บทที่ 154 ให้พวกเขารอก่อน
เส้นในใจเย้นหว่านที่ตึงแน่นนั้น “ปึง” ขาดแล้ว
ความดันสูง ความหวาดกลัว การไม่ได้รับความเป็นธรรมในหนึ่งชั่วโมงกว่านี้ ในชั่วขณะหนึ่งได้รับที่รองรับการระบายแล้ว เธอพิงศีรษะในอกของเขา ในที่สุดก็อดร้องไห้ออกมาไม่ได้
เธอคิดว่าเธอจบเห่แล้ว
โชคดีที่เขามา เขามาได้ทันเวลา แม้กระทั่งเธอยังไม่กล้าคิด ถ้าเขาไม่มา เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง……
“ไม่เป็นไร ฉันอยู่ตรงนี้”
ได้ยินเสียงร้องไห้ของเย้นหว่าน ทั้งหัวใจของโห้หลีเฉินรู้สึกถึงความเจ็บที่ไม่เคยมีมาก่อน
เขาแก้เชือกที่ด้านหลังเย้นหว่านออก มือข้างหนึ่งลูบศีรษะของเธอ เสียงอ่อนโยน อดทนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เหมือนกำลังปลอบเด็ก ยิ่งเหมือนปลอบผู้หญิงที่รักในใจ
“ฮือๆๆ……”
เมื่อมีคนปลอบโยน อารมณ์ที่เก็บกดไว้ภายในยิ่งระบายออกมาอย่างกำเริบเสิบสาน เสียงร้องไห้ของเย้นหว่านยังคงดังขึ้น
เธอไม่สนใจภาพลักษณ์สักนิด ไม่มีความแสลงใจสักนิด กอดแขนของโห้หลีเฉินไว้ ร้องไห้สะอึกสะอื้น
โห้หลีเฉินคุกเข่าข้างหนึ่งที่พื้น บนกางเกงสูทที่สะอาดเปื้อนฝุ่นเต็มไปหมด กอดเย้นหว่านไว้ บนตัวของเขาก็เปื้อนสิ่งสกปรกและเลือดไม่น้อย
เขาที่แต่ไหนแต่ไรรักความสะอาด ไม่เคยกระเซอะกระเซิงแบบนี้
แต่ว่าเวลานี้เขากลับไม่ได้ใส่ใจอะไรทั้งนั้น เพียงแค่ตั้งใจปลอบโยนหญิงสาวในอ้อมอก
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดเย้นหว่านก็ร้องไห้พอแล้ว และร้องไห้จนเหนื่อยแล้ว นอนอยู่ในวงแขนของโห้หลีเฉินอย่างเหนื่อยล้าอ่อนแรง
เธอเกือบไม่มีเรี่ยวแรงอะไร อยากจะหลับไป แต่ก็ฝืนถางตาไม่กล้าหลับไป หากไม่ได้ไปจากที่นี่ เธอก็สบายใจลงมาไม่ได้
มือของเธอยิ่งกอดแขนของโห้หลีเฉินเอาไว้แน่นมาโดยตลอด เหมือนทำแบบนี้เธอถึงสงบใจได้นิดหน่อย
โห้หลีเฉินปล่อยเธอกอดไว้ และอุ้มเย้นหว่านขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ก้าวขายาวๆ สีหน้าเย็นชา ก่อนจะเดินไปทางด้านนอก
ตอนที่เดิน เย้นหว่านมองทางหัวทองไปแวบหนึ่ง เห็นเพียงเขายังคงนอนอยู่บนพื้น ที่มุมปากมีเลือดออก ดวงตาปิดสนิท
เธอไม่เพียงแปลกใจ โห้หลีเฉินแรงถีบครั้งนั้นมีพลังแค่ไหน คาดไม่ถึงว่าจะถีบจนคนสลบไปเลย
“คุณพาคนมาด้วยไหม? มีตำรวจรึเปล่า? พวกเขาเป็นนักโทษฆ่าคน ต้องจับเขาขังเอาไว้”
เย้นหว่านส่งเสียงเตือน พึ่งเอ่ยปาก ถึงพบว่าเสียงของเธอแหบแห้งมาก ก่อนหน้านี้ตะโกนร้องมาก ดึงเสียงจนพังไปหมด
โห้หลีเฉินสายตาอึมครึม แรงอาฆาตในแววตายิ่งเข้มข้นหลายเท่า
เขามองเย่นหว่าน กลับอบอุ่นมาก “ไม่ต้องพูดแล้ว พักผ่อนดีๆ ทุกอย่างฉันจะจัดการให้เรียบร้อย”
เย้นหว่านพยักหน้า เบ้าตาแดงอยู่บ้าง
พิงเขาอยู่ ดีจริงๆ
เธอพิงในอ้อมอกเขาอย่างสงบใจ ถูกเขาพาออกมาจากในโรงงานเก่าแล้ว
เธอถึงเห็นว่าด้านนอกมีรถจอดหลายสิบคัน มีรถส่วนตัว มีรถตำรวจ ยังมีรถดำสนิทที่ไม่รู้ใช้ทำอะไร
และคนยืนอยู่มากมาย แต่ละคนล้วนเป็นผู้ชายสูงใหญ่หน้าโหด
และเมื่อสักครู่ผู้ชายสองสามคนที่วิ่งหนี เวลานี้ถูกจับกลับมาแล้ว รวมกันใส่กุญแจมือไว้ที่นั่น
เย้นหว่านถึงตอบสนองกลับมา ที่แท้โห้หลีเฉินเข้าไปคนเดียว สร้างหลุมพรางไว้ข้างนอก รอพวกเขาวิ่งออกมาจึงติดกับดัก
เพียงแต่เขาแน่ใจขนาดนั้นเลยว่าเขาเข้าไปแล้วจะสามารถทำให้คนพวกนี้ตกใจหนีได้?
ถ้าเกิดไม่ได้ตกใจหนีล่ะ?
เขาคนเดียวจัดการคนสารเลวหลายคนขนาดนั้น……
“คุณไม่ควรเข้าไปคนเดียว ตำรวจมากขนาดนี้ ควรให้พวกเขาไปช่วยฉันก่อน”
เย้นหว่านพูดอย่างหวาดกลัวในใจ โดยเฉพาะตำรวจถึงจะเป็นมืออาชีพในด้านนี้
“จริงด้วย ฉันบอกพี่เขยแล้วว่าเข้าไปคนเดียวอันตรายเกินไป แต่ว่าพี่เขยก็ไม่ฟัง ต้องเอาตัวเองไปเสี่ยง เข้าไปช่วยพี่ด้วยตัวเอง”
เย้นซินวิ่งเข้ามาจากด้านข้าง รีบเข้ามาตรวจดูทั้งตัวของโห้หลีเฉิน ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล
“พี่เขย พี่ไม่ได้รับบาดเจ็บนะ?”
สายตาของโห้หลีเฉินมืดลง สายตาเย็นเฉียบกวาดไปทางเย้นซิน เย็นเป็นพิเศษ
“เธอควรเป็นห่วงพี่สาวเธอ”
เย้นซินแข็งทื่อฉับพลัน พริบตาเดียวหน้าซีดลง วันนี้คนที่เจอเหตุร้ายเป็นเย้นหว่าน แต่ว่าหล่อนห่วงใยโห้หลีเฉินในวินาทีแรก แม้แต่มองก็ไม่มองเย้นหว่านสักนิด
ถ้ามีคนคิดมากเห็นเข้า ไม่แน่ว่าจะเข้าหล่อนผิดอย่างไร
เย้นซินรีบอธิบาย “ฉัน ฉันเพียงแต่เป็นห่วงพวกพี่เกินไป พี่เขยไม่เป็นไรถึงสามารถช่วยพี่สาวกลับมาได้อย่างปลอดภัย พี่ พี่ไม่เป็นไรนะ?”
เย้นหว่านเองก็เหนื่อยล้ามาก ไม่มีกะจิตกะใจมาสนใจเย้นซิน
เธอเพียงแค่พยักหน้า สายตายังคงมองโห้หลีเฉินอยู่ ในใจซับซ้อน
โชคดีที่โห้หลีเฉินไม่เป็นอะไร ถ้าไม่อย่างนั้น……
“คนพวกนั้นไม่มีปัญญามาทำร้ายฉันหรอก อีกอย่างฉันเข้าไปคนเดียว พวกเขาถึงจะไม่คิดว่าไร้ทางรอด แล้วใช้เธอมาเป็นตัวประกัน”
โห้หลีเฉินจ้องมองเย้นหว่าน อธิบายเสียงต่ำ
มีเพียงตอนที่เผชิญหน้ากับเธอ เขาถึงมีความอดทนมากพอ
เย้นหว่านตะลึงเล็กน้อย แปลกใจที่โห้หลีเฉินยอมเอาตัวไปเสี่ยงอันตราย เพียงแค่รับรองความปลอดภัยของเธอ ให้เธออันตรายน้อยลง
เบ้าตาของเธอทั้งแดงทั้งชื้น ในใจมีกระแสความอุ่นไหลผ่าน ซัดสาดหัวใจของเธออยู่
เสียงเธอสะอื้นอย่างรุนแรง อ้าๆ ปาก อยากกล่าวขอบคุณเขา กลับพูดไม่ออกมาสักคำ
วันนี้เขาช่วยเธอ เธอติดค้างมากกว่าคำว่าขอบคุณคำเดียว
หลังจากขึ้นรถมา โห้หลีเฉินก็กอดเย้นหว่านไว้ในอ้อมอกมาตลอด ให้เธอนอนในท่วงท่าที่สบายตัวมากที่สุด
เย้นหว่านเหนื่อยมากๆ ห่างจากสถานที่สยองขวัญนั้นมาไกล และอยู่ในอ้อมอกของโห้หลีเฉิน เธอค่อยๆ สงบใจลง ไม่นานก็หลับไป
เธอหลับไปไม่รู้ว่านอนนานแค่ไหน แต่กลับนอนอย่างไม่ปลอดภัยมาก
ยังคงฝันถึงเธอที่โดนผู้ชายพวกนั้นลักพาตัว อยากทำมิชอบกับเธอ อยากฆ่าเธอด้วย เย้นหว่านหวาดกลัวจนหลบไปทุกที่ แต่ว่าหลบไม่พ้น ถูกจับไว้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
“ไม่ อย่า……ช่วยด้วย……ช่วยฉันด้วย……”
เย้นหว่านดิ้นรนอย่างหวาดกลัว ร้องตะโกน อ้อนวอนใครที่สามารถช่วยเธอได้
มือทั้งคู่ของเธอยิ่งอดควานหาไปในที่ว่างโดยอัตโนมัติไม่ได้ สับสนจนเหมือนคนจมน้ำ จะถูกน้ำดึงลงไปก้นบึ้งได้ทุกเวลา
เวลานี้ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งจับมือของเย้นหว่านไว้
เขากุมเธอไว้แน่น มืออีกข้างหนึ่งค่อยๆ ลูบผ่านระหว่างคิ้วของเธอ
“ไม่เป็นไรแล้ว ฉันอยู่ที่นี่”
เสียงของชายหนุ่มต่ำมาก กลับเหมือนน้ำพุปะทะบนก้อนหิน ชุ่มชื้นเข้าไปในใจคน
เย้นหว่านจับมือของโห้หลีเฉินไว้ อารมณ์ดุเดือดค่อยๆ สงบลงมา หัวคิ้วที่ขมวดก็ค่อยๆ ผ่อนคลาย
หลังจากนั้นสักครู่ เธอถึงหลับไปอย่างรู้สึกปลอดภัย
มือของเธอยังคงจับโห้หลีเฉินเอาไว้แน่น แม้แต่หลับยังไม่กล้าปล่อยออก
โห้หลีเฉินปล่อยให้เธอกุมไว้ สายตาลึกมืดมองร่องรอยเขียวช้ำบนหน้าเธอ
คนที่แม้แต่ปลายนิ้วมือเดียว เขายังทนทำร้ายไม่ได้ คาดไม่ถึงจะโดนคนทำร้ายขนาดนี้
สวรรค์รู้ดีว่าตอนเขาเห็นเธอครั้งแรกที่โรงงานเก่า อยากจะฆ่าคนมากแค่ไหน อยากบดขยี้คนพวกนี้เป็นผุยผง
แต่ว่าตอนนี้เขาเปลี่ยนความคิดแล้ว เขาอยากให้พวกมันเหมือนตายทั้งเป็น
“แกร๊ก”
ประตูห้องถูกคนผลักเปิดจากด้านนอกเบาๆ
เย้นซินยืนอยู่หน้าประตู มองโห้หลีเฉินจับมือเย้นหว่านไว้ สายตามีสีที่ต่างออกไป
จากนั้นใช้เสียงเบามากพูดขึ้น “พี่เขย คุณย่าโห้กับพ่อแม่ฉันมาแล้ว ให้พี่ลงไปหน่อย”
โห้หลีเฉินไม่ได้ขยับ โต้กลับไปด้วยเสียงต่ำๆ
“ให้พวกเขารอก่อน”
“แต่ว่าคุณย่าโห้……”
“ออกไป”
โห้หลีเฉินตะคอกอย่างไม่อดทน เสียงเย็นชามาก