บทที่ 186 เขากำลังรอเธออยู่
บริษัท
หลังจากโห้หลีเฉินประชุมเสร็จ ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงถึงจะถึงเวลาเลิกงาน
พาเย้นหว่านไปแต่งหน้าทำผม เวลากำลังพอดี
พอแยกย้าย โห้หลีเฉินก็ตรงไปที่ห้องแต่งหน้า และสั่งให้เว่ยชีไปดูว่าเย้นหว่านกำลังทำอะไร ถ้างานไม่ยุ่ง ก็พาเธอมาหาเขา
เย้นเหวินหนานรออยู่ในห้องแต่งหน้านานแล้ว พอเห็นโห้หลีเฉินเดินเข้ามา เย้นเหวินหนานก็ยกแก้วไวน์ในมือขึ้น
“สุขสันต์วันเกิด”
“ขอบคุณ”
เห็นได้ชัดว่าโห้หลีเฉินอารมณ์ดีไม่น้อย เขาเดินไปนั่งลงบนโซฟาอย่างสบายใจ
เย้นเหวินหนานมองไปทางประตู “เย้นหว่านยังไม่มาเหรอ”
เขารออยู่ที่นี่ ก็เพื่อช่วยเย้นหว่านแต่งหน้าทำผม ส่วนโห้หลีเฉิน เขาเป็นผู้ชาย จึงไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าอะไรมาก อีกอย่างโห้หลีเฉินมีหน้าตาหล่อเหลามาก แค่แต่งเติมเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว
โห้หลีเฉินพยักหน้า ก่อนจะหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มอย่างสง่า
เย้นเหวินหนานมองไปทางประตู แต่ไม่เห็นมีคนเดินตามมา จึงหัวเราะแล้วพูดหยอกล้อทันที “หลีเฉิน หลายปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นายจัดงานวันเกิดด้วยตัวเอง แล้วยังจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ นายมีแผนอะไรออยู่หรือเปล่า”
“นายคิดว่ายังไงล่ะ”
โห้หลีเฉินถามกลับ แล้วจิบไวน์เล็กน้อย พร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์
เย้นเหวินหนานพอจะเดาได้บ้างแล้ว จึงอุทานออกมา
“หึหึ เพื่อเย้นหว่านจริงๆด้วย งานหมั้นถึงแม้จะจัดอย่างยิ่งใหญ่ แต่แขกที่ไปร่วมงานมีแค่ญาติพี่น้องตระกูลโห้เท่านั้น แต่งานวันเกิดในครั้งนี้ นายกลับเชิญบรรดาผู้มีชื่อเสียงในเมืองเฉิงหนานมาทั้งหมด นี่นายคิดจะแนะนำเย้นหว่านให้ทุกคนรู้จักอย่างเป็นทางการสินะ”
ถึงแม้บนสื่อโทรทัศน์หรืออินเตอร์เน็ตจะประกาศความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเย้นหว่านแล้ว อีกทั้งทางตระกูลโห้ยังปล่อยข่าวออกมาว่ากำลังเตรียมงานแต่งงานอยู่ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเย้นหว่าน กลับยังไม่ได้ออกมากล่าวยอมรับต่อหน้าทุกคนสักที
และสิ่งที่เขาต้องการจะให้เย้นหว่าน ก็คือทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกหลักธรรมนองคลองธรรม
“ต๊อกต๊อกต๊อก”
เสียงก้าวเดินดังมาจากทางเดินด้านนอก
โห้หลีเฉินที่กำลังจับแก้วไวน์ไว้หยุดชะงักลง สายตามองไปที่ประตูทางเข้า ด้วยท่าทางตั้งตารอ
พอเสียงก้าวเดินใกล้เข้ามา แต่คนที่ปรากฏตัวตรงประตู กลับเป็นเงาของผู้ชาย
เว่ยชีเดินเข้ามา ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และด้านหลังของเขา ไม่มีใครตามมา
ในใจมีความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย โห้หลีเฉินมองไปทางเว่ยชี ด้วยสายตาคาดคั้นคำตอบ
เว่ยชีรู้สึกผิด เขาลังเลอยู่สักพักก่อนจะพูดขึ้นมา “เจ้านายครับ ผมไปที่ฝ่ายออกแบบมา พวกเขาบอกว่าคุณเย้นออกจากบริษัทตั้งแต่เที่ยงแล้วครับ และไม่ได้บอกไว้ด้วยว่าจะกลับมาเมื่อไหร่”
โห้หลีเฉินย่นคิ้ว “เธอไปไหน”
“ไม่ได้บอกไว้ครับ”
พอเว่ยชีพูดจบ เห็นสีหน้าของโห้หลีเฉินก็นิ่งขรึมลง จึงรีบพูดเสริม “คุณเย้นอาจจะมีธุระออกไปข้างนอกก็ได้นะครับ เดี๋ยวอีกสักพักก็น่าจะกลับมาแล้ว”
เย้นเหวินหนานรีบพูดสนับสนุน “ใช่แล้ว ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าจะเลิกงาน รอเย้นหว่านกลับมาก็ยังทันเวลา”
โห้หลีเฉินเม้มปากนั่งนิ่ง บรรยากาศรอบตัวเย็นยะเยือก
เวลาหนึ่งชั่วโมงผ่านไปในชั่วพริบตา
ถึงเวลาเลิกงานแล้ว แต่เย้นหว่านก็ยังไม่กลับมาที่บริษัท
สีหน้าของโห้หลีเฉินยิ่งไม่น่าดูมากขึ้น เขามองไปที่ประตูบ่อยๆ แต่กลับไม่เห็นเงาของเย้นหว่านเลยแม้แต่น้อย
เธอไปไหนแล้ว
เย้นเหวินหนานเองก็นั่งรออยู่ข้างๆ ยิ่งรอก็ยิ่งร้อนใจ
วันสำคัญขนาดนี้ เย้นหว่านไปไหนของเธอกันนะ
เวลานี้แล้ว งานเลี้ยงใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว เธอยังไม่ได้แต่งหน้าทำผม เขากลัวว่าจะไม่ทันการแล้ว
เย้นเหวินหนานพูดกับเว่ยชี “นายลองไปดูอีกครั้ง ว่าเย้นหว่านกลับมาแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่กลับมา ก็รีบไปสืบมา ว่าเธอไปไหน”
“ได้ครับ”
เว่ยชีเตรียมจะเดินออกไปข้างนอก
“ไม่ต้องแล้ว”
โห้หลีเฉินโบกมือห้าม ก่อนจะลุกขึ้นยืน
เย้นเหวินหนานมีสีหน้าร้อนใจ ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนตาม ก่อนจะพูดเกลี้ยกล่อม “หลีเฉิน เย้นหว่านอาจจะมีธุระจริงๆ นายอย่าเพิ่งโมโห พวกเรารอเธอก่อนเถอะ”
เย้นเหวินหนานส่งสายตาให้เว่ยชี ให้เขาพูดเกลี้ยกล่อมโห้หลีเฉินด้วย
เว่ยชีรับรู้ถึงความหมาย รีบเอ่ยปากพูด “ใช่ครับ เจ้านาย คุณเย้นอาจจะกำลังอยู่ระหว่างทางกลับมาอยู่ก็ได้นะครับ”
โห้หลีเฉินไม่สนใจพวกเขา เขาเดินไปที่หน้าต่าง แล้วมองลงไปข้าล่าง
เขามองจากมุมสูง จึงมองเห็นประตูทางเข้าบริษัทชัดเจน
คนที่เดินไปมา ล้วนแต่เป็นพนักงานในบริษัทที่กำลังเลิกงานกลับบ้าน ไม่มีสักคนที่เดินย้อนศรกลับมาในบริษัท
สีหน้าของโห้หลีเฉินหม่นหมองลง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดโทรหาเย้นหว่าน
“ตรู๊ดตรู๊ดตรู๊ด”
เสียงโทรศัพท์ดัง แต่ว่า จนถึงสายตัดไป ก็ไม่มีคนรับสาย
โห้หลีเฉินปิดหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะยืนเหม่อมองออกไปข้างนอก
เช้าวันนี้เย้นหว่านทำท่าทางเหมือนไม่อยากจะไปที่งานเลี้ยง แต่เธอตอบตกลงอย่างจำใจ และยังขอมาทำงานที่บริษัท หรือว่า…เธอจะผิดสัญญากับเขา แล้วหนีไปแล้ว
พอคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของโห้หลีเฉินก็เสีย สองมือกำหมัดแน่น จนเหมือนโทรศัพท์ที่อยู่ในมือจะแตกละเอียดไปด้วย
เว่ยชียืนตกใจอยู่ข้างๆ เขาถอยหลังไปหลายก้าว รักษาระยะห่างหับโห้หลีเฉินไว้ จะได้ไม่ต้องกลายเป็นที่ระบายอารมณ์
เย้นเหวินหนานเองก็ขมวดคิ้วแน่น โห้หลีเฉินอุตส่าห์จัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งหมดก็เพื่อเย้นหว่านคนเดียว แต่ตัวหลักของงานในคืนนี้ กลับหายตัวไป
เรื่องนี้เย้นหว่านทำมากเกินไปจริงๆ
ในใจของเขารู้สึกไม่พอใจ แต่ดูจากที่พวกเขารู้จักกันมา เย้นหว่านไม่น่าจะเป็นคนนิสัยแบบนี้ไปได้
เขาลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะพูดขึ้นมาอีกว่า “ในเมื่อเย้นหว่านตอบตกลงกับนายว่าจะมา เธอก็ต้องมาอย่างแน่นอน เอาอย่างนี้ไหม พวกเราไปที่งานกันก่อน แล้วไปรอเธออยู่ที่นั่น”
“ใกล้จะถึงเวลาเริ่มงานแล้ว เจ้านายครับ พวกเราควรจะเดินทางไปที่งานได้แล้วครับ” เว่ยชีเอ่ยเตือนเบาๆ
โห้หลีเฉินยืดตัวตรง บรรยากาศรอบตัวเย็นชามาก
ที่เขาให้ความสำคัญกับงานในคืนนี้ ก็เป็นเพราะว่าเย้นหว่าน แต่ตอนนี้เย้นหว่านกลับไม่อยู่ เขาก็หมดความสนใจกับงานในคืนนี้ไปแล้ว
แต่ถึงเขาจะไม่อยากไปแล้ว เขาก็ต้องไปอยู่ดี
ส่วนเธอ…
โห้หลีเฉินมองลงไปข้างล่างบริษัท ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วพิมพ์ข้อความ ส่งตำแหน่งที่จัดงานในคืนนี้ไปให้เย้นหว่าน
เขามองข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างเหม่อลอย
เธอ จะมาหรือเปล่า
… …
พอได้ยินคำพูดของกู้จื่อเฟย เย้นหว่านถึงได้นึกขึ้นได้
เช้าวันนี้เพราะอะไรโห้หลีเฉินถึงได้เตรียมชุดราตรีสุดหรูให้เธอ เพราะอะไรเขาถึงได้บอกให้เธอหยุดงานหนึ่งวัน เพราะอะไรเขาถึงได้ให้ความสำคัญกับงานในคืนนี้มาก
แต่เธอกลับไม่พูดอะไรสักคำ ก็ออกมาแล้ว
เย้นหว่านรู้สึกผิดมาก เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เตรียมจะกดโทรหาโห้หลีเฉิน
พอเปิดโทรศัพท์ดู ก็พบว่ามีสายที่ไม่ได้รับหนึ่งสาย แล้วยังมีข้อความอีกหนึ่งข้อความ เป็นข้อความที่โห้หลีเฉินส่งมา
เธอรีบกดเปิดอ่านข้อความ แล้วพบว่าในข้อความเขียนตำแหน่งที่อยู่ไว้ คฤหาสน์เซียวเออร์
น่าจะเป็นที่อยู่ที่จัดงานในคืนนี้ โห้หลีเฉินหมายความว่าจะรอเธออยู่ในงานอย่างนั้นเหรอ
เย้นหว่านรีบลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันไปพูดกับกู้จื่อเฟย “จื่อเฟย ฉันต้องไปข้างนอก คงต้องให้พยาบาลคอยดูแลเธอไปก่อน ได้ไหม”