บทที่ 129 เส้นขนานที่38
แก้มของเย้นหว่านแดงกว่าเดิม สายตาประกายแวววาวไม่กล้ามองเขา
เธอพูดอย่างแข็งๆ “ฉัน ฉันก็แค่ห่วงใยแบบมนุษยธรรม ถ้าคนอื่นเจ็บ ฉันก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน”
“คนอื่นเธอก็จับมือเขาเอาไว้?”
กลิ่นอายบนตัวของโห้หลีเฉินอึมครึมชั่วขณะนั้น บีบคางเย้นหว่านไว้ บังคับให้เธอมองตนเอง
สายตาของเขาล้ำลึกและอันตราย จ้องเธอไว้ราวกับหมาป่า
คล้ายจะอาละวาด ระเบิดออกมาจับเธอกินได้ทุกเวลา
เย้นหว่านถูกมองจนสับสน นึกกลัวอยู่บ้าง “ก็ไม่ใช่……”
สีหน้าของโห้หลีเฉินถึงค่อยๆ ดูดีขึ้นมาหน่อย น้ำเสียงเผด็จการเป็นพิเศษ
“เธอเป็นผู้หญิงของฉัน ห้ามแตะต้องคนอื่น ไม่ว่าเหตุการณ์ใดๆ ก็ไม่ได้ รู้มั้ย?”
หัวใจของเย้นหว่านเต้นแรงฉับพลัน
อะไรที่เรียกว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขา เธอกลายเป็นผู้หญิงของเขาตั้งแต่เมื่อไร
เดิมทีพวกเขาไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบนั้น โอเคมั้ย?
เย้นซินเดินเข้ามาก็มองเห็นความแนบชิดระหว่างสองคนที่พร้อมจูบกันได้ทุกเวลา ในใจทั้งปวดทั้งบวม ริษยาจนทนแทบไม่ไหว
หล่อนจงใจทำเสียงสูง พูดอย่างตกใจ
“พี่เขย ที่ผ้าพันแผลของพี่ไหม้ดำแล้ว พี่ไปโดนไฟเข้า เจ็บแล้วรึเปล่า?”
บรรยากาศที่คดเคี้ยววกวน ชั่วขณะหนึ่งถูกคำพูดนี้ของเย้นซินทำลายลง
โห้หลีเฉินขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เริ่มเสียใจอยู่หน่อยๆ ที่ให้หล่อนเข้ามาพัก และคิดว่าพรุ่งนี้จะส่งหล่อนกลับไป
เย้นหว่านรีบผลักมือของโห้หลีเฉินออกทันที สายตาตกไปอยู่ที่มือซ้ายของโห้หลีเฉิน
บนผ้าพันแผลที่ห่อไว้เหมือนบ๊ะจ่าง ความจริงเปื้อนครบดำนิดๆ
แต่ก็มีเพียงนิดเดียว ไม่ถึงขั้นที่กระทบเข้า
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉิน ก่อนจะพูดว่า “เปลี่ยนผ้าพันแผลหน่อยไหม?” เขาคนนี้มีนิสัยรักสะอาด เธอรู้
โห้หลีเฉินพยักหน้าอย่างไม่ปฏิเสธ
เย้นหว่านกับโห้หลีเฉินอยากเดินไปที่ห้อง เวลานี้เย้นซินกลับจู่โจมเข้ามาหา
“พี่เขย ให้ฉันเปลี่ยนให้พี่เถอะ ตอนฉันเรียนมหาวิทยาลัยเคยลงเรียนพยาบาล จัดการอะไรพื้นฐานพวกนี้ได้”
“ไม่ต้อง”
โห้หลีเฉินปฏิเสธอย่างเย็นชา มองก็ไม่ยอมมองเย้นซิน ก้าวขายาวเดินไปที่ห้องนอน
เย้นซินผิดหวังอยู่บ้าง พูดอีกประโยคแบบไม่ยินยอม
“แต่ว่าพี่สาวไม่เคยเรียนมาก่อน เธอเปลี่ยนไม่ดี”
โห้หลีเฉินยังคงไม่สนใจหล่อน
ถูกคนสงสัยในทักษะแบบนี้ เย้นหว่านยังไม่ดีใจเท่าไร ตอนนี้โห้หลีเฉินได้รับบาดเจ็บก็เป็นเธอจัดการให้ ผ้าพันแผลก็เป็นเธอพันให้ ถึงแม้จะดูเหมือนไม่ใช่มืออาชีพขนาดนั้น ผ้าพันแผลก็เหมือนเป็นบ๊ะจ่างยุ่งเหยิงอยู่บ้าง แต่ดีเลวอย่างไร……
ก็ยังพอดูได้มั้ง
“เย้นซิน เธอควรไปนอนได้แล้ว”
เย้นหว่านพูดเสียงหน่วงๆ และเดินผ่านเย้นซินไป แล้วเดินไปทางห้องนอน
เย้นซินตามเย้นหว่านไป เดินพลางพูดว่า “พี่ พี่กล่อมพี่เขยหน่อยเถอะ ให้ฉันทำแผลให้เขา ที่จริงพี่ก็ทำให้ได้ ถ้าทำให้พี่เขยเจ็บเพิ่ม……”
“นั่นไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องมากังวล”
ทันใดนั้นเย้นหว่านขัดคำพูดของเย้นซินขึ้น สายตาที่มองเย้นซินมีความเด็ดขาดอยู่บ้าง
เย้นซินก็โมโหขึ้นแล้ว ไม่พอใจมาก “ต่อไปพี่เขยก็เป็นคนในครอบครัวของฉัน ฉันเป็นห่วงเขา หรือว่าไม่สมควรเหรอ?”
“นั่นก็ให้กลายเป็นคนในครอบครัวก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เย้นหว่านทิ้งประโยคหนึ่งอย่างอึมครึม แล้วหมุนตัวเดินไป
ตอนนี้จะมาพี่เขยๆ คนในครอบครัวก็เร็วเกินไปหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อไปคงไม่ได้แต่งงานกันจริงๆ
เย้นซินห่วงใยต่อโห้หลีเฉิน ความจริงไม่มีความจำเป็นเลย
เย้นซินโมโห มองภาพด้านหลังของเย้นหว่าน ในดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉาและเดือดดาล เมื่อก่อนก็รู้สึกว่าเย้นหว่านขวางตา ตอนนี้ยิ่งรู้สึกว่าเธอน่ารำคาญมาก
ไม่ให้หล่อนเป็นห่วงโห้หลีเฉิน ไม่ให้หล่อนเข้าใกล้โห้หลีเฉิน กำลังขวางหล่อนเหรอ? แต่ถึงแม้จะเป็นเย้นหว่านขวาง หล่อนก็มีวิธี และจะต้องแย่งโห้หลีเฉินมาให้ได้
เย้นหว่านไปถึงห้องนอน โห้หลีเฉินวางกล่องยาเรียบร้อย นั่งลงบนโซฟารอเธออยู่แล้ว
โห้หลีเฉินยื่นมือที่พันผ้าเอาไว้ไปตรงหน้าของเธออย่างเป็นธรรมชาติมาก
เย้นหว่านมองมือที่พันอย่างกับบ๊ะจ่างตรงหน้านี้ คำพูดของเย้นซินยังผุดขึ้นในสมองของเธออย่างเลี่ยงไม่ได้
เธอไม่ใช่มืออาชีพจริงๆ
ทำแผลล้วนเป็นโห้หลีเฉินสอนเธอทีละขั้น พันแผลก็พันได้ไม่ดี
เธอลังเลสักหน่อย พูดว่า “คุณโห้ ไม่สู้ให้ฉินฉู่มาทำ เขาเป็นมืออาชีพ ให้เขาจัดการแผลให้คุณใหม่น่าจะดีกว่านะ”
โห้หลีเฉินหรี่ตาลง “เธอกำลังสงสัยระดับความรู้ของฉัน?”
เย้นหว่านตะลึง เข้าใจความหมายที่เขาคิด ทำแผลอย่างไรก็เป็นเขาสอน ตอนนี้บอกว่าหามืออาชีพมาใหม่ นั่นคือกำลังสงสัยฝีมือว่าของเขาไม่ดีแล้ว
เย้นหว่านรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่นะ ฉันอยากบอกว่าฉันทำไม่ดี”
“ฉันดูแล้วก็ไม่มีปัญหา”
โห้หลีเฉินเอ่ยปากหนักแน่น
เย้นหว่านสำลัก ชั่วขณะนั้นหมดคำจะพูด
เธอไม่เคยเรียน และไม่เคยมีประสบการณ์ ในด้านนี้ไม่มีความรู้ใดๆ และเดิมทีหาเหตุผลที่เหมาะสมมาโต้ตอบเขาไม่ได้
อย่างไรเสียนี่เป็นโห้หลีเฉินเอง เขาพูดว่าไม่มีปัญหา ก็คือไม่มีปัญหาล่ะมั้ง
เย้นหว่านไม่โวยวายอีก แกะผ้าพันแผลของโห้หลีเฉินออกอย่างระมัดระวัง
หลังจากใส่ยาทำแผลให้ใหม่ ครั้งนี้ตอนที่เธอพันแผล ตั้งใจเป็นพิเศษ ยังพันผ้าออกมาได้ดูดีเป็นพิเศษ ดูขึ้นมาก็ตามหลักเกณฑ์ประเภทนั้น
โห้หลีเฉินจ้องมองเย้นหว่าน เห็นเธอจริงจัง ใส่ใจขนาดนี้ มุมปากจึงยกขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ผู้หญิงคนนี้ใส่ใจเขา
เก็บข้าวของ ทำแผล อาบน้ำ หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ เย้นหว่านถึงนอนลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า
เตียงนี้เธอนอนจนใกล้ชินแล้ว ยังสามารถได้กลิ่นอายที่คุ้นเคยของโห้หลีเฉิน
หัวใจของเธอเต้นเร็วอยู่บ้างอย่างควบคุมไม่ไหว
ไม่กล้าคิดมาก เธอก็ขยับไปทางขอบเตียง หันหลังให้อีกด้าน คลุมผ้าห่มให้ดี แล้วเข้านอน
ไม่นานนัก โห้หลีเฉินอาบน้ำเสร็จ เดินออกมาจากห้องน้ำ
มองเห็นหญิงสาวที่นอนเกือบชิดขอบเตียง สายตามืดมิด
คิดว่าแบบนี้จะสามารถรักษาระยะห่างกับเขาได้หรือ?
ไร้เดียงสา
เขาขึ้นเตียงมา ร่างสูงใหญ่เข้าไปใกล้ นอนอยู่ข้างกายเธออย่างเป็นธรรมชาติมาก ระยะห่างใกล้มากๆ
เขายื่นมือโอบเอวของเธอไว้ พอดึง ก็กอดเธอมาไว้ในอ้อมอก
เขาพึ่งอาบน้ำเสร็จ บนตัวมีกลิ่นอายเจลอาบน้ำที่หอมสดชื่นอยู่ และบนตัวเธอก็พอๆ กัน ทำให้คนใจเต้นเหมือนกัน
เย้นหว่านตึงแน่นไปทั้งตัว ก่อนจะรีบผลักเขาออกทันที
เธอพูดอย่างเคร่งขรึม “คุณโห้ คุณพูดแล้วนะ จะไม่ลงไม้ลงมือกับฉัน”
“ฉันเพียงแค่มานอน” โห้หลีเฉินทำหน้าดูสมเหตุสมผล
เย้นหว่านหดมุมปากแล้ว นอนหลับกับกอดเธอไว้ มีความสัมพันธ์ที่ตรงไปตรงมาอะไรเหรอ?
เธอดิ้นรนออกจากอ้อมอกของเขา ลุกขึ้นนั่ง นำหมอนใบหนึ่งมายัดระหว่างกลางของเธอกับเขา
“คุณถอยไปทางนั้น คืนนี้ใครก็ห้ามข้ามหมอนใบนี้มา”
โห้หลีเฉินไม่พอใจ “ไร้สาระ”
เย้นหว่านเขินอายหน้าแดงแล้ว เล่นแบ่งเส้นขนานที่38แบบนี้ มีเพียงเด็กประถมเท่านั้นที่เล่นกัน
แต่ว่าคืนนี้เธอไม่สามารถใกล้เขาขนาดนั้นได้ แม้กระทั่งกอดกันนอนด้วย
เธอกับเขาไม่สามารถทำอะไรมั่วซั่วต่อไปได้อีก
เย้นหว่านหยิบหมอน ทำหน้าจริงจัง “ยังไงหมอนก็เป็นเขตแดน ใครก็ข้ามมาไม่ได้ ไม่งั้นคืนนี้ฉันยอมไม่นอน”
ใบหน้าหล่อสง่าของโห้หลีเฉินอึมครึมลงมาชั่วขณะนั้น มองเย้นหว่านอย่างอันตรายเป็นพิเศษ