บทที่ 178 รกรุงรัง
รอเดี๋ยวนะ หรือก็คือ โห้หลีเฉินคิดจะขอเธอแต่งงาน ดังนั้นเขาถึงได้ทำแบบนี้ เพราะว่าจุดประสงค์ที่เขาต้องการจะแต่งงานกับเธอมันชัดเจนมาก
ส่วนเรื่องที่ว่า เพราะอะไรเขาถึงอยากแต่งงานกับเธอ ตอนแรกเย้นหว่านนึกว่าจะเป็นเพราะมู่หรุงชิ่น แต่ว่าตอนนี้ เธอกลับยังไม่เคยคิดถึงปัญหาอย่างจริงจังเลย…
โห้หลีเฉินกลับมาเป็นปกติ และเย็นชายิ่งกว่าเดิม เขาเหลือบมองไปทางฉินฉู่ ก่อนจะพูดไล่แขกทันที
“นายกลับไปได้แล้ว”
คำพูดที่ฉินฉู่เตรียมจะพูดล้อ ถูกหยุดชะงักอยู่ตรงลำคอ
คนคนนี้ไม่มีความเห็นใจเลยสักนิด
เขาอุตส่าห์ปีนขึ้นมาจากเตียงตอนเที่ยงคืน แล้วรีบเดินทางมาช่วยเขาไว้ อีกทั้งยังจัดการบอกให้เย้นหว่านออกไปยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู ที่เขาพูดมาก็เพื่อจะช่วยให้โห้หลีเฉินสารภาพรักกับเธอ
เขาอุตส่าห์คิดวางแผนให้เขาทุกอย่าง คอยช่วยเขาสุดความสามารถ แต่สิ่งที่ได้มา กลับกลายเป็นคำพูดไล่เขากลับอย่างไร้ความเมตตาของผู้ชายคนนี้
ฉินฉู่รู้สึกน้อยใจ และอารมณ์เสียมาก
ดังนั้น เขาจึงตะโกนออกมาเสียงดัง “พี่สะใภ้ ข้างในนี้เรียบร้อยแล้ว คุณเข้ามาได้แล้วครับ”
พอคำพูดนี้จบลง ร่างสูงใหญ่ของโห้หลีเฉินก็ชะงักไป
เขากวาดสายตามองไปทางประตู ก่อนจะเห็นเงาร่างเล็กแอบอยู่ตรงประตู
เย้นหว่านอยู่ที่นี่ตลอดเวลาเลยเหรอ
ใบหน้าเย็นชาของเขาเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆเลยก็ว่าได้
เย้นหว่านหน้าแดงก่ำ พอถูกเปิดเผยออกมา เธอก็เริ่มทำตัวไม่ถูก ในใจกำลังก่นด่าฉินฉู่ ที่เชื่อไม่ได้เลย ทั้งที่เขาเป็นคนสอนให้เธอไปยืนแอบฟังอยู่ตรงประตู แต่เขากลับเป็นคนพูดแฉเธออีก
ไม่มีความน่าเชื่อถือเลยจริงๆ
เย้นหว่านเปิดประตูเจ้ามา แล้วมองไปทางโห้หลีเฉินอย่างเก้ๆกังๆ
“ฉัน ฉันก็แค่เป็นห่วงคุณ… คุณโห้ คุณ คุณไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมคะ”
แค่เห็นท่าทางของเย้นหว่าน เขาก็รู้แล้ว ว่าสิ่งที่ฉินฉู่พูดก่อนหน้านี้ เธอได้ยินทั้งหมด
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ส่งผลเสียอะไรกับเขา แต่ว่าการที่เขาโดนวางยาจนเกือบจะมีอะไรกับเย้นหว่าน สำหรับโห้หลีเฉินแล้ว มันเป็นเรื่องที่น่าอายมาก
เขาก้มหน้าลง ก่อนจะตอบกลับเสียงต่ำ “ไม่เป็นไรแล้วครับ คุณเข้ามาเถอะ”
ฉินฉู่เบ้ปากเหมือนไม่พอใจมาก “เฮ้อ นิสัยของคนเรามักจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ตอนพูดกับฉันที่เพิ่งจะช่วยชีวิตนายไว้ นายกลับไล่อย่างไร้เยื่อใย แต่กลับภรรยาที่ยืนแอบฟัง นายกลับพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพื่อนไม่สำคัญจริงๆ การต้อนรับช่างห่างไกลกันลิบลับเลย”
คำพูดหยอกล้อนี้ ทำให้เย้นหว่านหน้าแดงมากยิ่งขึ้น เธอแทบอยากจะหารูมุดเข้าไปซ่อนตัวเลยทีเดียว
โห้หลีเฉินเหลือบมองฉินฉู่ แล้วพูดอย่างไร้เยื่อใย เหมือนน้ำเย็นลาดลงบนตัวของฉินฉู่ “เพื่อนกับภรรยา มันเทียบกันได้ด้วยเหรอ”
เขาพูดตอบกลับ ทันใดนั้นเอง ฉินฉู่รู้สึกเหมือนมีใบมีดจำนวนมาก กรีดลงบนตัวของเขา
เขาเบ้ปาก ก่อนจะชี้หน้าโห้หลีเฉิน
“นายนี่มัน…จะรังแกคนโสดมากเกินไปแล้วนะ”
พอเห็นฉินฉู่ท่าทางโมโหมาก เย้นหว่านรู้สึกเหนื่อยใจ
คนคนนี้ดีทุกอย่าง ข้อเสียก็มีแค่เรื่องชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น ชอบพูดล้อเลียน และพูดเองเออเองเท่านั้นเอง
แต่ว่าแค่ฉินฉู่พูดก็ช่างมันเถอะ แต่โห้หลีเฉินกลับพูดด้วยอีก เพื่อนกับภรรยามันหมายความว่ายังไง
เพื่อนที่ว่าก็คือฉินฉู่ ส่วนภรรยาก็คือ…
เย้นหว่านใจเต้นรัว นี่หมายความว่าโห้หลีเฉินยอมรับแล้วว่าเธอเป็นภรรยาของเขาอย่างนั้นเหรอ เธอเป็นแค่คู่หมั้นเท่านั้นเองนะ ยังไม่ได้ตอบตกลงจะแต่งงานกับเขาเลย
เธอสับสนวุ่นวายใจไปหมด
เย้นหว่านไม่กล้าคิดไปมากกว่านี้ เธอจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา จึงเอ่ยถามขึ้นมา “ทำไมคุณถึงโดนวางยาได้คะ ตอนที่เดินลงไป เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
สายตาของโห้หลีเฉินแข็งกร้าวขึ้นมา และดูน่ากลัวมาก ก่อนที่เขาจะพูดออกมา “พวกคุณลงไปดูเย้นซินเถอะ”
เย้นหว่านตกใจ เกี่ยวอะไรกับเย้นซินด้วย เธอคิดถึงความเป็นไปได้หลายอย่าง แม้แต่เรื่องที่คิดว่าป่ายฉีเป็นคนวางยาเธอยังเคยคิดเลย แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่าเย้นซินจะทำอะไรไปบ้าง
พอมาคิดดู โห้หลีเฉินเดินลงไปหาเย้นซิน ตอนกลับมาเขาก็ถูกวางยาแล้ว
พอคิดได้แบบนี้ เย้นหว่านก็พอจะเดาได้ทันที
เธอขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไป เธอก้าวเดินอย่างรวดเร็ว ในใจรู้สึกสับสนวุ่นวายไปหมด ถ้าเรื่องนี้เป็นฝีมือของเย้นซินจริงๆ แม้แต่เธอเอง ก็ไม่มีหน้าจะเจอกับโห้หลีเฉินแล้วด้วยซ้ำ
เพราะว่า เย้นซินเป็นน้องสาวของเธอ
ไม่นาน เย้นหว่านก็เดินมาถึงห้องพักของเย้นซิน ประตูห้องดูเหมือนจะไม่ได้ปิดสนิท ยังแง้มไว้เล็กน้อย
เย้นหว่านเตรียมจะเปิดประตูเข้าไป แต่ยังไม่ทันได้เปิดประตู ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงที่กำลังร้องอย่างทรมาน เหมือนกำลังร้องด้วยความสุขสมอารมณ์อยู่
เย้นหว่านชะงักไปทันที
เย้นซินกำลังทำอะไรอยู่ข้างในกันแน่ เธอกลัวว่าตอนเปิดประตูเข้าไปจะเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น
เธอลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะหันไปคุยกับฉินฉู่ที่เดินตามมาด้วย
“คุณฉินคะ คุณช่วยยืนรออยู่ข้างนอกสักครู่นะคะ ฉันขอเข้าไปดูก่อน”
เพร่ะยังไงซะเย้นซินก็เป็นผู้หญิง เธอไม่อยากให้ฉินฉู่เข้าไปแล้วเห็นเรือนร่างของเย้นซิน
ฉินฉู่ไม่ใส่ใจ เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปนั่งรอที่ห้องรับแขก
เย้นหว่านโล่งอกขึ้นมาทันที เธอเปิดประตู แล้วเดินเข้าไปข้างในห้อง ก่อนจะได้กลิ่นน้ำหอมที่แสบจมูก กลิ่นมันรุนแรงจนเธออยากจะอ้วก
ตามมาด้วย ภาพตรงหน้าที่ทำให้เธอต้องอ้าปากค้าง
ภายในห้องรกรุงรังไปหมด เสื้อผ้ากับผ้าปูที่นอนล้วนตกอยู่ข้างเตียง ส่วนเย้นซินเองก็ไม่ได้ใส่เสื้อผ้านอนอยู่บนพื้น กำลังกอดหมอนและทำเรื่องที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้
ใบหน้าของเธอแดงก่ำ กำลังช่วยตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
เย้นซินเองก็โดนยาปลุกเซ็กเหมือนกัน
เธอวางยาตัวเองด้วยอย่างนั้นเหรอ
ทุกอย่างดูชัดเจนแล้ว เรื่องที่โห้หลีเฉินถูกวางยา เป็นฝีมือของเย้นซินจริงๆ
เดิมทีเย้นหว่านคิดว่า เรื่องที่เย้นซินพยายามยั่วยวนโห้หลีเฉินเมื่อช่วงสายของวันนี้ จะเป็นแค่เพราะอารมณ์ชั่ววูบ เพราะโห้หลีเฉินหน้าตาดี ทำให้หญิงสาวน้อยใหญ่ต่างก็รู้สึกอยากได้ตัวเขา
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เย้นซินจะกล้าทำถึงขนาดนี้
วางยาโห้หลีเฉิน หรือว่าเธอไม่เคยคิดเลย เขาเป็นว่าที่พี่เขยของเธอในอนาคต
เย้นซินไม่เคยคิดถึงเธอที่เป็นพี่สาวเลยหรือไง
ในใจของเธอรู้สึกตกใจและเสียใจมาก เย้นหว่านขมวดคิ้ว ก่อนจะกดความรู้สึกขยะแขยงในใจไว้ แล้วเดินไปหยิบผ้าปูที่นอน มาคลุมร่างของเย้นซินไว้
เย้นซินสัมผัสได้ว่ามีคนอยู่ เธอไม่แยกแยะชายหญิง แล้วรีบพุ่งตัวเข้าหาเย้นหว่านทันที
เธอพึมพำออกมา “ฉันต้องการ ให้ฉันนะคะ โห้หลีเฉิน ฉันต้องการคุณ…”
“อย่าดิ้น”
เย้นหว่านดุเบาๆ ก่อนจะใช้ผ้าปูที่นอนพันรอบตัวเย้นซินจะแน่น ไม่ให้เธอยื่นมือออกมาได้ และดิ้นไม่ได้ด้วย
หลังจากนั้น เธอก็ตะโกนเรียกฉินฉู่ “คุณฉินคะ เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณช่วยเข้ามาข้างในหน่อยค่ะ”
ฉินฉู่เดินเข้ามา
พอเห็นห้องที่รกรุงรัง จึงร้องอุทานออกมา “น้องสาวของคุณ ใจกล้ามากจริงๆ”
เย้นหว่านอายมาก “ฉันเองก็ไม่รู้ค่ะ ว่าเธอจะกล้าทำเรื่องแบบนี้”
จะว่าไปแล้ว มันก็เป็นความผิดของพี่สาวอย่างเธอ ที่ไม่ได้สั่งสอนน้องสาวให้ดี
ฉินฉู่หัวเราะ ก่อนจะพูดหยอกล้อ “ไม่เลวครับ ถ้าพี่สะใภ้ใจกล้าแบบนี้บ้างก็ดี”
คนบางคนจะได้ไม่ต้องลำบากแบบนั้นอีก
เย้นหว่านที่กำลังโทษตัวเอง หยุดชะงักไปทันที
เธอมองหน้าฉินฉู่อย่างตกตะลึง และมึนงง เขาพูดอะไรแบบนี้เนี่ย
ฉินฉู่คิดบ้าอะไรของเขาอยู่กันแน่
เย้นหว่านหมดคำพูด เธอคิดซะว่าเขากำลังพูดเล่นกับเธอ จึงไม่พูดเรื่องไร้สาระ แล้วกลับมาพูดเรื่องหลัก “คุณช่วยฉัดยาตัวนั้นให้เธอหน่อยได้ไหมคะ”
“อืม”
ถึงแม้ฉินฉู่จะพูดอะไรไม่เป็นเรื่อง แต่การทำงานของเขาก็รวดเร็วมาก ไม่นานเขาก็เตรียมยาเสร็จ ก่อนจะฉีดยาให้เย้นซิน