บทที่ 85 ฟุ้งซ่าน
อาการป่วยครั้งนี้ของจูเหลียนอีงนั้นมาแบบหนักหน่วง สภาพร่างกายไม่ดีนัก ไม่ทันไรก็ง่วงนอนอีกแล้ว
ก่อนจะนอน เธอก็ยังคงจับมือของเย้นหว่านไว้ “เย้นหว่าน อยู่เป็นเพื่อนย่าหน่อยนะ”
“ได้ค่ะ”
เย้นหว่านปฏิเสธคนแก่ที่เอ็นดูเขาไม่ได้
ตอนนี้จูเหลียนอีงถึงได้นอนหลับอย่างสบายใจ
เฝิงเสวียนหลันและคนอื่นๆ ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ ก็พากันเดินออกมา ก่อนที่เฝิงเสวียนหลันจะออกมา ก็ได้มองดูเย้นหว่านด้วยสายตาที่อาฆาต เกลียดจนอยากจะฆ่าเย้นหว่านเลยทีเดียว
ในห้องนั้นสงบลง เย้นหว่านนั่งอยู่ข้างเตียง ให้จูเหลียนอีงที่หลับไปนั้นจับมือตัวเองไว้
โห้หลีเฉินมองดูเขา แล้วก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยน
เขาพูดเสียงเบาๆ “คุณอยู่ดูแลคุณย่าที่นี่นะ ถ้ามีอะไรเรียกผม”
เย้นหว่านพยักหน้า ใช้สายตาในการส่งโห้หลีเฉิน
จูเหลียนอีงนอนหลับครั้งนี้อิ่มมาก จนถึงฟ้ามืดถึงจะตื่นขึ้นมา
เธอลืมตาขึ้น ก็เห็นเย้นหว่านที่ยังนั่งอยู่ข้างเตียง แล้วเธอก็ยังจับมือเอาไว้ไม่ปล่อย
จูเหลียนอีงรู้สึกแปลกใจ “หนูเย้นหว่าน หนูนั่งอยู่ตรงนี้ตลอดเลยหรอ”
“ค่ะคุณย่า คุณย่ารู้สึกดีขึ้นรึยังคะ”
เย้นหว่านยิ้มแล้วยิ้ม แล้วค่อยยืดเส้นยืดสายสักแป๊บ
จูเหลียนอีงมองเขาด้วยความเอ็นดู “ช่างเป็นเด็กที่ซื่อบื้อจริงๆ”
เธอสูดหายใจเข้า ยิ่งรู้สึกรักเย้นหว่านขึ้นไปอีก ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนจิตใจบริสุทธิ์ เขาจะยอมถอนหมั้นกับโห้หลีเฉินได้ยังไงล่ะ
ต้องรู้ไว้ว่าทั้งทางใต้นี้นั้น มีผู้หญิงนับไม่ถ้วนที่พยายามจะหาวิธีมาแต่งงานกับโห้หลีเฉิน ถึงจะเป็นแค่ว่าที่เจ้าสาว แต่ก็คงจะไม่ยอมถอนหมั้นหรอก
แต่เย้นหว่านนั้นไม่ใช่เลย แบบนี้เธอก็คิดแค่มาช่วยร่วมแผนการแค่นั้นแหละ……
“หิวรึยัง”
จูเหลียนอีงมองดูสีท้องฟ้าข้างนอกแล้วถาม
“นิดหน่อยค่ะ”
เย้นหว่านส่ายหัว แล้วก็เหมือนคิดอะไรบางอย่างออก แล้วก็พูดด้วยใส่ใจว่า “คุณย่าหิวรึยังคะ เดี๋ยวหนูให้คนส่งอาหารมาให้ค่ะ”
“แม่บ้านอยู่หน้าประตู หนูให้เขาจัดอาหารสำหรับสองคนมาสิ”
คิดแล้วจูเหลียนอีงอยากจะทานข้าวกับเธอแน่นอนเลย เย้นหว่านก็ไม่ได้คัดค้าน แล้วก็เดินไปหาแม่บ้าน
แม่บ้านยิ้มตอบรับ แล้วก็เข็นรถอาหารมาส่งอาหารให้อย่างรวดเร็ว
เหมือนว่าการหลับไปตื่นนึงนั้น ทำให้ร่างกายของจูเหลียนอีงดีขึ้นมากเลยทีเดียว
บนโต๊ะมีซุปอยู่สองถ้วย
แม่บ้านตักซุปให้กับจูเหลียนอีงก่อนถ้วยนึง แล้วค่อยตักอีกถ้วยนึงให้กับเย้นหว่าน
แล้วเขาก็ยังอธิบายด้วยความใส่ใจว่า “นี่เป็นซุปที่เราตั้งใจตุ๋นให้เลยนะคะ ของคุณหญิงท่านเป็นซุปบำรุงเลือด ของคุณเป็นซุปบำรุงร่างกายค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ คุณน้าแม่บ้าน”
ด้วยความใจดีของแม่บ้าน เย้นหว่านเลยพูดขอบคุณอย่างมีมารยาท
คุณนายหญิงสบตากับแม่บ้านทีนึง แล้วก็สัมผัสได้ถึงความสดใส
ในขณะที่ทานข้าวนั้น เย้นหว่านซดซุปหมดไปถ้วยนึง คุณนายหญิงเลยให้เย้นหว่านดื่มถ้วยที่สอง
คนแก่ก็ชอบให้คนหนุ่มๆ นั้นทานของที่บำรุงร่างกายกันทั้งนั้น เย้นหว่านก็เข้าใจ แล้วก็ดื่มซุปหมดสองถ้วยอย่างเชื่อฟัง
ทานข้าวเสร็จ ก็ใกล้จะสามทุ่มแล้ว ฟ้าก็มืดมากแล้วเหมือนกัน
แล้วเย้นหว่านก็ถูกสั่งให้อยู่ต่อด้วยเหตุผลต่างๆ นาๆ แล้วก็ถูกจัดให้ไปนอนที่ห้องของโห้หลีเฉิน
แม่บ้านพาเย้นหว่านไปที่หน้าประตูห้องของโห้หลีเฉิน แล้วก็พูดอย่างสุภาพว่า :
“คุณหนูเย้นหว่านคะ ท่าทีอะไรเรียกดิฉันได้ตลอดเลยนะคะ”
“ได้ค่ะ คุณน้าก็รีบพักผ่อนนะคะ”
เย้นหว่านพูดส่งแม่บ้านอย่างมีมารยาท
จากนั้นเธอก็หันหลังไปมองประตูห้อง แล้วก็รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย
จริงๆ แล้วควรจะถอนหมั้นกันแล้ว แต่ตอนนี้กลับต้องมานอนอยู่ในห้องเดียวกันอีก
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที แล้วก็ค่อยผลักประตูเข้าไป
เดินเข้าไปในห้อง ในนั้นเป็นห้องโทนอ่อนสไตล์อบอุ่น ไม่เหมือนกับห้องก่อนหน้านี้ของโห้หลีเฉินเลยสักนิด
เขาอึ้งแล้วอึ้งอีก นึกว่าตัวเองเดินเข้าผิดห้อง
แต่โห้หลีเฉินกลับนั่งชิวอยู่บนโซฟา น้ำเสียงดูเป็นธรรมชาติมาก
“ก่อนหน้านี้สั่งให้คนมาปรับปรุงเปลี่ยนสไตล์น่ะ ดูคุ้นเคยไหม”
เขาถามความเห็นของเธอ เหมือนกับสามีถามภรรยายังไงอย่างงั้น
เย้นหว่านทำตัวไม่ถูก แค่อยากจะบอกว่าเรื่องแบบนี้ไม่ต้องถามเธอก็ได้มั้ง เธอไม่ได้เป็นคนอยู่สักหน่อย
แต่พอคิดๆ ดูอีกที หรือว่าใกล้ๆ นี้จะมีคนคอยจับตามองแล้วแอบฟังพวกเขาคุยกันอยู่
แต่ยังไงที่นี่ก็เป็นคฤหาสน์ตระกูลโห้ ทั้งสี่ทิศก็มีแค่ลูกตาเย้นหว่านเลยไม่กล้าพูดอะไรผิดๆ ออกไป
เธอทำได้แค่เม้มปาก ยิ้มแล้วพูดว่า “คุ้นเคยดีค่ะ”
โห้หลีเฉินอารมณ์ดีไม่น้อย สายตาที่มองนั้นชัดจะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว
เย้นหว่านโดนจ้องจนทำตัวไม่ถูก เลยรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “คุณโห้หลีเฉิน เดี๋ยวฉันขอไปอาบน้ำก่อนนะ เอ่อ มีชุดนอนให้ฉันสักชุดไหมคะ”
ครั้งนี้เขาก็ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาด้วย ไม่มีชุดนอนใส่ แล้วก็ทำใจที่จะใส่เสื้อผ้าของโห้หลีเฉิน
โห้หลีเฉินชี้แล้วชี้ไปที่ฝั่งของห้องเก็บเสื้อผ้า “ข้างในนั้นเป็นเสื้อผ้าผู้หญิง ทั้งหมดนั้นเตรียมไว้ให้คุณน่ะ”
เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้เธอด้วยหรอ
เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องลำบากใจที่ต้องใส่เสื้อผ้าของโห้หลีเฉิน เย้นหว่านโล่งใจไปที แล้วก็รีบไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
พอเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอถึงกับอึ้งเลยทีเดียว
เห็นแค่ว่าครึ่งฝั่งในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านั้น ที่แขวนไว้เป็นเสื้อผ้าของเธอทั้งหมด
มีคอลเล็กชั่นต่างๆ มากมาย ด้านบนเป็นแบบแฟชั่น ด้านล่างเป็นชุดนอน แล้วก็ยังเตรียมแม้กระทั่งรองเท้าแฟชั่น รองเท้าหนัง รองเท้าแตะอีกสิบกว่าคู่
เย้นหว่านทำตัวไม่ถูก ถ้าไม่ใช่เพราะโห้หลีเฉินบอกว่าเตรียมไว้ให้เธอล่ะก็ เขาก็คงคิดว่ามีผู้หญิงอื่นมาอยู่ในบ้านนี้ซะอีก
แต่ในห้องของโห้หลีเฉินนั้นได้เตรียมเสื้อผ้าเขาไว้เต็มไปหมด อย่างกับเธอจะมาอยู่ที่นี่ยังไงอย่างงั้น
ในใจของเย้นหว่านนั้นตุ้มๆ ต่อมๆ แล้วแก้มก็ร้อนขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!”
เธอรีบตบหน้าตัวเองไปสองที แล้วก็เอาเรื่องที่วุ่นวายในหัวออกไปให้หมด เตือนตัวเองว่าอย่าคิดมาก
แต่แก้มก็ยิ่งร้อนขึ้น เหมือนกำลังจะต้มไข่ยังไงอย่างงั้น
แล้วร่างกายของเย้นหว่านก็รู้สึกแปลกๆ จนอธิบายออกมาไม่ถูก
เย้นหว่านรู้สึกร้อนรนใจ เงยหน้าขึ้นมามองเห็นเงาตัวเองในกระจก แก้มแดง ตาพร่ามัว เหมือนกับว่าตัวเองนั้นกำลังอยู่ในช่วงแต่งงานใหม่ๆ ยังไงอย่างงั้น
เอามือบังหน้าตัวเองอย่างรวดเร็วเย้นหว่านสับสนจะแย่อยู่แล้ว นี่เขาเป็นอะไรกันแน่นะ
เธอส่ายหัว ไม่กล้าคิดมาก หยิบชุดนอนมาชุดนึงแล้วก็รีบเข้าห้องอาบน้ำไป
“ซู่ซ่า” เสียงน้ำดังขึ้น
น้ำที่ร้อนระอุสาดลงมาที่ตัวของเย้นหว่าน กลับทำให้เขารู้สึกว่าน้ำร้อนกำลังหยดลงบนตัวของเธอกำลังลวกผิวของเธออยู่ แล้วก็เหมือนมีไฟกำลังรุกอยู่
เขารีบปิดน้ำร้อนทิ้ง แล้วเปลี่ยนเป็นน้ำเย็น
น้ำที่เย็นๆ นั้นราดลงมาบนตัวเธอ เหมือนกันว่ากำลังชโลมความร้อนที่แปลกประหลาดออกไปจากตัวเธอ
แต่พอผ่านไปไม่นาน ความร้อนก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนกับว่ามีไฟเผาไหม้อยู่ในตัวเขา ยิ่งเผาก็ยิ่งร้อน
น้ำอุ่นนั้นเย็นกว่านี้ไม่ได้แล้ว
หัวของเย้นหว่านยิ่งอยู่ยิ่งมึน ปากแห้งกร้าน ร้อนจนทนไม่ได้ ก็เลยคิดอยากจะทำอะไรสักอย่าง
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
โห้หลีเฉินขมวดคิ้ว มองดูประตูห้องน้ำที่ยังปิดอยู่เหมือนเดิม ทำไมเย้นหว่านยังไม่ออกมากันนะ
เขาลุกขึ้นมา แล้วก็เดินไปเคาะที่ประตู
“เย้นหว่าน?”
แล้วก็มีแค่เสียงน้ำดังซู่ซ่าที่ตอบเขา
โห้หลีเฉินก็พูดเสียงดังขึ้นอีก “เย้นหว่าน?ตอบผมสิ”
เสียงของเขาดังพอที่จะกลับเสียน้ำได้ แต่เย้นหว่านก็ยังไม่ตอบอะไรกลับมา
หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันนะ
ในใจนั้นเกิดความเป็นห่วงขึ้นมาอย่างจริงจัง แล้วโห้หลีเฉินก็เปิดประตูห้องอาบน้ำออก แล้วก็รีบเดินพุ่งเข้าไปทันที
จากนั้น เขาก็อึ้งแล้วก็ชะงักไป
เห็นแค่ว่าเมื่อไหร่เย้นหว่านกำลังนั่งอยู่ที่ในอ่างน้ำแบบไม่ใส่อะไรเลย เขาหน้าแดงแล้วก็รู้สึกกระวนกระวาย…