บทที่ 183 ถูกทอดทิ้งแล้ว
เย้นหว่านสะดุ้งตกใจ ก่อนจะรีบเอียงตัวหลบได้ทัน ตามมาด้วยเสียงแจกันชนกับประตู แล้วแตกออกเป็นเสี่ยง
พอเห็นเศษแจกันที่อยู่ข้างเท้า เย้นหว่านก็ยังตกใจไม่หาย
และคนที่โยนแจกันก็คือเย้นซิน พอเธอเห็นเย้นหว่าน ความโกรธแค้นที่มีก็มากขึ้น
เธอชี้หน้าด่าเย้นหว่าน “เย้นหว่าน แกยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอ ฉันจะทุบแกให้ตาย”
เธอพูด ก่อนจะหยิบแจกันข้างๆเธอขึ้นมา แล้วขว้างไปทางเย้นหว่าน
น้ำหนักของแจกันไม่ได้เบาเลย ถ้าขว้างมาโดน คงจะได้รับบาดเจ็บแน่นอน
เย้นซินไม่ไว้หน้าให้เย้นหว่านแม้แต่น้อย
เย้นหว่านย่นคิ่ว
เย้นซวนมิ้นได้สติกลับมา จึงรีบวิ่งไปแย่งแจกันในมือของเย้นซินมาจับไว้ แล้วตะคอกเสียงดัง
“เย้นซิน หยุดเดี๋ยวนี้นะ ถึงลูกยังบ้ายังไง กูไม่ควรทำร้ายพี่สาวของตัวเอง”
“เธอไม่ใช่พี่สาวของหนู หนูเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อกับแม่ หนูไม่มีพี่สาว”
เย้นซินตะโกนอย่างโมโห ตอนที่เธอมองมาที่เย้นหว่านสีหน้าของเธอแค้นมาก
“เธอเป็นแค่เด็กกำพร้าที่ไม่มีใครต้องการ มีสิทธิ์อะไรมาแข่งกับหนู มาแย่งชิงกับหนู หนูต่างหากที่เป็นลูกสาวแท้ๆของพ่อกับแม่ พ่อกับแม่มีหนูเป็นลูกสาวแค่คนเดียว หนูไม่อนุญาตให้เย้นหว่านอยู่ที่บ้านของเรา รีบไล่เธอไป ไล่เธอไปเดี๋ยวนี้”
ความคับแค้นใจที่เย้นซินมีแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน และท่าทีของเธอเด็ดขาดมาก ไม่ปล่อยโอกาสให้เกลี้ยกล่อมเลย
เย้นหว่านขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก
เธอคิดไม่ถึงเลยว่า เย้นซินที่ยั่วยวนโห้หลีเฉินไม่สำเร็จ สุดท้ายกลับเอาความผิดทั้งหมดมาลงที่เธอ อีกทั้งยังคิดจะไล่เธอออกจากบ้านอีก
พอไม่ได้ครอบครองโห้หลีเฉิน ก็มาแก้แค้นเธออย่างนั้นเหรอ
เย้นหว่านอธิบายความรู้สึกเสียใจของตัวเองไม่ออก เธอหน้านิ่งขรึม แล้วเดินเข้าไปหาเย้นซินทีละก้าว
“ถึงแม้พี่จะเป็นแค่เด็กกำพร้า แต่พ่อกับแม่เลี้ยงดูพี่มาจนโต พี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวที่ตัดออกไม่ได้แล้ว เย้นซิน เธอไม่ใช่เด็กๆแล้ว อะไรที่เป็นของเธอ อะไรที่ไม่ใช่ของเธอ เธอจะใช้วิธีแบบนี้มาทำให้พ่อกับแม่ลำบากใจไม่ได้”
“อะไรควรเป็น อะไรไม่ควรเป็นอย่างนั้นเหรอ”
เย้นซินหัวเราะเยาะเย้ย สายตาดุร้าย “ใช่สิ คนที่ได้แต่งงานกับโห้หลีเฉินก็คือแก แกชนะแล้วนี่ แต่ว่านะเย้นหว่าน ในเมื่อแกได้โห้หลีเฉินไปแล้ว แกยังคิดว่าจะมีครอบครัวที่อบอุ่นอีกเหรอ ไม่มีทางหรอก แกฝันไปเถอะ”
เย้นซินเหยียบของที่กระจายอยู่บนพื้น เดินตรงเข้าไปหาเย้นหว่าน แล้วขยำเสื้อของเย้นหว่านไว้แน่น
สีหน้าของเธอแทบจะดูไม่ได้ “แกจะแต่งงานกับเขาก็ได้ แต่ฉันจะทำให้แกสูญเสียบ้านนี้ไป ในเมื่อฉันไม่ได้ครอบครอง แกก็อย่าหวังว่าจะมีความสุขได้”
เย้นหว่านขมวดคิ้ว “เย้นซิน ที่นี่ก็เป็นบ้านของพี่เหมือนกัน”
เย้นซินกดเสียงต่ำ คำพูดแต่ละคำ ล้วนรอดมาทางซอกฟัน
“งั้นก็ลองดู ว่าพ่อกับแม่จะแคร์แก หรือว่าฉันมากกว่า”
เย้นหว่านชะงักไป เธอรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี เหมือนหัวใจของเธอกำลังตกอยู่ในฝ่ามือของคนอื่น มันทรมานจนหายใจแทบไม่ออก
หลังจากนั้น เธอก็เห็นเย้นซินทุบแจกันข้างๆเธอจนแตก แล้วหยิบเศษแจกันบนพื้นขึ้นมาหนึ่งชิ้น
เธอจับมันไว้ในมือ
เฉียวเจียฮุ่ยเห็นอย่างนั้นก็ตกใจจนหน้าซีด ก่อนจะรีบตะโกนเรียก “เสี่ยวซิน ลูกจะทำอะไร รีบวางลงเดี๋ยวนี้นะ”
เย้นซวนมิ้นที่เคร่งขรึมมาตลอดในเวลานี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เขามองไปทางเย้นซินอย่างตกใจ กลัวว่าเธอจะทำร้ายตัวเองจริงๆ
ส่วนเย้นซินก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เธอจับเศษแจกันมาหยุดตรงข้อมือของตัวเอง ทำท่าทีเหมือนจะกรีดข้อมือ
“พ่อคะ แม่คะ ในบ้านหลังนี้ ถ้ามีเย้นหว่านก็ไม่มีหนู รีบไล่เธอออกไป ไม่อย่างนั้นหนูจะฆ่าตัวตายเดี๋ยวนี้”
“อย่านะลูก”
เฉียวเจียฮุ่ยรีบตะโกนออกมา เธอตกใจจนแทบจะเป็นลม
สีหน้าของเย้นหว่านซีดเผือด เธอมองไปที่เศษแจกันที่เย้นซินจับเอาไว้ มันเริ่มกรีดลงบนข้อมือของเย้นซินจนเลือดไหลออกมา
แน่นอนว่าเธอไม่กล้าฆ่าตัวตายจริงๆหรอก แต่เธอกลับกล้าที่ที่จะกรีดข้อมือของตัวเอง จนเลือดไหลออกมาไม่หลุด ดูไปแล้วน่าอนาถมาก
แม้แต่เย้นหว่าน ยังอดที่จะตื่นกลัวไปด้วยไม่ได้
“เย้นซิน ทำไมเธอต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย เธออาละวาดจนกลายเป็นแบบนี้ มีแต่จะทำให้ทุกคนเสียใจ เธอไม่ได้อะไรเลยนะ”
“แล้วมันยังไง ในเมื่อฉันต้องเสียใจ แกก็ต้องทุกข์ใจไปด้วย”
เย้นซินใช้เศษแจกันกรีดไปบนข้อมือของตัวเอง จนเริ่มมีแผลหลายแผล
มีหยดเลือดไหลออกมา ทำให้เฉียวเจียฮุ่ยตกใจจนทรุดตัวลงบนพื้น
“เสี่ยวซิน ลูกใจเย็นๆ อย่าทำอะไรไม่คิดนะลูก ลูกต้องการอะไรบอกแม่มา แม่ทำให้ลูกได้ทุกอย่าง แต่ลูกอย่าทำร้ายตัวเองนะลูก”
เสียงพูดของเฉียวเจียฮุ่ยปนไปด้วยเสียงร้องไห้
แต่เย้นซินกลับไม่ใจอ่อน เธอยิ่งใจแข็งมากกว่าเดิม “หนูต้องการให้เย้นหว่านออกไปจากที่นี่ ไล่เธอออกไป ไล่เธอออกไปเดี๋ยวนี้”
“ลูกอย่าคิดสั้นนะ อย่านะลูก”
เฉียวเจียฮุ่ยน้ำตาท่วมหน้า เธอหันหน้า แล้วมองไปทางเย้นหว่านด้วยท่าทีลังเล
เธอเอาแต่ร้องไห้ ไม่พูดอะไร แต่ว่า สายตาที่จ้องมองมา กลับทำให้เย้นหว่านรู้สึกเหมือนตัวเองโดนโยนลงในน้ำแข็ง มันหนาวจนแทบจะแข็งตาย
เย้นหว่านยืนนิ่ง ขอบตาเริ่มร้อน ตะลึงไปเล็กน้อย “แม่คะ…”
“เสี่ยวหว่าน… แม่ขอโทษ…”
เฉียวเจียฮุ่ยสะอึกสะอื้น เสียงที่พูดออกมาก็เบามากจนแทบจะไม่ได้ยิน
แต่ถึงจะแค่เบาๆ เย้นหว่านกลับได้ยินอย่างชัดเจน
ขอโทษ คืออยากให้เธอออกไปจากที่นี่แล้วสินะ
เย้นหว่านยืนตะลึง เธอรู้สึกสมองว่างเปล่า ข้างหูยังได้ยินเสียงของเฉียวเจียฮุ่ยที่บอกว่าขอโทษซ้ำไปซ้ำมา
เธอไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าแม่ของเธอ เลือกที่จะทอดทิ้งเธอแล้วเหรอ
“เย้นหว่าน ได้ยินแล้วใช่ไหม แม่เลือกฉัน ฉันต่างหากที่เป็นลูกสาวแท้ๆของแม่ ท่านบอกให้แกออกไป แกรีบออกไปเดี๋ยวนี้ ต่อไปนี้แกไม่ใช่ลูกสาวตระกูลเย้นอีกต่อไปแล้ว”
เย้นซินพูดอย่างสะใจ พอได้เห็นสีหน้าซีดเผือดของเย้นหว่าน เธอยิ่งรู้สึกพึงพอใจ
“พอได้แล้ว”
เย้นซวนมิ้นตะโกนออกมา ก็ฝ่อนจะขมวดคิ้วแน่นมองไปทางเย้นซิน
“จะอาละวาดก็ต้องมีขอบเขตบ้าง รีบทิ้งเศษแจกันเดี๋ยวนี้”
“หนูไม่ทิ้ง พ่อคะ ถ้าพ่อไม่ไล่เธอไป หนูจะตายให้พ่อดูจริงๆด้วย หรือว่าชีวิตของลูกสาวแท้ๆของพ่อ จะเทียบกับลูกสาวที่พ่อเก็บมาเลี้ยงไม่ได้”
เย้นซินพูดด้วยอารมณ์เสียใจ ก่อนจะกดเศษแจกันลงบนข้อมือลึกขึ้นอีก
เฉียวเจียฮุ่ยเห็นแล้วยิ่งปวดใจมากขึ้นไปอีก ความลังเลใจสุดท้ายที่มี กลายเป็นความเป็นห่วง
เธอทุบตีเย้นซวนมิ้นอย่างแรง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น “เย้นซวนมิ้น เวลาแบบนี้แล้ว คุณตะคอกอะไรของคุณ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวซิน ฉันเองก็จะตายให้คุณดู”
เย้นซวนมิ้นขมวดคิ้วมุ่น น้ำเสียงของเขาจนใจมาก “เจียฮุ่ย คุณก็เป็นไปกับลูกด้วย”
“คุณทนเห็นเสี่ยวซินเจ็บตัวเลือดไหลได้เหรอ เวลาแบบนี้ อะไรสำคัญอะไรไม่สำคัญ คุณยังไม่รู้อีกเหรอ”
พอต้องเผชิญหน้ากับคำถามของเฉียวเจียฮุ่ย สีหน้าของเย้นซวนมิ้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย ครั้งนี้เขาไม่ได้โต้ตอบอะไรออกไป
พอได้ยินคำพูดนี้ ร่างกายของเย้นหว่านก็โซเซไปมา เริ่มยืนไม่มั่นคง
อะไรสำคัญ อะไรไม่สำคัญอย่างนั้นเหรอ
เทียบกับการออยู่หรือจากไปของเย้นหว่านแล้ว แน่นอนว่าชีวิตของเย้นซินสำคัญยิ่งกว่า
ยังไงซะ ด้านหนึ่งคือชีวิตคน ส่วนอีกด้านก็แค่ไล่ออกจากบ้านไป
ยังไงซะ คนหนึ่งคือลูกแท้ๆ ส่วนอีกคนเป็นแค่ลูกเลี้ยง
นี่เป็นปัญหาตัวเลือกที่ง่ายมาก และเป็นผลลัพธ์ที่เย้นซินมั่นใจมาก แต่กลับเป็นคำตอบที่ทำร้ายจิตใจคนฟังอย่างโหดร้าย
พวกเขา ไม่ต้องการเธอแล้ว
เย้นหว่านเป็นแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่ง ตอนเด็กเธอเคยลิ้มรสการไม่มีครอบครัวมาแล้ว ดังนั้นตอนที่คู่สามีภรรยาตระกูลเย้นรับเธอมาเลี้ยงดู เธอจึงดูแลพ่อแม่บุญธรรมทั้งสองอย่างดี ปกป้องรักษาความรู้สึกเป็นครอบครัวนี้ไว้อย่างดี
หลายปีมานี้ เธอคิดเสมอว่าที่นี่คือบ้านของเธอ คอยดูแลเฉียวเจียฮุ่ยกับเย้นซวนมินเเหมือนเป็นพ่อแม่แท้ๆของเธอ
แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่า จะมีวันหนึ่ง ที่เธอต้องสูญเสียความอบอุ่นของครอบครัวไป แล้วต้องกลายเป็นคนไม่มีบ้านให้กลับอีกครั้ง