บทที่ 88 ดุฤกษ์ เตรียมตัวแต่งงาน
“ได้สิ แค่บำรุงร่างกาย”
นี่ตอนเที่ยง อาหารพวกนี้ไม่ออกฤทธิ์เรื่องแบบนั้นหรอก
เย้นหว่านเลยวางใจ
จูเหลียนอีงมองดูความหวานของพวกเขาทั้งสองแล้ว บนหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
หนุ่มสาวหลายคู่ก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ว่าเมื่อก่อนจะห่างเหินกันขนาดไหน ถ้าได้อยู่ด้วยกัน ได้มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น ก็จะยอมรับอีกฝ่ายได้มากขึ้น
คุณย่ายิ้มอย่างพอใจ แล้วก็ค่อยๆ พูดว่า :
“โห้หลีเฉิน เย้นหว่าน พวกเธอก็หมั้นกันได้เดือนกว่าแล้ว”
“วันนี้ก็ครบเดือนครึ่งพอดีครับ”
โห้หลีเฉิน ตอบเบาๆ จำวันได้ดีมาก
เย้นหว่านอึ้งไปสักพัก มุมปากยกขึ้น ตอนแรกพวกเขาตกลงกันว่าแค่เดือนเดียวก็จะถอนหมั้นแล้ว ไม่คิดว่าจะยืดเยื้อมาอีกตั้งครึ่งเดือน
แต่ก็ยังไม่ได้ถอนหมั้นสักที……
เธอรู้สึกเศร้า
จูเหลียนอีงมองเย้นหว่านแล้วก็คิดว่าเธออาย แล้วเขาก็ยิ่งเอ็นดูเย้นหว่านขึ้นไปอีก
“ความสัมพันธ์ของพวกเธอแน่นแฟ้นขนาดนั้นแล้ว ความรู้สึกก็ดี ถึงเวลาต้องกำหนดวันแต่ง เตรียมตัวแต่งงานแล้วล่ะ”
“ห้ะ”
เย้นหว่านสะดุ้งจนตาโต ในใจมีแต่ความวุ่นวาย
แบบนี้ไม่ได้นะ
เธอรีบมองไปที่โห้หลีเฉิน ส่องซิกใต้โต๊ะด้วยการดึงเสื้อเขา เพื่อบอกว่าให้รีบปฏิเสธ
หรือไม่ก็ถือโอกาสบอกเรื่องถอนหมั้นก็ยิ่งดี……
มองดูท่าทางของหญิงสาวแล้ว สายตาของโห้หลีเฉินก็หมองลง
เห็นได้ว่ารู้สึกไม่มีความสุข เขาเม้มปาก แล้วก็พูดออกไปอย่างดื้อๆ ว่า:
“แล้วแต่คุณย่าจัดการเลยครับ”
เย้นหว่าน: “……”
หน้าเธออึ้งไปหมด โห้หลีเฉินจะไม่ตอบโต้หน่อยเลยหรอ
นี่มันไม่เหมือนกับงานหมั้นนะ นี่มันคือการแต่งงานกับเธอนะ
จูเหลียนอีงพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วก็เอ่ยปากพูดว่า “สองวันนี้ฉันจะดูฤกษ์ให้ ว่าจะแต่งวันไหน……”
“คุณย่าคะ”
ตอนนี้ก็มีเสียงใสดังขึ้น
มู่หรุงชิ่นที่สวมชุดเดรสสีขาว ใส่รองเท้าส้นสูง แล้วในมือก็ถือถุงของแพงๆ มากมาย เดินเข้ามาอย่างสง่างาม
บนหน้าที่สวยงามนั้นมีรอยยิ้มอยู่ด้วย ดูแล้วก็สวยสะดุดตาจนไม่มีอะไรมาเทียบได้แล้วก็ยังทำให้คนชอบอีกด้วย
“คุณย่าคะ หนูได้ยินว่าคุณย่าป่วย เลยรีบมาหาค่ะ คุณย่าดีขึ้นรึยังคะ สุขภาพเป็นยังไงบ้างคะ”
อารมณ์และน้ำเสียงของเธอดูใส่ใจจริงๆ
จูเหลียนอีงมองดูมู่หรุงชิ่น แล้วก็ยิ้มด้วยความเป็นมิตร แล้วก็โบกมือให้กับมู่หรุงชิ่น
“ย่าไม่เป็นอะไร หนูมายังไงลูก มานั่งก่อนเร็ว”
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วค่ะ หนูซื้อของบำรุงมาให้ค่ะ ดีต่อสุขภาพของคุณย่าสุดๆ เลยค่ะ”
มู่หรุงชิ่นยื่นของฝากให้กับแม่บ้าน แล้วค่อยเดินมาหาจูเหลียนอีง
แล้วคนรับใช้ก็เดินมาเสริมที่ข้างๆ จูเหลียนอีงที่นึง
พอมู่หรุงชิ่นนั่งลงแล้ว แล้วก็จับมือของจูเหลียนอีงอย่างไม่เขิน บนหน้าที่สวยงามนั้นเต็มไปด้วยความใส่ใจและเป็นห่วง
“คุณย่าคะ หนูไม่ได้มาหาย่าตั้งนาน คุณย่าไม่โกรธหนูใช่ไหมคะ”
“แค่หนูมาหาย่า ย่าก็ดีใจแล้วล่ะ”
จูเหลียนอีงมองมู่หรุงชิ่นด้วยความเอ็นดู บนหน้านั้นมีความดีใจเหมือนเห็นลูกหลานตัวเองที่โตขึ้น “หนูยิ่งโตก็ยิ่งสวยนะเนี่ย ต้องมีหนุ่มๆ มารุมจีบแน่ๆ เลย”
“คุณย่าพูดอะไรคะเนี่ย”
มู่หรุงชิ่นพูดอย่างเขินๆ หน้าแดง แล้วก็เหลือบมาที่โห้หลีเฉิน
สายตาที่แอบมอง แต่มองจากมุมของเย้นหว่านนั้น กลับมองเห็นได้ชัดเจน แล้วก็เห็นได้ถึงสายตาที่มีความสัมพันธ์แฝงอยู่ แล้วก็มีความเศร้าซ่อนอยู่
เธอเคยพูดว่าเธอไม่มีมดลูก ไม่มีความสามารถในการมีลูก เลยไม่ได้สานสัมพันธ์กับโห้หลีเฉิน
จูเหลียนอีงคุยกับมู่หรุงชิ่นต่อสักพัก ก็รู้ว่ามู่หรุงชิ่นยังไม่ได้ทานข้าว เป็นบอกให้แม่บ้านเตรียมถ้วยช้อนอยู่ชุดนึง
จูเหลียนอีงสั่งว่า :” เตรียมซุปให้หนูมู่หรุงชิ่นด้วยนะ เขาก็ต้องดื่มเยอะหน่อย”
“ขอบคุณค่ะคุณย่า จริงๆ แล้วร่างกายหนูก็ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ”
มู่หรุงชิ่นยิ้มแล้วก็รับซุปมา
เย้นหว่านดูฉากนี้แล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกว่าซุปในปากนั้นไม่มีรสชาติ จริงๆ แล้วคุณย่าก็รู้ถึงอาการของมู่หรุงชิ่นดี
เขาก็คงชอบมู่หรุงชิ่นมากเหมือนกัน แต่เพราะแค่เธอมีลูกไม่ได้ เลยไม่ให้มู่หรุงชิ่นแต่งงานกับโห้หลีเฉิน แต่ด้านอื่นๆ นั้น ก็สนับสนุนมู่หรุงชิ่นอยู่เหมือนกัน
แต่เย้นหว่าน นั้นก็แค่บำรุงร่างกายเท่านั้น
ข้าวมื้อนี้ ไม่มีรสชาติซะเลย
พอทานข้าวเสร็จ มู่หรุงชิ่นก็เดินมาหาโห้หลีเฉิน บอกว่ามีเรื่องอยากคุยกับเขา
พวกเขาทั้งสองไปคุยกันในห้องหนังสือตามลำพัง
เย้นหว่านนั่งอยู่กับจูเหลียนอีงและเฝิงเสวียนหลันที่โซฟา ในใจนั้นรู้สึกห่างเหินนิดหน่อย แล้วก็มองไปที่ห้องหนังสือเป็นพักๆ
ไม่รู้ว่าทำไมในใจถึงคิดแต่อะไรฟุ้งซ่าน
ท่าทางของเธออยู่ในสายตาของจูเหลียนอีง ก็กลายเป็นว่าดูเหมือนเธอกังวลว่าที่เจ้าบ่าวที่อยู่ลำพังกับผู้หญิงคนอื่น เหมือนว่าหึงอะไรทำนองนั้น
จูเหลียนอีงพอใจกับท่าทางของเย้นหว่านมาก ยิ่งเธอสนใจ ก็แสดงว่าการแต่งงานพวกเขานั้นจะยิ่งเป็นไปได้มากขึ้น
เพราะงั้นจูเหลียนอีงเลยคิดที่จะช่วย
เขาพูดว่า “เย้นหว่าน ไปชมกาแฟแล้วก็เอาขนมไปให้พวกเขาหน่อยสิ”
เย้นหว่านลังเล แล้วก็พูดออกไปว่า “แบบนี้จะไปรบกวนพวกเขารึเปล่าคะ”
จูเหลียนอีงยิ้ม “พวกเขาแค่คุยงานกันน่ะ รบกวนอะไรกันล่ะ”
พอเธอพูดจบ แม่บ้านที่รู้งานก็เตรียมใส่ถาดมาอยู่ตรงหน้าของเย้นหว่านแล้ว
มองดูสายตาที่เอ็นดูของจูเหลียนอีงแล้ว เย้นหว่านก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ เพื่อไม่ให้คนแก่นั้นคิดมากหรือแปลกใจ
เธอยกถาดเข้าไปในห้องหนังสือ ในใจนั้นวุ่นวายเต็มที ยุ่งเหยิงไปหมดแล้วก็ยังร้อนรนด้วย
ความรักของพวกเขานั้นไม่ง่ายเลยที่จะอยู่ตามลำพัง หรือบางทีตอนนี้พวกเขาอาจจะสวีทหวานกันอยู่ก็ได้ ถ้าเข้าไปโต้งๆ แบบนี้ กลัวว่าจะไม่ค่อยดี
แต่คุณย่านั้นมองดูจากข้างล่าง เธอถือของว่างไว้ จะไม่เข้าไปก็คงไม่ได้
เธอเก้ๆ กังๆ อยู่นาน เลยใช้ความเร็วที่พอจะไล่มดทัน แล้วเย้นหว่านก็เดินมาถึงหน้าประตูห้องหนังสือ
เขามองเห็นประตูห้องที่ปิดอยู่ สูดหายใจเข้าลึก แล้วค่อยรวบรวมความกล้า แล้วก็เคาะประตูเบาๆ
“ก๊อกๆๆ”
เสียงเคาะประตูเบามาก เบาจนคนไม่ได้ยินเลยล่ะ แต่ก็ยังมีเสียงของผู้ชายนั้นขานตอบมาจากด้านใน
“เข้ามา”
เย้นหว่านกัดฟัน แล้วก็ดันประตูออกด้วยความกล้า
เธอกลัวว่าจะเจอภาพที่ไม่ค่อยเหมาะกับเด็กเท่าไหร่ แล้วสายตาก็ก้มลงมองพื้นทั้งทาง เดินตรงไปที่โต๊ะ
“คุณย่าให้ฉันเอาของว่างมาให้น่ะค่ะ”
“มองทาง”
โห้หลีเฉินเตือนด้วยเสียงเบาๆ ที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง
เย้นหว่านอึ้งสักพัก แล้วค่อยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นว่าเธอเดินผิดทาง โต๊ะไม่ได้อยู่ทางนี้
เขารู้สึกเขิน หันหน้าไปมอง แล้วก็เห็นสถานการณ์ในห้องนี้
เห็นแค่โห้หลีเฉินนั้นนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ท่าทางเย่อหยิ่ง ส่วนมู่หรุงชิ่นนั้นนั่งอยู่ตรงโซฟาที่ไกลๆ ตรงนั้น ก็ยังคงสวยเหมือนเดิม แต่ขอบตานั้นแดงนิดหน่อย เหมือนเจออะไรที่เศร้ามา
สถานการณ์นี้ไม่เหมือนกับที่คิดจินตนาการไว้เลยสักนิด
มู่หรุงชิ่นเงยหน้าขึ้นมองเย้นหว่าน ขอบตาที่แดงนั้นแสดงความเศร้าออกมา แววตานั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวายที่บอกไม่ถูก
เย้นหว่านรู้สึกไม่ค่อยสบายใจแปลกๆ เหมือนเธอจะเข้าใจความรู้สึกของมู่หรุงชิ่นดี