู่
เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “งั้นก็รบกวนคุณลุง คุณป้าแล้วนะครับ”
นี่คือจะอยู่ต่อหรอ?
เย้นหว่านมองเขาด้วยความตะลึง มีความสงสัยนิดหน่อยว่าหูของตัวเองฟังผิดรึเปล่า?
โห้หลีเฉินในคืนนี้ชั่วร้ายเกินไปแล้ว เรื่องที่เขาทำแทบทุกเรื่อง ต่างก็เหนือความคาดหมายของเธอทั้งนั้น
โห้หลีเฉินจะอยู่พักที่นี่ เนื่องจากความสัมพันธ์ของเขากับเย้นหว่าน จึงได้ให้เขานอนที่ห้องของเย้นหว่าน ส่วนเย้นหว่านก็นอนที่ห้องของเย้นซินน้องสาวตัวเอง
เย้นซินพักที่หอของมหาลัย กลางคืนก็ไม่กลับมา ก็เท่ากับว่าเย้นหว่านนอนคนเดียวอยู่ดี แค่เปลี่ยนมานอนอีกห้องเฉยๆ
แต่ว่า……..
เย้นหว่านมองรูปร่างสูงใหญ่ของโห้หลีเฉินยืนอยู่ในห้องของตัวเอง ในใจมีความรู้สึกแปลกๆที่บอกไม่ถูก
คิดถึงเดี๋ยวเขาจะใช้ข้าวของๆเธอ และนอนเตียงของเธอ……
แก้มของเธอแดงก่ำขึ้นมาด้วยความอึดอัด และพูดเสียงต่ำ:
“คุณโห้คะ ฉันพักอยู่ห้องข้างๆ ถ้าต้องการอะไรก็เรียกฉันได้นะคะ”
“ต้องการอะไรก็ได้หมดหรอ?”
โห้หลีเฉินยักคิ้ว น้ำเสียงแฝงด้วยการหยอกล้อ
คิดอยู่ในใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือแขก เย้นหว่านพยักหน้าอย่างจำใจ “ขอแค่ฉันสามารถช่วยคุณได้ก็ยินดีค่ะ”
“อืม สิ่งที่ผมต้องการก็เรียบง่ายมาก”
โห้หลีเฉินก้าวเท้าใหญ่ออกมา จู่ๆก็ใกล้มาที่เย้นหว่าน รูปร่างสูงใหญ่เหมือนภูเขาที่ทับมากระทันหัน
เขาจ้องมองเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำน่าดึงดูดจะแย่อยู่แล้ว
“ผมจะเอาคุณ”
ลมหายใจที่หอมสดชื่นของผู้ชายลอยมาเตะจมูก จู่ๆทำให้เย้นหว่านแข็งทื่อขึ้นมา
คำพูดของเขา ยิ่งทำให้หัวใจเธอเต้นแรง
เธอตื่นตระหนกและรีบถอยหลังไปสองก้าว และพูดด้วยเสียงแข็งกระด้าง “คุณโห้ นี่มันไม่ตลกเลยนะคะ”
โห้หลีเฉินมองเธอด้วยสายตาชิวๆ ไม่มีความหมายล้อเล่นเลยสักนิด กลับกันเขาเข้าใกล้เธอมาอีกสองก้าว
“เพราะยังไงก็ไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว แถมยังอยู่ห้องของคุณด้วย คุณอยู่ที่นี่สะดวกกว่า”
สะดวก สะดวกอะไร?
เย้นหวานเกร็งไปหมด มองดูโห้หลีเฉินแล้วรู้สึกอันตรายมาก
ถึงเขาจะสูงส่งจนไม่อาจเอื้อมขนาดไหน แต่ก็ยังเป็นผู้ชายปกติคนนึง และมีความต้องการทางด้านนั้นอยู่………..
คิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเย้นหว่านแดงก่ำขึ้นมาทันที
เธอพูดจาติดๆขัดๆ “คุณพักผ่อนเถอะค่ะ ฉันขอตัวไปก่อน”
พูดจบ ไม่กล้าเหลียวมองโห้หลีเฉินอีก เย้นหว่านก็หันหลังวิ่งออกไปด้านนอก
ดูแล้วตื่นตระหนกมาก ราวกับว่ามีอะไรตามอยู่ข้างหลังเธอ
โห้หลีเฉินยืนตัวตรง สายตามองร่างเงาที่วิ่งหนีของเย้นหว่าน แววตาแฝงด้วยรอยยิ้มที่บางเบา
จนกว่าห้องข้างๆมีเสียงปิดประตูก้องมา ทีนี้โห้หลีเฉินถึงได้ดึงสายตากลับ
เขาหันศิรษะมองมาที่ห้องนอนเล็กๆห้องนี้ มีเตียงนอนหนึ่งเตียง ตู้เสื้อผ้าหนึ่งตู้ โต๊ะอ่านหนังสือหนึ่งตัว การตกแต่งเครื่องใช้ในบ้านที่เรียบง่าย แต่กลับมีกลิ่นไอของความอบอุ่น
ผ้าปูที่นอน ผ้าห่มและของใช้ส่วนใหญ่ ต่างก็ใช้โทนสีอ่อนเป็นหลัก ลายเส้นที่อ่อนโยนแฝงด้วยความอ่อนโยนของผู้หญิง
ก็เหมือนกับเธอเลย
นึกถึงการตกแต่งลายเส้นที่เฉียบคมของห้องตัวเอง หัวใจของโห้หลีเฉินขยับเล็กน้อย มีความคิดขึ้นมาหน่อยนึง
เย้นหว่านกลับมาที่ห้องด้วยความเร่งรีบ หลังจากปิดและล็อคประตูเสร็จ เธอถึงรู้สึกโล่งอกไปที
โห้หลีเฉินในคืนนี้ ทำให้เธอรู้สึกถึงความอันตรายที่มาจากผู้ชายคนนึง
แต่ว่าโชคดีที่เธอพักที่ห้องคนเดียว ในที่สุดคืนนี้ก็ถือว่าผ่านพ้นไปแล้ว
แต่ความคิดแบบนี้ของเย้นหว่านยังไม่ได้รักษาไว้นาน ก็ถูกทำลายไปแล้ว
เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นมา เป็นสายเรียกเข้าจากโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านเกิดความสงสัย “คุณโห้ มีอะไรรึเปล่าคะ?”
ในสาย มีเสียงทุ้มต่ำและเซ็กซี่ของผู้ชายก้องมา “ผ้าขนหนูอยู่ไหน?”
เย้นหว่านอึ้งไปครู่นึง ตอนนี้เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอวิ่งไวเกินไป ยังไม่ได้บอกตำแหน่งที่วางของพวกนี้ให้กับโห้หลีเฉินเลย
เธอรีบพูดขึ้นว่า “อยู่ช่องที่สามของตู้ค่ะ”
“คุณมาหยิบให้ผมหน่อย”
ผู้ชายพูดด้วยการออกคำสั่ง
เย้นหว่านหดหู่ “คุณเปิดตู้ออกมาก็เจอแล้วค่ะ”
“ผมไม่สะดวก”
พูดจบ โห้หลีเฉินก็วางสายทิ้งไปเลย
เย้นหว่านหดหู่ใจ ในตู้ของเธอไม่ได้ใส่ของที่เจอผู้คนไม่ได้สักหน่อย เขามีอะไรที่ไม่สะดวก?
รู้สึกไม่ค่อยพอใจ เย้นหว่านก็กลับไปที่ห้องเธออย่างไม่เต็มใจ
เดินเข้าไปข้างใน เธอกลับไม่เห็นโห้หลีเฉิน เห็นแต่ประตูห้องน้ำปิดอยู่ ด้านในมีเสียงน้ำไหลก้องออกมา
เธออึ้งไปครู่นึง เขากำลังอาบน้ำอยู่หรอ?