บทที่ 139 โห้หลีเฉิน ขอบคุณนะ
ล้อเล่นก็ส่วนล้อเล่น เย้นเหวินหนานยังทุ่มเทในการทำงานมาก ออกแบบการแต่งตัวแต่งหน้าที่เหมาะให้เย้นหว่านชุดหนึ่งอย่างชำนาญและเป็นมืออาชีพ
ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ แต่งตัวให้เย้นหว่านออกมาได้ในที่สุด
เย้นหว่านทำทรงผมม้วนสีเกาลัด สง่าผ่าเผยและทันสมัย ใส่กระโปรงที่กระชับ เดินด้วยสไตล์ที่มีความสามารถและประสบการณ์ สง่างาม มองขึ้นมายิ่งดูท่วงท่าสูงศักดิ์
เย้นหว่านพึงพอใจต่อการรังสรรค์ของเย้นเหวินหนานเสมอมา หลังจากกล่าวขอบคุณเขาแล้วถึงออกไปจากห้องแต่งหน้า
พึ่งจะเดินออกไป เธอก็มองเห็นโห้หลีเฉินที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยความแปลกใจ ในมือเขาถือหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง อ่านแบบสบายๆ ท่าทางนี้เหมือนกำลังรอเธออยู่
เมื่อได้ยินเสียงขยับ สายตาของโห้หลีเฉินก็ย้ายจากหนังสือพิมพ์ ตกลงที่ตัวของเย้นหว่าน
พินิจพิเคราะห์เธอขึ้นๆ ลงๆ รอบหนึ่ง เขาพยักหน้า คาดไม่ถึงว่าชื่นชมอย่างไม่มีตระหนี่สีหน้าเลยสักนิด
“แบบไม่เลว ใส่ชุดได้ดูดีมาก”
เย้นหว่านตะลึง นี่หมายถึงเสื้อผ้าธรรมดา แล้วชมตัวเธอ?
เป็นใครโดนชมก็อารมณ์ดีกันทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นโห้หลีเฉินชมอีก ใจของเย้นหว่านเหมือนงอกปีกน้อยๆ ขึ้น กำลังจะบินขึ้นไป
แต่เย้นเหวินหนานพึ่งเดินออกมา ได้ยินประโยคนี้เข้า
ชั่วขณะหนึ่งมุมปากหด นี่เป็นเสื้อผ้าที่เขาพิถีพิถันเลือกมา ดูดีเป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัย แต่จากในปากโห้หลีเฉิน กลับเป็นเสื้อผ้าน่าเกลียด ล้วนต้องพึ่งคน
โถ ที่จริงเป็นความงามที่เกิดในสายตาคนรักต่างหาก
เย้นเหวินหนานเป็นนักวางแผนหลักของเย้นหว่าน การเตรียมงานทั้งหมดล้วนเป็นเขาที่รับผิดชอบ ส่วนงานแถลงข่าวเปิดตัวของเย้นหว่านครั้งนี้ ต้องไปเข้าร่วมกับเย้นเหวินหนานด้วยกัน
เพียงแต่ตอนที่เดินออกมาจากห้องโถงใหญ่ของบริษัท เย้นหว่านมองชายหนุ่มสูงใหญ่ด้านข้างด้วยความสงสัย
“คุณโห้ คุณก็จะไปด้วย?”
เย้นเหวินหนานเป็นรองประธานของบริษัท ส่วนโห้หลีเฉินยิ่งเป็นท่านประธานใหญ่ งานแถลงข่าวนี้คงไม่ได้สำคัญขนาดนั้นมั้ง สามารถทำให้ทั้งประธานรองประธานสองคนไปกันหมด
โห้หลีเฉินพยักหน้า ตอบอย่างเรื่องราวควรเป็นเช่นนั้นเป็นพิเศษ “อืม”
เย้นหว่านมองเขาค้าง นี่เขาไปด้วยสถานะของท่านประธาน หรือว่าไปแบบส่วนตัวกัน?
เหมือนมองความคิดของเย้นหว่านออก โห้หลีเฉินค่อยๆ โค้งเอว ริมฝีปากบางเข้ามาใกล้ที่ข้างหูของเย้นหว่าน
เสียงทุ้มต่ำเย้ายวนอย่างมีเลศนัย “ไปในฐานะผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังของเธอ”
ชั่วขณะนั้นใบหูของเย้นหว่านแดงถึงปลายสุด สมองเหมือนโดนระเบิดเข้าแล้ว ยุ่งเหยิงไป
หัวใจยิ่งหยุดเต้นแรงไม่ได้ เกือบทำให้เธอหายใจไม่สะดวกแล้ว
……
เนื่องจากงานแถลงข่าวที่โห้ถิงกรุ๊ปจัด และเย้นเหวินหนานเป็นคนเตรียมการด้วยตนเอง สถานที่จึงยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ อาจเทียบได้กับระดับของนักออกแบบแถวหน้าเลย
ส่วนเย้นหว่านนั้น ช่วงเวลาก่อนหน้านี้เป็นนักออกแบบที่ได้รับความสนใจอยู่แล้ว ยิ่งได้รับความโปรดปรานของสื่อมวลชนมากมาย งานแถลงครั้งนี้ สื่อมวลชนเกือบจะมากันหมดทั้งเมือง
สามารถพูดได้ว่างานยิ่งใหญ่มาก แม้กระทั่งเกินหน้านักออกแบบชั้นหนึ่งไปมาก
เย้นหว่านยืนอยู่ที่หลังเวที มองสถานการณ์ยิ่งใหญ่ข้างหน้าอยู่ อดประหม่าอยู่บ้างไม่ได้
ไม่เหมือนกันกับการแข่งขันใหญ่ออกแบบเสื้อผ้าOviก่อนหน้านี้ เย็นนี้เธอเป็นตัวละครหลักสำคัญ เป็นตัวละครหลักเพียงหนึ่งเดียว ทุกอย่างในที่นี้ สื่อมวลชนทั้งหมด สายตาทั้งหมด ล้วนมาเพื่อเธอคนเดียว
มีคนอยากเห็นการแสดงออกที่ยอดเยี่ยมของเธอ และมีคนอยากเห็นเธอปล่อยไก่
“ไม่ต้องกลัว ทุกอย่างมีฉัน”
น้ำเสียงทุ้มต่ำน่าดึงดูดของชายหนุ่มดังขึ้นข้างหูเธอ
ฝ่ามือใหญ่ที่อบอุ่นข้างหนึ่งจับมือน้อยของเธอไว้ ห่อหุ้มไว้กลางฝ่ามืออย่างแน่นหนา เหมือนเป็นอ้อมกอดที่ปกป้องจากอันตราย
เย้นหว่านตะลึงพักหนึ่ง ในใจเกิดความอบอุ่นขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่
เธอหันหน้ามองชายหนุ่มด้านข้าง สูงศักดิ์ งดงาม ไม่สามารถเอื้อมถึง แต่กลับยื่นอยู่ข้างกายเธอแบบนี้ ระยะห่างใกล้ขนาดนั้น ราบกับใกล้มากเหลือเกิน
“ขอบคุณค่ะ”
เธออ้าปากแล้ว พูดสองคำนี้ออกมาด้วยเสียงที่ต่ำมากๆ
ขอบคุณที่เขาทำทุกอย่างเพื่อเธอ ของคุณที่เขาอยู่เป็นเพื่อนข้างกายเธอมาโดยตลอด ถึงแม้จะเป็นเพียงการหมั้นหลอกๆ แต่ต้องยอมรับว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่เย้นหว่านสบายที่สุด
เพราะไม่ว่าเกิดเรื่องใดๆ ขึ้นมา โห้หลีเฉินจะยืนอยู่ข้างกายเธอเสมอ
เธอเกือบใกล้จะคุ้นเคยกับการปกป้องของเขา ความดีของเขา
ถ้ามีวันหนึ่งเขาจากไปแล้ว เธอยังจะ……
เย้นหว่านรีบตัดความคิดของตนเองทิ้ง ตอนนี้เป็นช่วงสำคัญในชีวิต การงานของเธอ เธอแค่อยากยอมรับสิ่งที่ดีที่สุด สัมผัสสิ่งที่ดีที่สุด ถือว่าได้ทำแล้ว กำเริบเสิบสานสักครั้ง
“โห้หลีเฉิน ขอบคุณนะ”
ครั้งนี้เสียงของเย้นหว่านดังหน่อย และแน่วแน่ด้วย
เธอค่อยๆ พลิกกุมมือของเขาไว้ บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่สวยหวาน
โห้หลีเฉินตะลึง มองเย้นหว่านด้วยความแปลกใจมาก
เขาไม่ได้ฟังผิด เธอเรียกชื่อของเขา เป็นคำเรียกที่รู้สึกได้ว่าใกล้ชิดมาก
และในใจโห้หลีเฉินเหมือนถูกคนมาจุดไฟกองหนึ่งให้ลุก ลุกไหม้อย่างร้อนแรงแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
“คุณเย้นหว่าน คุณควรขึ้นเวทีได้แล้วครับ”
เวลานี้พนักงานมาแจ้งเย้นหว่านให้ขึ้นเวที
เขาไม่ได้คิดอะไรมาก ผลักประตูด้วยความถนัดแล้วเข้ามา แต่พอเข้าประตูมากลับเห็นฉากหนึ่งที่ทำให้เขาตกใจจนตาค้างปากหวอ
โห้หลีเฉิน คุณโห้ คาดไม่ถึงว่าจะจับมือยืนอยู่ด้วยกันกับเย้นหว่าน และกำลังจ้องมองอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง เกือบจะจูบกันได้ทุกเวลา
เขา เขาไม่เคยได้ยินข่าวลือหวือหวาของคุณโห้มาก่อน
นึกไม่ถึง ที่แท้……
“ขอ ขอโทษครับ ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
พนักงานปิดตาไว้ ถอยออกไปอย่างรีบร้อน
ผีย่อมรู้ว่าโห้หลีเฉินกับเย้นหว่านสรุปแล้วมีความสัมพันธ์อะไรกัน แต่ถ้าเป็นเพียงเล่นๆ กันส่วนตัวเท่านั้น เขาเห็นฉากที่เป็นความลับแบบนี้เข้า เป็นไปได้มากว่าจะโดนสั่งเก็บ
การมาและไปของพนักงาน ถึงแม้ไม่เกินสามวินาที แต่ว่าบรรยากาศวกวนในห้องกลับถูกทำลายลงแล้ว
เย้นหว่านหัวเราะ ดึงมือจากในมือของโห้หลีเฉินออกมา
“งั้นฉันไปขึ้นเวทีแล้วนะ”
ในมือที่ว่างเปล่า โห้หลีเฉินไม่สบายอย่างน่าประหลาด
เขาจ้องมองเธอ พยักหน้าแบบหนักหน่วง
สายตาของโห้หลีเฉินล้ำลึกเร่าร้อนทำให้คนหวาดผวา แต่ก็ทำให้เย้นหว่านรู้สึกใจสงบ
มีเขาอยู่ เธอแค่ต้องสำแดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ก็ได้แล้ว
พอสงบความว้าวุ่นในใจลงได้ บนหน้าเย้นหว่านก็ยิ้มเล็กน้อย เดินไปด้านหน้าเวทีอย่างอกผายไหล่ผึ่ง
วันนี้เป็นวันแรกที่ผุดขึ้นอย่างฉับพลัน จากที่เธอซ่อนความสามารถมาหลายปีขนาดนี้
เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของเธอ จุดสุดยอดในหน้าที่การงาน
บนเวทีรูปตัวที เสียงกระตือรือร้นของพิธีกรดังขึ้น
“ต่อไป ขอเชิญนักออกแบบ ‘ฝันรัก’ ของพวกเรา เย้นหว่านขึ้นเวที”
ตามมาด้วยเสียงปรบมือ แสงไฟทั้งงานมืดลงมา มีเพียงแสงไฟที่สว่างดวงเดียวส่องไปบนตัวเย้นหว่าน
ชั่วขณะนั้นเย้นหว่านกลายเป็นจุดสนใจของทั้งงาน กล้องกระหน่ำถ่ายภาพเธอนับไม่ถ้วน
เธอกำหมัดแน่น ราวกับรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองเธออยู่ด้านหลังนั้น
มุมปากเธออดยกรอยยิ้มขึ้นมาไม่ได้ จากนั้นเดินไปด้านหน้าอย่างผ่าเผย
ฝีเท้าที่สง่างาม ท่วงท่าสูงส่ง
สวยงามราวกับเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์นั้น สะดุดตาจนทำให้ผู้คนละสายตาไปไหนไม่ได้