บทที่ 185 ต้องการให้คุณออกงานอย่างอลังการ
โห้หลีเฉินพูดเสียงต่ำ “ไม่ใช่งานพิเศษอะไรหรอก”
งานเลี้ยงธรรมดาทั่วไป จำเป็นต้องตัดชุดราตรีหรูหราขนาดนี้ด้วยเหรอ โห้หลีเฉินจะใช้เงินฟุ่มเฟือยไปหรือเปล่า
เย้นหว่านบ่นพึมพำ ก่อนจะเดินดูรอบชุดราตรีสามรอบ เพื่อชื่นชมผลงานออกแบบของดีไซเนอร์ชื่อดัง
เย้นหว่านนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบหันหน้ากลับไปมองโห้หลีเฉิน
“คุณโห้คะ ฉันเลิกงานกลับมา แล้วค่อยมาแต่งหน้าทำผม ก็น่าจะทันเวลาไปงานเลี้ยงนี่คะ”
โห้หลีเฉินเม้มปาก “ทันเวลา คุณเอาชุดไปที่บริษัทด้วย ที่บริษัทมีช่างแต่งหน้าให้เขาช่วยแต่งหน้าคุณเลยก็ดี”
โห้หลีเฉินพูดขึ้นมาอีก “ที่จริงวันนี้คุณไม่ต้องไปทำงานก็ได้ ช่วงเช้าคุณพักผ่อนให้สบาย ส่วนช่วงบ่ายค่อยแต่งหน้าทำผม ตอนกลางคืนเราค่อยออกเดินทาง”
ฟังดูแล้ว ดูเหมือนจะเป็นการจัดการที่ไม่เลวเลยทีเดียว
เย้นหว่านลังเลใจอยู่สักพัก แต่ก็ยังส่ายหน้าปฏิเสธ “งานที่บริษัทฉันยังทำไม่เสร็จ อยู่ที่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ ฉันไปเคลียร์งานที่บริษัทดีกว่าค่ะ คุณโห้คะ วันนี้คุณไม่ไปบริษัทเหรอคะ”
เย้นหว่านพูดด้วยความสงสัย เช้าวันนี้โห้หลีเฉินไม่ได้ตื่นนอนก่อนเธอ ดูท่าเขาคงจะตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไม่ไปที่บริษัท
งั้นเธอไปที่บริษัทคนเดียว จะสะดวกหรือเปล่า
พอเห็นสีหน้าของเย้นหว่าน โห้หลีเฉินก็มองความคิดของเธอออกทั้งหมด
จริงอยู่ที่งานเลี้ยงคืนนี้เขาให้ความสำคัญมาก ดังนั้นเขาจึงตั้งใจหยุดงานหนึ่งวัน ไม่ไปที่บริษัท แล้วยังเตรียมสั่งงานลูกน้องไว้แล้ว ให้ตอนบ่ายมาแต่งหน้าทำผมให้เย้นหว่าน
แต่ว่า โห้หลีเฉินยังคงพยักหน้าให้ “ไปอยู่”
เย้นหว่านได้ยินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะยิ้มละไม แล้วพูด “งั้นหลังจากเลิกงานแล้ว พวกเราออกเดินทางจากบริษัทเลยนะคะ”
“ได้ครับ”
โห้หลีเฉินพยักหน้าตกลง
ยังคงเหมือนเดิม หลังจากที่เย้นหว่านกับโห้หลีเฉินมาถึงบริษัทด้วยกัน ก็แยกย้ายกันไปทำงานส่วนของตัวเอง
หลังจากจัดงานแถลงข่าวเรียบร้อย เธอก็ได้เป็นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงแล้ว งานในมือจึงเยอะขึ้นด้วย
ก็ถือว่าเป็นงานที่มีอิสระ เย้นหว่านมาถึงห้องทำงานก็เริ่มวางแผนงานทั้งหมด ใช้เวลาที่มีให้เป็นประโยชน์ที่สุด ก่อนจะไปหาเย้นเหวินหนานเพื่อขอให้ช่วยแต่งหน้าทำผมให้เธอ
แบบนี้พอเลิกงานจะได้เดินทางไปพร้อมกับโห้หลีเฉินได้เลย ไม่ทำให้เขาต้องเสียเวลาด้วย
เย้นหว่านวางแผนอย่างดี แต่ว่า เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกะทันหัน
“กริ๊งกริ๊งกริ๊ง”
เสียงโทรศัพท์ของเย้นหว่านดังขึ้นมา สายที่โทรเข้ามาคือกู้จื่อเฟย
ในเวลาแบบนี้กู้จื่อเฟยโทรมาหาเธอทำไมกัน
เย้นหว่านประหลาดใจ แต่ก็รีบกดรับสายทันที “ฮัลโหล จื่อเฟย”
“ฮือฮือฮือ เสี่ยวหว่าน ช่วยฉันด้วย รีบมา…”
อีกฝั่งของโทรศัพท์ มีเสียงร้องไห้ของกู้จื่อเฟยดังเข้ามา
เย้นหว่านตกใจ “จื่อเฟย เธอเป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้น”
“ฉันเจ็บท้องมากเลย เหงื่อไหลเต็มตัวไปหมด ลุกขึ้นยืนก็ไม่ไหว เจ็บจะตายอยู่แล้ว พ่อกับแม่ฉันเดินทางไปทำธุระต่างเมือง ฉันไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใครแล้ว นอกจากเธอ…”
“เธออย่าเพิ่งรีบร้อน เดี๋ยวฉันจะรีบไปหาเธอ รีบบอกมาว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”
เย้นหว่านพูดไปด้วยเก็บกระเป๋าไปด้วย ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป
ลั่วอานเห็นเย้นหว่านจะออกไปข้างนอก จึงรีบวิ่งตามมา แล้วถามอย่างสงสัย “พี่เย้นหว่านคะ เกิดอะไรขึ้นคะ”
“เพื่อนของพี่ไม่สบาย พี่ต้องไปหาเธอ”
เย้นหว่านพูดสั่งงานเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินออกไปทันที
เธอเดินเข้าไปในลิฟต์ ก่อนจะนึกขึ้นได้เรื่องที่ตอบตกลงจะไปงานเลี้ยงกับโห้หลีเฉินคืนนี้ แต่คืนนี้เธอคงไปร่วมงานไม่ได้แล้ว
เธอจึงรีบกดโทรหาโห้หลีเฉินทันที
“ตรู๊ดตรู๊ดตรู๊ด”
เสียงโทรศัพท์ดังอยู่สักพัก แต่ก็ไม่มีคนรับสาย
เย้นหว่านลังเลใจ ก่อนจะกดลิฟต์ขึ้นไปชั้นสูงสุดที่เป็นห้องทำงานของประธานบริษัท
พอขึ้นมาถึง เธอยังเดินไม่ถึงห้องทำงานของประธานบริษัท ตอนที่เดินผ่านห้องประชุม พอมองเข้าไปข้างในผ่านกระจก พบว่าโห้หลีเฉินกำลังนั่งประชุมอยู่ข้างในนั้น
และคนที่อยู่ในห้องประชุม ดูเหมือนจะเป็นบรรดาผู้บริหารของบริษัททั้งหมด
ดูท่าการประชุมในครั้งนี้ จะสำคัญมาก
เธอจะเข้าไปรบกวนโห้หลีเฉินไม่ได้ พอคิดได้แบบนั้น เย้นหว่านก็หันหลังกลับ แล้วเดินเข้าไปในลิฟต์อีกครั้ง
เธอคิดว่ารอให้โห้หลีเฉินประชุมเสร็จแล้ว เธอค่อยโทรหาเขาอีกที
เย้นหว่านเรียกรถแท็กซี่ แล้วตรงไปที่บ้านของกู้จื่อเฟย
ตอนที่เธอมาถึง กู้จื่อเฟยกำลังนอนม้วนตัวอยู่บนเตียง สีหน้าซีดเซียว มีเหงื่อไหลเต็มหน้า ดูแล้วคงจะทรมานมาก
“จื่อเฟย เธอเป็นอะไรไป”
เย้นหว่านรีบเดินเข้าไปหา ก่อนจะช่วยพยุงเธอลุกขึ้นมา
ในเวลานี้กู้จื่อเฟยอ่อนเพลียมาก แทบจะไม่มีเรี่ยวแรง เสียงของเธอเบามาก “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ๆมันก็เจ็บขึ้นมา เหมือนจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ เสี่ยวหว่าน เธอช่วยพาฉันไปโรงพยาบาลที”
“ได้ เธอทนไว้ก่อนนะ ฉันจะรีบพาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย”
เย้นหว่านช่วยพยุงกู้จื่อเฟยขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก
พอมาถึงโรงพยาบาล กู้จื่อเฟยก็ถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินทันที
เย้นหว่านยืนรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างร้อนใจ เธอเดินไปเดินมาไม่หยุด กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับกู้จื่อเฟย
ถึงแม้กู้จื่อเฟยจะเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ แต่เธอไม่เคยทำตัวเอาแต่ใจ เธอเป็นเพื่อนกับเย้นหว่านตั้งแต่สมัยมัธยมต้น ตอนนั้นพวกเธอรู้สึกถูกชะตากันจึงเล่นด้วยกัน
หลังจากที่ผ่านไปหลายปี พวกเธอก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกันมาตลอด
“กริ๊ง”
ไม่รู้ว่าเธอรอมานานเท่าไหร่แล้ว ในที่สุดประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกมา
เย้นหว่านรีบเดินเข้าไป ก่อนจะเห็นกู้จื่อเฟยนอนหมดสติอยู่บนเตียง จึงรีบถามหมอ “คุณหมอคะ เพื่อนของฉันเป็นยังไงบ้างคะ”
“คนไข้เป็นไส้ติ่งอักเสบครับ ตอนนี้ทำการผ่าตัดเรียบร้อย ต่อจากนี้แค่พักรักษาตัวดีๆ ก็ไม่เป็นอะไรมากแล้วครับ”
หมอพูดเสร็จ ก็ถอดหน้ากากอนามัยออก แล้วเดินจากไป
เย้นหว่านวางใจขึ้นมาบ้าง เธอเดินตามหลังพยาบาลที่เข็นเตียงคนไข้ที่มีกู้จื่อเฟยนอนอยู่ไปที่ห้องพักคนไข้
ห้องพักคนไข้วีไอพี สะอาดและเงียบสงบมาก
หลังจากที่เย้นหว่านฟังคำแนะนําของพยาบาลจนจบ ก็เดินไปส่งพยาบาลออกจากห้อง
เธอหันหลังกลับเข้าห้อง พบว่ากู้จื่อเฟยลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว
เย้นหว่านรีบเดินเข้าไปหาเธอ ก่อนจะถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง “ตื่นแล้วเหรอ รู้สึกเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม”
“ยาชายังไม่หมดฤทธิ์ ก็เลยยังไม่รู้สึกอะไรเลย”
เสียงพูดของกู้จื่อเฟยอ่อนแรงมาก แต่รอยยิ้มของเธอยังคงหลงเหลืออยู่
เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ที่รู้สึกเจ็บจนแทบตาย ตอนนี้เธอกลับมาเป็นกู้จื่อเฟยผู้ร่าเริงอีกครั้ง
“เสี่ยวหว่าน ขอบใจนะ โทรไปหาเธอแบบกะทันหัน แต่เธอก็รีบเดินทางไปพาฉันมาโรงพยาบาล”
“ขอบใจอะไรกัน เธอเป็นเพื่อนรักของฉันนะ เธอต้องการความช่วยเหลือฉันก็ต้องมาเป็นคนแรกอยู่แล้ว”
เย้นหว่านเดินมาที่เตียงคนไข้ ช่วยกู้จื่อเฟยคลุมผ้าห่ม ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง
กู้จื่อเฟยยิ้มแฉ่ง “สมแล้วที่เป็นเพื่อนรักของฉัน ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมาก รอฉันหายดีจะจูบทดแทนให้นะ”
พอพูดจบ เธอก็มองไปทั่วห้อง แต่ก็ไม่เห็นนาฬิกา
จึงถามขึ้นมา “เสี่ยวหว่าน กี่โมงแล้ว”
เย้นหว่านดูนาฬิกาข้อมือ แล้วตอบ “หนึ่งทุ่มครึ่งแล้ว มีอะไรหรือเปล่า”
“หนึ่งทุ่มครึ่งแล้วเหรอ”
กู้จื่อเฟยตกใจ มองหน้าเย้นหว่านอย่างอารมณ์เสีย “ถ้ารู้อย่างนี้ฉันโทรเรียกรถพยาบาลไม่โทรเรียกเธอมาดีกว่า เอ่อ ฉันทำให้เธอเสียเวลาถึงขนาดนี้ ตอนนี้เธอยังไปทันไหมเนี่ย”
เย้นหว่านประหลาดใจ “ยังไปทันไม่ทันอะไรเหรอ”
“ก็งานเลี้ยงของคุณโห้หลีเฉินไง วันนี้เป็นวันเกิดของเขา เธอเป็นคู่หมั้นของเขา เขาต้องเชิญเธอไปด้วยอยู่แล้ว”
เย้นหว่านตกตะลึงไปทันที
หมายความว่ายังไง วันนี้เป็นวันเกิดของโห้หลีเฉินอย่างนั้นเหรอ
งั้นงานเลี้ยงในคืนนี้ก็คืองานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเขาน่ะสิ…