บทที่ 87 ไม่อยากรับผิดชอบหรอ
มองดูตาของที่อึ้งทึ่งอยู่ ริมฝีปากของโห้หลีเฉินนั้นยกขึ้นโดยไม่มีริ้วรอยใดๆ แล้วสายตาก็เต็มไปด้วยความมืดมน
พูดด้วยเสียงแหบว่า” อยากจะเอาอีกหรอ”
อะไรคืออยากจะเอาอีกหรอ
แก้มของเย้นหว่านนั้นแดงไปหมด แล้วก็รีบหันหน้าหนีไป
เธอทำตัวไม่ถูกแล้ว “เมื่อวานเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดน่ะ คุณ คุณอย่าใส่ใจเลย”
ไม่รู้ว่าเมื่อวานเป็นบ้าอะไรกันแน่ ตอนบ้าคลั่งนั้นก็มุ่งแต่จะพุ่งเข้าหาโห้หลีเฉินอย่างเดียวเลย อยากจะทำแบบนั้นจนบ้าคลั่ง
สายตาของโห้หลีเฉินนั้นยิ่งหมองเข้าไปอีก น้ำเสียงฟังดูไม่พอใจ
“เข้าใจผิดหรอ คุณคิดจะไม่ผิดชอบงั้นหรอ”
พูดแล้ว เขาก็นั่งลงมา แล้วร่างที่สูงใหญ่ก็ทับลงมาบนตัวของเย้นหว่าน
เหมือนภูเขาที่กำลังมีไฟลุกอยู่
ตอนนี้เธอถึงได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเขา เห็นแค่ว่าบนกล้ามของเขานั้นมีรอยเขียวช้ำเต็มไปหมด รู้สึกว่าเมื่อวานน่าจะเป็นศึกที่หนักหน่วงอยู่เหมือนกัน เธอบ้าคลั่งขนาดไหนกันเชียว
เย้นหว่านไม่กล้าสบตา แล้วยิ่งไปกว่านั้นคือรู้สึกว่าไม่มีหน้าที่จะไปสู้หน้าคนแล้ว
โห้หลีเฉินค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้เย้นหว่าน สายตาที่ลึกซึ้งนั้นดูก้าวร้าวจนน่ากลัว
“ผมไม่เคยเป็นคนที่ยอมใคร ใครทำอะไรไว้กับผม ผมจะเอาคืนเป็นสิบเท่าเลยล่ะ”
เอาคืนหรอ
เรื่องแบบนี้จะเอาคืนยังไงล่ะ
สัมผัสได้ถึงลมหายใจและอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเร่าร้อนที่มาปะทะกับใบหน้า ทำให้ความเร่าร้อนที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายของเย้นหว่านนั้น ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
ความรู้สึกแปลกๆ นั้นวูบวาบอยู่ในตัว
ใจของเธอยุ่งเหยิงร้อนรนไปหมด ก็ไม่ได้โง่จนไม่รู้ว่าผู้ชายนั้นกำลังสื่อถึงอะไร
แต่ว่า……
“โห้หลีเฉิน ฉันผิดไปแล้ว คุณอย่าขู่ฉันเลย”
เย้นหว่านมองดูโห้หลีเฉินด้วยหน้าตาที่น่าสงสาร บนใบหน้าที่เล็กๆ นั้นเต็มไปด้วยความกลัว แต่ไม่มีความแตกตื่นกับเรื่องนั้นเลยสักนิด
ถึงแม้เมื่อวานเธอจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ก็ยังจำได้ทุกอย่าง เธอทำถึงขั้นนั้นแล้ว โห้หลีเฉินยังยอมให้เธอแช่น้ำเย็นทั้งคืนแล้วก็ไม่แตะต้องตัวเธอด้วย ก็บอกได้ว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ได้มีความอยากจะอะไรกับเธอตั้งแต่แรกแล้ว
อย่างน้อยในด้านนี้ เขาก็เป็นผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษคนนึงเหมือนกัน
หรือบอกได้ว่า เธอนั้น……ยังมีเสน่ห์ไม่พอที่จะให้คนอื่นรู้สึกด้วย
ไม่ว่ายังไง เธอก็เชื่อว่าตอนนี้เขาก็จะไม่แตะเนื้อต้องตัวเธอแน่นอน เย้นหว่านก็มั่นใจไม่น้อยเหมือนกัน
เธอเอาผ้าห่มมาคลุมที่ไหล่ของโห้หลีเฉิน ปกปิดรอยช้ำที่เขาทนดูไม่ได้ แล้วน้ำเสียงก็จริงใจเป็นพิเศษ
“คุณโห้หลีเฉิน ฉันจะไถ่โทษคุณ ขอแค่คุณบอกข้อเสนอมา อย่างมีเหตุผล ถ้าทำได้ ฉันตอบตกลงทุกอย่าง”
โห้หลีเฉินไม่ได้สนใจคำพูดของเขา มองดูสายตาของเย้นหว่านที่หมองลงกว่าเดิม พยายามระงับไฟในตัวทั้งคืน แล้วตอนนี้ก็ปะทุขึ้นมาอีก
เขาเม้มปาก แล้วก็ขยับเข้าไปใกล้เขา
หัวของเย้นหว่านเริ่มรู้สึกชา แล้วก็มองตามสายตาของโห้หลีเฉินลงไปที่อกของตัวเอง สักพักเขาก็นิ่งไปทั้งตัว
“อ๊ากก”
เสียงกรีดร้องนั้นดังขึ้น
เธอ เธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ไม่ได้ใส่อะไรเลย แล้วก็ยังเอาผ้าห่มให้เขาอีก
_____
เย้นหว่านอับอาย หัวเสียแต่เช้า จนไม่มีหน้าไปเจอคนแล้ว
เธอรีบไปล้างหน้าแปรงฟันให้เสร็จ แล้วก็ไม่กล้ามองโห้หลีเฉิน แล้วก็เดินออกไปจากห้องนอนก่อน
เดินลงบันไดไป เขาก็เห็นว่าที่ห้องรับแขกนั้นมีคุณหญิงท่านของตระกูลตระกูลโห้และเฝิงเสวียนหลันนั่งอยู่
“คุณย่า คุณป้า”
เย้นหว่านปัดๆ แก้มที่แดงของเธอ แล้วก็ยิ้มอย่างมีมารยาท
สายตาที่เฉียบแหลมของจูเหลียนอีงมองขึ้นลงเหมือนกำลังพิจารณาอะไรอยู่ ส่วนบนของเย้นหว่านนั้นใส่มิดชิดถึงคอ ส่วนล่างยาวถึงตาตุ่มขนาดนั้น จะเห็นร่องรอยอะไรได้ยังไงล่ะ
เรื่องเมื่อคืนทำให้เย้นหว่านรู้สึกอับอายมาก สบตากับจูเหลียนอีงก็ยิ่งรู้สึกอาบขึ้นไปอีก กลัวว่าจูเหลียนอีงจะดูออกว่าเขาทำอะไรกับโห้หลีเฉิน
แบบนั้นมันน่าอายมากจริงๆ
เฝิงเสวียนหลันมองเย้นหว่านอย่างไม่พอใจ แล้วก็พูดประชดว่า:
“นี่ เย้นหว่านเธอนี่หลับดีจริงๆ นะ ลงมาซะเที่ยงเชียว ฉันกับคุณท่านรอเธอมาทั้งเข้า เธออยู่ที่บ้านก็คงเป็นแบบนี้เหมือนกันสินะ”
แค่ประโยคเดียว ที่สื่อถึงว่าเย้นหว่านไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน
ไม่ว่าใครโดนว่าแบบนี้เข้าไปก็ไม่มีใครสบายใจหรอก แต่ที่เขาตื่นสายนั้นก็เรื่องจริง แล้วก็มีเหตุผลด้วย
เย้นหว่านทำตัวไม่ถูก แล้วแก้มก็ร้อนขึ้นไปอีก
ตอนนี้ เสียงของชายหนุ่มร่างไม่สูงไม่เตี้ยก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
ดูหล่อและสง่างาม “เมื่อวานเขาเหนื่อยมากแล้ว เลยนอนต่อตอนเช้าหน่อยน่ะครับ”
โห้หลีเฉินก้าวเท้ายาว เดินมาอยู่ข้างๆ เย้นหว่าน แล้วก็โอบไปที่ไหล่ของเย้นหว่าน แล้วก็โอบเข้าไปในอ้อมอกของตัวเอง
แล้วชุดที่เขาใส่ก็เป็นชุดสบายๆ ใส่อยู่บ้าน คอกลมของเสื้อทำให้เห็นรอยช้ำม่วงๆ หลายจุดบนไหปลาร้า
ดูแล้วก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
บวกกับคำที่เขาพูด เมื่อวานเหนื่อยมากอะไรแบบนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่าจริงๆ แล้วหมายถึงอะไร
จูเหลียนอีงมองดูสายตาที่ยิ่งอายของเย้นหว่าน ในน้ำเสียงนั้นมีแต่ความเอ็นดูและรักใคร่
“เหนื่อยก็พักผ่อนเยอะๆ ย่าไม่ติดใจอะไรหรอก พวกเธออยากจะเล่นกันดึกแค่ไหนก็เล่นเถอะ นานแค่ไหนก็ไม่เป็นไร”
มองดูสายตาที่คลุมเครือของคุณหญิงท่าน แก้มของเย้นหว่านนั้นยิ่งแดงขึ้นไปอีก เขินอายจนทำตัวไม่ถูก
เมื่อวานนั้นเขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
คุณหญิงท่านลูกขึ้น ยิ้มแล้วพูดว่า :
“ได้เวลาทานข้าวเที่ยงแล้ว มาเร็วเย้นหว่าน ย่าให้แม่บ้านเตรียมซุปบำรุงไว้เยอะเลย”
นิ่งไปสักพัก เขายิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วมองไปที่เย้นหว่านและโห้หลีเฉิน” พวกเธอต้องบำรุงทั้งสองคนเลยนะ”
เย้นหว่าน: “……” เขารู้สึกว่าเลี่ยงยังไงก็คงไม่ได้แล้ว
โห้หลีเฉินเม้มปาก แล้วก็ยิ้มกลบเกลื่อน โอบเย้นหว่านแล้วเดินไปที่โต๊ะอาหาร
เฝิงเสวียนหลันมองดูทั้งสองคนที่เดินมาด้วยกันอย่างกับโดนมัดติดไว้ด้วยกัน สีหน้าดูไม่ได้เลย ในใจนั้นมีความไม่พอใจแล้วก็โกรธเป็นไฟอยู่ในนั้น
ยังไงเธอก็ไม่ยอมให้โห้หลีเฉินและเย้นหว่านได้อยู่ด้วยกันอย่างราบรื่นหรอก
เธอไปแอบฟังที่คุณหญิงท่านและแม่บ้านคุยกันมา
ในเมื่องานแต่งครั้งนี้นั้นสำคัญกับทุกๆ เรื่อง ถ้าอย่างงั้นโห้หลีเฉินไม่ได้แต่งกับเย้นหว่าน ก็จะดีกับเธอ หรือไม่ถ้าลูกชายเขาแต่งกับเย้นหว่านก็จะมีโอกาสได้สืบทอดตระกูลโห้
ในใจของเฝิงเสวียนหลันนั้นจู่ๆ ก็มีแผนต่างๆ ผุดขึ้นมามากมาย
แม่บ้านนั้นเตรียมซุปบำรุงไว้เยอะมาก ในโต๊ะกับข้าวโต๊ะนึงนั้น มีซุปอย่างน้อยหกอย่าง
เย้นหว่านมองดูซุปพวกนี้ แล้วก็รู้สึกร้อนรนในใจ
เธอจำได้ว่าครั้งแรกที่เข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลโห้นั้น โห้หลีเฉินเคยพูดว่า แม่บ้านนั้นจะส่งซุปมาให้ตอนเที่ยงคืนนั้นจริงๆ แล้วเป็นซุปที่ทำให้แข็งแรง ตอนนั้นเธอไม่กล้าดื่มเลยล่ะ
เมื่อวานเธอทานข้าวกับคุณหญิงท่าน ดื่มซุปไปแค่สองถ้วย แล้วพอตกดึกมาก็ร้อนจนควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วก็ทำเรื่องบ้าคลั่งน่าอายนั้นกับโห้หลีเฉิน……
เย้นหว่านเอียงหัวไปใกล้โห้หลีเฉิน แล้วก็พูดเสียงเบาๆ ว่า :
“คุณโห้หลีเฉิน ดื่มซุปพวกนี้ได้ไหม”
โห้หลีเฉินนั้นยิ้มกลบเกลื่อน แล้วก็พูดข้างหูเขา ดูแล้วทั้งสองกำลังหวานกันเลยล่ะ