บทที่ 163 การปฏิบัติที่ต่างกัน
โห้หลีเฉินยังคงทำงานของเขาต่อไปด้วยความเยือกเย็น ราวกับว่าในห้องนี้ไม่มีเย้นซิน
เย้นซินไม่อยากหงอยเหงาเพราะไม่ง่ายเลยที่เธอจะหาข้ออ้างรั้งตัวอยู่ที่นี่ต่อ เพื่อเป็นไม่ให้เสียโอกาสโดยเปล่าประโยชน์
ดังนั้นเธอจึงเลือกหนังสือสักพักก็พบหนังสือการวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ เธอถือมันและเดินไปหาโห้หลีเฉิน
“พี่เขย นี่หนังสืออะไรหรือคะ? ดูเหมือนจะมีเนื้อหาที่น่าสนใจ”
เย้นซินขอคำแนะนำอย่างถ่อมตัว โดยคนปกติทั่วไปจะต้องอธิบายให้เธอฟัง
แต่โห้หลีเฉินกลับทิ้งคำพูดเย็นชาไว้ให้เธอ
“ไม่เหมาะกับเย้นหว่าน เปลี่ยน”
เย้นซินแทบจะสำลัก คำพูดที่เคยคิดเอาไว้กลับพูดไม่ออก
โห้หลีเฉินไม่มีความรู้สึกแบบนั้นสักนิดเลยหรือ?
เธออารมณ์เสียแต่ไม่กล้าโวยวายต่อหน้าโห้หลีเฉิน จึงทำได้เพียงเดินกลับไปที่ชั้นวางหนังสือและเลือกใหม่อีกครั้ง
คราวนี้เธอเลือกหนังสือนิทานภาษาอังกฤษมาเล่มหนึ่ง
เธอถือมันและเดินไปตรงหน้าโห้หลีเฉินด้วยรอยยิ้ม “พี่เขย หนังสือเล่มนี้ฉันเคยอ่านแล้ว สนุกมากเลยทีเดียว พี่จะต้องชอบแน่ๆ แต่ว่าภาษาอังกฤษของพี่สาวฉันไม่ได้ดีขนาดนั้น คุณมีฉบับภาษาจีนไหม?”
โห้หลีเฉินเงยหน้าขึ้น แต่ดวงตาของเขากลับมองไปที่หนังสือเท่านั้น
หลังจากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและโทรออก “เว่ยชี เอาหนังสือเรื่อง《อธิษฐาน》ฉบับภาษาจีนเข้ามาให้หน่อย อืม ให้เย้นหว่านอ่าน”
หลังจากที่วางโทรศัพท์ โห้หลีเฉินก็ทำงานต่อ
เย้นซินถือหนังสือแข็งค้างอยู่ในมือด้วยใบหน้ากระดากอาย
เธออุตส่าห์หว่านแหอยู่ตั้งนาน อย่าว่าแต่ยั่วยวนโห้หลีเฉินไม่ได้เลย แม้แต่มองเธอ เขายังไม่อยากมอง
ในสายตาของเขา เธอเป็นเพียงอุปกรณ์เลือกหนังสือให้เย้นหว่านเท่านั้น
หลังจากผ่านไปได้สักพัก เขาก็รู้สึกได้ว่าเย้นซินยังคงอยู่ในห้อง โห้หลีเฉินเงยหน้าขึ้นอย่างอดทน
“ยังไม่ไปอีก?”
นี่เขากำลังไล่คน
เย้นซินไม่พอใจ เธอกัดฟันแต่ยังคงสีหน้าอ่อนโยน
“ให้ฉันอยู่ที่นี่สักพักเถอะ เผื่อว่าคุณต้องการอะไรก็เรียกฉันได้”
“ไม่ต้อง”
โห้หลีเฉินไม่ลังเลที่จะตอบปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คนที่เธอควรจะดูแลคือ เย้นหว่าน”
“ตอนนี้พี่กำลังหลับอยู่ ฉันไม่ต้อง…”
พอพูดไปได้ครึ่งทางเธอก็แทบจะสำลักออกมา
โห้หลีเฉินมองเธอแล้ว แต่สายตานั้นกลับน่ากลัวจนคนตกใจได้ราวกับว่ามองความคิดของเธอออก
เย้นซินเดินถอยหลังออกมาด้วยความเสียใจ หัวใจของเธอเหมือนกำลังจะกระโดดออกจากอก
“ฉัน งั้นฉันขอตัวก่อน”
ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อ เย้นซินรีบเดินออกไป
เหมือนมีรังสีความเย็นชาเรืองรองอยู่ที่แผ่นหลังของเขา
หลังจากที่เดินออกจากห้องเสร็จก็ปิดประตู เธอค่อยๆถอนหายใจอย่างเงียบๆ
ผู้ชายคนนี้คือคนที่ใจเธอคิดถึง เธอแทบรอไม่ไหวที่จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เขามา แต่ความสูงส่งของเขากลับทำให้เธอกลัว เธอแทบไม่สามารถควบคุมมันได้
เธอจึงเข้าหาเขาอย่างระมัดระวังทุกครั้ง
——
ห้องนอนใหญ่
เย้นหว่านนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียงอย่างเบื่อหน่าย ตอนนี้โห้หลีเฉินยังคงทำงานอยู่ เธอจึงไม่มีอะไรทำ
“แกร๊ก”
เสียงประตูเปิดออก
โห้หลีเฉินเดินเข้ามาแล้วปิดประตู เขาเดินเข้ามาหาเย้นหว่านที่ข้างเตียง
เขายืนอยู่ตรงนั้นและจ้องมองมาที่ใบหน้าของเธอ เลื่อนลงมาที่คอและไหปลาร้า…
เย้นหว่านนึกสงสัยว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ในเวลานี้ เธออดตัวสั่นไม่ได้ที่เห็นเขามองแบบนี้
เธอลากผ้าห่มขึ้นมาปิดถึงคอแล้วถาม “มีอะไรหรือเปล่า?”
โห้หลีเฉินมองไปที่เธอตรงๆ ดวงตาของเขามืดลง และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็หันหลังเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว
เขาหยิบชุดกระโปรงคอเต่าออกมาแล้วยื่นให้เธอ
“อีกสักพักพวกฉินฉู่จะมาที่นี่ เปลี่ยนเสื้อผ้า”
แม้ว่าจะนอนบนเตียง แต่เย้นหว่านก็สวมชุดธรรมดาทั่วไปที่สามารถเดินเข้าออกบ้านได้อย่างสบายๆ
ทำไมต้องเปลี่ยนด้วย?
เย้นหว่านไม่ได้รับมา แต่มองโห้หลีเฉินด้วยความสงสัย
โห้หลีเฉินยังคงยืนอยู่ที่ข้างๆเตียง ในมือยังคงถือเสื้อผ้าและดึงดันจะให้เธอเปลี่ยน
“เปลี่ยน”
เป็นคำง่ายๆที่ไม่อาจปฏิเสธได้
เย้นหว่านกลัดกลุ้ม เขาทำตัวเป็นอันธพาลแล้วยังบังคับเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก
ในเมื่ออยู่ใต้ชายคาเดียวกับเขาก็ต้องยอมเชื่อฟังตาลุงคนนี้
ดังนั้นเย้นหว่านจึงหยิบเสื้อผ้ามาแล้วดึงผ้าห่มออก
ในช่วงที่ผ้าห่มถูกเปิดออก เนื่องจากเธอสวมเสื้อคอกลม และด้วยท่านั่งของเธอ เสื้อผ้าจึงยับเล็กน้อย หากมองจากมุมสูง โห้หลีเฉินสามารถมองเห็นท่อนบนและด้านในผ่านคอเสื้อของเธอ
ดวงตาโห้หลีเฉินดูอึมครึมเล็กน้อย ลมหายใจติดขัด
เย้นหว่านไม่ได้สังเกตว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจึงลุกจากเตียงและใส่รองเท้าเดินไปที่ห้องแต่งตัว
ทันใดนั้นโห้หลีเฉินยึดไหล่เธอไว้ น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาดูเหมือนกำลังพยายามควบคุมบางสิ่งบางอย่าง
“เปลี่ยนที่นี่แหละ”
พอพูดเสร็จเขาก็หันไปนั่งบนโซฟาโดยนั่งท่าหันหลังให้เธอ
เย้นหว่านมองไปที่แผ่นหลังของเขา ฉากนี้ดูคุ้นๆและทำให้เธอรู้สึกกระวนกระวายใจอีกครั้ง
ในช่วงสองวันที่ผ่านมาโห้หลีเฉินทายา เช็ดหลังให้เธอ นอกจากส่วนสำคัญบนร่างกายเธอ เขาล้วนเคยเห็นมาหมดแล้ว
แต่เขารู้ว่าเธอเป็นคนขี้อายจึงพยายามหลีกเลี่ยงในเวลาแบบนี้ จากนั้นถึงจะหันกลับมา
แม้ว่านี่จะเป็นแค่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ แต่จุดนี้กลับเป็นเหมือนสายฝนในฤดูใบไม้ผลิ อบอุ่นและไร้สุ้มเสียงแผ่ซ่านเข้าไปในก้นบึ้งของหัวใจ
แผลของเย้นหว่านดีขึ้นมากแล้ว พวกเรื่องเปลี่ยนเสื้อผ้าจึงทำได้ด้วยตัวเองแล้ว
หลังจากที่เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ โห้หลีเฉินก็หันกลับมา
เขามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อแน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติถึงจะลุกขึ้นแล้วเตรียมตัวออกไปข้างนอก
เย้นหว่านก็คิดจะเดินตามไป “ฉันจะออกไปด้วย”
แขกมาที่บ้าน จะให้เธอนอนบนเตียงได้อย่างไร
ทว่าโห้หลีเฉินกลับปฏิเสธเธอ “เธอพักผ่อนอยู่ที่นี่แหละ พวกเขามาเยี่ยมคนป่วยไม่ได้มาเป็นแขก”
เย้นหว่านนิ่งไปสักพัก เธอรู้สึกไม่ดีต่อฉินฉู่และคนอื่นๆ
พวกเพื่อนๆอยู่ที่นี่กับโห้หลีเฉิงอาจจะรู้สึกเสียเปรียบ
หลังจากที่โห้หลีเฉินเดินออกไปได้ไม่นานก็กลับเข้ามาใหม่
ทั้งยังพาฉินฉู่ เย้นเหวินหนานและกู้อ๋างมาด้วย
เย้นเหวินหนานถือได้ว่าเป็นเจ้านายของเย้นหว่าน และมีความสัมพันธ์อันดีกับเย้นหว่านมานานเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง
เขามองเย้นหว่านด้วยความเป็นห่วง “เพิ่งได้ยินมาว่าเธอได้รับบาดเจ็บ เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่เป็นอะไรมากแล้ว ใกล้หายดีแล้วล่ะ”
เย้นหว่านยิ้มตอบ
ในมือกู้อ๋างถือของขวัญไว้หลายกล่อง เขายื่นมันขึ้นมาไว้ตรงหน้าเย้นหว่านด้วยความกระตือรือร้น
“พี่สะใภ้ นี่เป็นอาหารเสริมที่ผมซื้อมาให้คุณโดยเฉพาะ ผมเห็นคุณผอมลงมากคงลำบากล่ะสิ? คุณกินเยอะๆหน่อยจะได้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม”
“ขอบคุณ ไม่ต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้”
เย้นหว่านพูดอย่างมีมารยาท ก่อนที่เธอจะยื่นมือไปหยิบกล่องเหล่านั้น กล่องเหล่านั้นก็ถูกใครบางคนคว้าไป
โห้หลีเฉินคว้ากล่องของขวัญเหล่านั้นวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง
แม้ว่าใบหน้าที่หล่อเหลาจะไม่แสดงออกอาการใดๆ แต่การกระทำของเขาก็เป็นไปอย่างธรรมชาติไม่ขัดเขิน
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับอึ้งกิมกี่
โดยเฉพาะกู้อ๋าง มือที่ถือกล่องของขวัญเมื่อกี้นี้ยังคงแข็งค้างกลางอากาศ
พวกเขากลัวว่าเข้าผิดห้องหรือเปล่า? คนที่ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาอย่างโห้หลีเฉินจะกลายเป็นคนใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆได้อย่างไร?
โดยปกติแล้วทั้งเว่ยชีและคนรับใช้ต่างปรนนิบัติรับใช้เขาด้วยความระมัดระวัง มือคู่นั้นมีไว้ใช้เซ็นเอกสารที่มีมูลค่าพันล้านเท่านั้น