บทที่ 181 อยู่ต่อหน้าคุณ ฉันรู้สึกต่ำต้อยมาก
เช้าวันต่อมา เย้นหว่านตื่นนอนตั้งแต่เช้า
เหมือนปกติทุกวัน พอเธอลืมตาขึ้นมาก็ได้เจอกับใบหน้าของโห้หลีเฉินปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอ และเธอกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา
เขากอดเธอไว้ ส่วนมือเล็กของเธอก็วางไว้บนเอวของเขา
พูดได้ว่าดูกลมกลืนกันมาก
แต่เย้นหว่านกลับจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนเธอกับเขากอดกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งๆที่ตอนที่เธอนอนก็นอนอยู่สุดขอบเตียงแล้วนี่นา…
อยากจะบ้าตาย
เย้นหว่านเห็นว่าโห้หลีเฉินยังไม่ตื่น เธอจึงค่อยๆขยับตัวออกจากอ้อมกอดของเขา แล้วดึงผ้าห่มออก ก่อนจะเดินลงจากเตียง
เธอหันหลังกลับไปมองอย่างระมัดระวัง พอเห็นว่าโห้หลีเฉินยังนอนหลับอยู่ คงไม่คิดจะปลุกเขาตื่น
เธอแปลกใจเล็กน้อย ปกติโห้หลีเฉินจะระวังตัวอยู่ตลอด ในเวลาแบบนี้ แค่เธอขยับตัว เขาก็น่าจะตื่นแล้ว แต่วันนี้เขากลับไม่ตื่น
เย้นหว่านย่นคิ้ว หรือว่าฤทธิ์ยาเมื่อคืนจะแรงมากเกินไป ทำให้โห้หลีเฉินเสียพลังไปมาก จนไม่ได้สติอย่างนั้นเหรอ
มีความเป็นไปได้มาก
พอนึกถึงคำพูดก่อนจากไปของฉินฉู่ ที่บอกว่าให้โห้หลีเฉินดื่มนมเยอะๆ เย้นหว่านนิางคิด ก่อนจะค่อยๆเดินออกจากห้องไป
หลังจากผ่านไปสักพัก เธอก็ยกแก้วนมร้อนๆเดินกลับเข้ามา และตรงมาที่เตียง พอดีกับที่โห้หลีเฉินขยับเปลือกตา ก่อนจะลืมตาตื่น
พอลืมตาตื่นขึ้นมา โห้หลีเฉินก็เห็นเย้นหว่านเป็นอันดับแรก เธอยังคงใส่ชุดนอน ในมือยกแก้วนมไว้
เขาตกตะลึงไปเล็กน้อย นึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในฝัน
แต่กลับเห็นเย้นหว่านเดินใกล้เข้ามา และกำลังมองเขาด้วยสายตาเป็นห่วง
“คุณตื่นแล้วเหรอคะ รู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างหรือเปล่าคะ”
น้ำเสียงนุ่มนวลดังอยู่ข้างหู ฟังดูเหมือนจริงมาก
โห้หลีเฉินประหลาดใจมาก “ทำไมคุณถึงได้ตื่นเช้าขนาดนี้ครับ”
ช่วงที่ผ่านมานี้ เย้นหว่านมักจะนอนตื่นสาย ไม่เคยตื่นก่อนเขาเลยสักครั้ง
แต่ทุกเช้า เขามักจะแอบมองเธอนอนหลับอยู่ในอ้อมกอด จนเธอลืมตาตื่นขึ้นมา
“ก็มันตื่นเองนี่คะ”
เย้นหว่านเดินมาถึงตรงข้างเตียง แล้วยื่นแก้วนมให้โห้หลีเฉิน “นมกำลังอุ่นพอดีค่ะ คุณดื่มได้เลยค่ะ”
“ให้ผมเหรอครับ”
โห้หลีเฉินยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่
นี่เป็นครั้งแรก ที่เย้นหว่านเตรียมนมให้เขาดื่ม แล้วยังเอามาให้เขาถึงเตียง
มันต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ๆ โห้หลีเฉินไม่ได้ซาบซึ้งใจ และยังหันไปมองหน้าเย้นหว่านอย่างละเอียด สายตาที่มองเหมือนจะมองจนร่างกายของเย้นหว่านกลายเป็นรูได้
เย้นหว่านถูกจ้องมองจนเริ่มทำตัวไม่ถูก เรื่องที่เธอตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าให้เขา เดิมทีก็เป็นเรื่องทึ่ดูแปลกมากอยู่แล้ว
สายตาของเธอเป็นประกาย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณฉินฉู่บอกไว้ค่ะ ว่าคุณต้องดื่มนมเยะๆ ดังนั้น…”
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
แววตาของโห้หลีเฉินหม่นหมองลงเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือออกไปรับแก้วนมมา
นมกำลังอุ่นพอดี พอมาอยู่ในมือจึงรู้สึกอบอุ่นมาก
ถ้าหากเขาได้ดื่มนมที่เธอเตรียมให้ทุกเช้า เขาคงรู้สึกอารมณ์ดีตั้งแต่เช้า
“คุณไม่ต้องตื่นมาเตรียมนมให้ผมดื่มตั้งแต่เช้าก็ได้ครับ ผมดื่มเพิ่มตอนกินข้าวเช้าก็ได้”.
ถึงแม้เขาจะชอบที่เธอทำแบบนี้ให้ แต่เขาก็ไม่อยากให้เธอต้องตื่นนอนมาเพื่อเตรียมนมให้เขา
ที่เขาให้เธอมาอยู่ข้างกาย ก็ไม่ใช่เพื่อนใปมาคอยปรนนิบัติเขาด้วย
พอคิดถึงตรงนี้ โห้หลีเฉินก็คิดถึงปัญหาอีกเรื่องขึ้นมาทันที
สายตาที่แหลมคมของเขามองไปที่ขาของเย้นหว่าน แล้วยิ่งตกตะลึงมากยิ่งขึ้น เมื่อวานบริเวณหน้าขาของเย้นหว่านยังมีรอยแผลฟกช้ำอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว
ไม่ใช่แค่นั้น บาดแผลบริเวณแขนก็หายดีไปอย่างน่าประหลาด
ถึงแม้เย้นหว่านจะพักรักษาตัวมาหลายวัน แต่บาดแผลต้องใช้เวลาค่อยๆรักษา อย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกหลายวันถึงจะหายดี ไม่มีทางหายดีเร็วขนาดนี้ได้
“เกิดอะไรขึ้นกับแผลของคุณ”
โห้หลีเฉินดึงเย้นหว่านมาตรงหน้าตัวเอง แล้วจ้องมองด้วยสายตาเคร่งขรึมและกังวลใจ
เย้นหว่านเองก็ไม่ทันได้สังเกต ว่าบาดแผลบริเวณแขนของเธอ ตอนนี้หายดีแล้วจริงๆ
คำพูดที่ป่ายฉีพูดเมื่อวาน ล้วนแต่เป็นความจริงทั้งหมด
สมแล้วที่ป่ายฉีได้รับฉายาหมอเทวดาที่โด่งดังไปทั่วโลก ยาที่เขาเอาออกมา มีผลลัพธ์ที่วิเศษมากจริงๆ
“มีเรื่องหนึ่งที่ฉันยังไม่ได้บอกคุณ เมื่อวานตอนบ่าย ป่ายฉีมาที่นี่ เขาเอายาขวดหนึ่งมาให้ฉัน พอทายาขวดนั้นบนแผลของฉัน เขาบอกว่าวันนี้แผลทั้งหมดจะหายดี คิดไม่ถึงเลยว่า ผลมันจะดีถึงขนาดนี้”
เย้นหว่านอธิบาย เธอพูดไปด้วย พลิกบาดแผลตัวเองดูไปด้วย
ในใจคิดว่า ยาขวดนี้เธอต้องเก็บไว้ให้ดี หลังจากนี้ถ้าไปชนโดนอะไร ถ้าทายาขวดนี้เธอจะได้ไม่ต้องรู้สึกเจ็บหลายวันแล้ว
สีหน้าของโห้หลีเฉินนิ่งขรึม น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ
“เมื่อวานเขามาที่นี่ ได้ทำอะไรกับคุณหรือเปล่า”
ครั้งที่แล้วเรื่องที่ป่ายฉีเคยเกือบจะรังแกเย้นหว่าน โห้หลีเฉินยังไม่ทันได้คิดบัญชีกับเขาเลย แต่เจ้าตัวปัญหานั่นยังกล้ามาหาเย้นหว่านอีก
และครั้งนี้เขาถึงขั้นแอบย่องเข้ามาในบ้านของเขาด้วย ชักจะใจกล้ามากเกินไปแล้ว รนหาที่ตายชัดๆ
เย้นหว่านรีบส่ายหน้า “ไม่ค่ะ”
พอเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของโห้หลีเฉิน เย้นหว่านก็ลังเลใจสักพัก ก่อนจะพูดเสริม “ที่จริงครั้งที่แล้วตอนอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าฉันก็ได้เจอกับป่ายฉีครั้งหนึ่งค่ะ เขาไม่ได้ทำอะไรที่เกินเลยกับฉันแล้ว เขาดูท่าทางไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น อาจจะเป็นเพราะว่า เรื่องในคืนนั้นเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด”
“ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด”
โห้หลีเฉินพูดออกมาอย่างมั่นใจ แต่ละคำล้วนพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
คืนนั้นเจ้านั่นกล้าทำแบบนั้นกับเย้นหว่าน ไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุอะไร ก็สามารถทำให้ป่ายฉีตายเป็นหมื่นครั้งแล้ว
ในเมื่อป่ายฉีกล้ามาที่นี่ งั้นก็อย่าหาว่าเขาใจร้ายก็แล้วกัน
พอเห็นท่าทางของโห้หลีเฉินเหมือนจะเชือดเฉือนป่ายฉีออกเป็นชิ้นๆ เย้นหว่านก็มานึกเสียใจทีหลัง เธอไม่ควรบอกโห้หลีเฉินว่าป่ายฉีมาที่นี่ใช่หรือไม่
แต่ดูเหมือนป่ายฉี จะไม่ได้ชั่วร้ายถึงขนาดนั้น
“อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันจริงๆก็ได้ค่ะ เขาดูเหมือนจะมีจุดประสงค์อื่น…”
“เขาทำแบบนั้นกับคุณ ถึงแม้จะมีเหตุผล แต่ก็ไม่สมควรได้รับอภัย”
โห้หลีเฉินขมวดคิ้ว แล้วมองเย้นหว่านด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ท่าทีของเขามั่นคงมาก และเริ่มไม่พอใจที่เย้นหว่านใจอ่อนให้กับป่ายฉีแบบนี้
เพราะถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเย้นหว่านจะโดนป่ายฉีหลอกลวงเอาได้ง่ายๆ
เย้นหว่านชะงักไป เธอมองหน้าโห้หลีเฉินอย่างตกตะลึง ภายในใจรู้สึกเหมือนถูกเข็มแทง
เรื่องคืนนั้นที่ป่ายฉีทำกับเธอ ถือว่าเป็นการบังคับขืนใจ ถึงแม้จะไม่สำเร็จก็ตาม…
แต่โห้หลีเฉินกลับใส่ใจเรื่องนี้มาก งั้นเรื่องที่เธอเคยโดนข่มขืนมาก่อน สำหรับเขาแล้ว คงจะเป็นเรื่องที่ยากจะรับได้สินะ
ดังนั้น ที่เมื่อคืนเขาเป็นถึงขนาดนั้นแต่กลับไม่แตะต้องเธอ จะเป็นเพราะว่าเขารังเกียจที่เธอสกปรกหรือเปล่า
พอเห็นท่าทีหม่นหมองของเย้นหว่าน โห้หลีเฉินก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น เขายื่นมือไปกอดไหล่ของเธอไว้ แล้วจ้องมองเธอด้วยสายตาหนักแน่น
“คุณอย่ากลัวเลย ต่อจากนี้ไปผมจะไม่มีทางยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว ผมจะปกป้องคุณอย่างดี”
เย้นหว่านยืนมองเขานิ่ง เธอจ้องมองสีหน้าที่เคร่งขรึมและจริงจังของโห้หลีเฉิน แล้วรู้สึกไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก
เธอมองความคิดของเขาไม่ออก และไม่รู้ด้วยว่าเขากำลังคิดอะไรออยู่
เสียงของเธอต่ำมาก “ก่อนจะเจอกับป่ายฉี ร่างกายของฉันก็สกปรกตั้งนานแล้วค่ะ”
คืนนั้นเธอสูญเสียครั้งแรกให้กับคนแปลกหน้า
ถึงแม้ยุคนี้จะเปิดกว้าง การเสียตัวครั้งแรกไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรขนาดนั้น แต่คู่หมั้นของเธอช่างสูงส่งมากจริงๆ สูงส่งจนยากจะเอื้อมมือคว้าไว้ได้ สูงส่งจนไม่กล้าทำให้เขาต้องลงมาเกลือกกลั้วกับสิ่งสกปรกแม้แต่นิดเดียว
อยู่ต่อหน้าเขา เธอรู้สึกต่ำต้อยขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ รู้สึกเหมือนตัวเองไม่คู่ควร
แม้แต่เธอที่ไม่มีจุดด่างพร้อยยังไม่คู่ควรกับเขาเลย นับประสาอะไรกับเธอที่มีประวัติอันมืดมนอย่างนี้ล่ะ
โห้หลีเฉินชะงักไป เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเย้นหว่านจะพูดแบบนี้ออกมา
เขาก้มหน้าลงจนเห็นแต่ขนตาที่กำลังขยับ ทั่วร่างมีแต่ความรู้สึกผิดหวังเสียใจ เหมือนตัวเองต่ำต้อยราวกับพื้นดิน