บทที่ 207 ทำตัวน่ารังเกียจเหมือนสัตว์
ไม่นานปิ้งย่างของทั้งคู่ก็เสร็จเรียบร้อย พ่อค้าจึงถือจานสองจานมาวางไว้บนโต๊ะ
“นี่ของคุณผู้หญิงครับ แบบมีพริก ส่วนนี้ของคุณผู้ชายครับ แบบไม่มีพริก”
จานได้ถูกวางไว้ด้านหน้าของทั้งคู่อย่างเหมาะเจาะ
ฉูรั่วไป๋ไม่ทานเผ็ด ส่วนเย้นหว่านทานเผ็ด
ดังนั้นจึงแบ่งทำเป็นสองจาน
เย้นหว่านมองดูจานสองใบตรงหน้าก็รู้สึกไม่คุ้นเคย นี้ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยที่เธอได้มาเจอสถานการณ์อย่างนี้
เธอและฉูรั่วไป๋นั้นมีรสนิยมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ฉูรั่วไป๋รู้สึกสบายใจ หยิบไม้ปิ้งย่างขึ้นมากัด
“อืม รสชาติไม่เลวเลย คุณลองชิมดูสิ”
ในขณะที่พูดเขาก็หยิบไม้ปิ้งย่างในจานของเย้นหว่านยื่นจ่อไปที่ปากของเธอ
ในระยะห่างแค่นี้เย้นหว่านสามารถอ้าปากงับเลยก็ได้
เย้นหว่านงุนงง ฉูรั่วไป๋พยายามจะป้อนเธองั้นเหรอ?
เกรงว่าจะไม่ใช่
ในใจของเธอกำลังสับสน ก่อนรีบยื่นมือไปรับไม้ปิ้งย่างจากมือของฉูรั่วไป๋ “งั้นเดี๋ยวฉันชิม”
สีหน้าเธอยิ้มรับอย่างมีมารยาท แต่ทว่าการกระทำกลับพยายามทิ้งระยะห่าง
ฉูรั่วไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองดูเย้นหว่านอย่างงงงวย
ตั้งแต่ตอนกลางวันจนถึงตอนนี้ บรรยากาศระหว่างพวกเขาก็ดูเหมือนว่าจะใกล้ชิดกันขึ้น แล้วทำไมเย้นหว่านกับดูถอยห่างออกไป?
อาจจะเป็นเพราะว่าอยู่ข้างนอกเลยเขิน?
เมื่อฉูรั่วไป๋คิดว่าอาจจะเป็นเพราะอย่างนั้น เขาจึงมองเธออย่างครุ่นคิดก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก
“บังเอิญว่าต้นฉบับการออกแบบของKISSอยู่ใกล้วิลล่าแถวนี้พอดี เดี๋ยวผมพาคุณไปดู ถ้าคุณชอบผมก็จะมอบมันให้คุณ”
KISSเป็นแบบชุดผู้หญิงที่สร้างชื่อเสียงให้กับฉูรั่วไป๋ได้เป็นอย่างมาก แล้วยังเป็นชิ้นงานที่เย้นหว่านชอบมากที่สุด
เย้นหว่านมองไปที่ฉูรั่วไป๋ด้วยความประหลาดใจ “ได้จริงเหรอคะ?”
“แน่นอนสิครับ”
เย้นหว่านจึงไม่มีอารมณ์ที่จะทานปิ้งย่างอย่างช้าๆ แล้ว เธอจึงหยิบเอาไม้ปิ้งย่างที่เหลืออยู่ในจานมากินรวดเดียว
หลังจากนั้นจึงเช็ดมือและนั่งรอฉูรั่วไป๋
เธอรีบอยากจะเห็นต้นฉบับของKISSแล้ว แต่เธอก็เกรงใจฉูรั่วไป๋ไม่กล้าเร่งเร้าเขา
เมื่อฉูรั่วไป๋เห็นท่าทางรีบร้อนของเย้นหว่านเขาก็ยิ้มออกมา เพียงหาเหตุผลให้เธอเข้าไปในห้องทีนี้ก็ไม่ต้องปกปิดอะไรกันแล้ว
ฉูรั่วไป๋เล่นไปตามน้ำกับเย้นหว่านไปทั้งวันแล้ว คืนนี้ต่างหากที่จะเป็นเป้าหมายสำคัญ
ถ้าชอบมากพอ ก็จะเก็บเอาไว้
เขาไม่ได้กินปิ้งย่างที่เหลือต่ออีก เพียงเช็ดมือแล้วหยัดตัวลุกขึ้น
“ไปกันครับ พวกเรากลับไปกันเถอะ”
เย้นหว่านมองไปที่ปิ้งย่างที่เหลืออยู่เกินครึ่งหนึ่งก็รู้สึกเกรงใจ “คุณกินเสร็จแล้วเหรอคะ? ฉันไม่รีบ จริงๆ คุณค่อยๆ กินก็ได้นะ”
แน่นอนว่าต้องเป็นเพราะเธอแสดงอาการออกมาชัดเจนมากเกินไป ดังนั้นจึงทำให้ฉูรั่วไป๋ต้องหยุดกินแล้วพาเธอไป
ฉูรั่วไป๋ส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับ ผมกินเสร็จแล้ว”
ฉูรั่วไป๋ยังยืนหยัดคำเดิม ด้านเย้นหว่านก็เกรงใจเลยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก จึงเดินไปด้วยกันกับฉูรั่วไป๋ไปยังวิลล่าที่อยู่ใกล้ๆ
วิลล่าของเขาอยู่ห่างจากนี้ไม่ไกลมาก เดินเพียงสิบกว่านาทีก็ถึงที่หมาย
ตำแหน่งวิลล่าสุดหรูนี้ตรงอยู่ตรงใจกลางเมือง ทั้งยังมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทำให้ดูเป็นสถานที่ที่ดูเงียบสงบท่ามใจกลางเมือง
เป็นสถานที่ที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
เย้นหว่านอดที่จะชื่นชมฉูรั่วไป๋มากขึ้นไม่ได้จริงๆ เขาคู่ควรที่จะเป็นไอดอลของเธอมาก ช่างเป็นบุคคลที่รสนิยมดีมากจริงๆ
วิลล่าของฉูรั่วไป๋ได้รับการตกแต่งดีมาก ทั้งดูเป็นผลงานที่มีระดับ ศิลปะการตกแต่งก็สวยไปทุกมุม
ลักษณะการแต่งบ้านก็ช่างแตกต่างกับโห้หลีเฉินอย่างสิ้นเชิง
เย้นหว่านตกใจ ทำไมเธอถึงกลับไปนึกถึงโห้หลีเฉินอีกแล้วล่ะ? นี้เพียงผ่านมาแค่วันเดียวทว่าเธอกับเอาแต่นึกถึงเรื่องของโห้หลีเฉินอยู่ตลอด
เธอหนีออกมาเพื่อหาอิสระให้ตัวเอง
เย้นหว่านจึงตบหน้าตัวเองเพื่อไล่ความคิดเกี่ยวกับโห้หลีเฉินออกไป
ฉูรั่วไป๋เห็นการกระทำของเย้นหว่านก็ยกยิ้ม ดวงตาของเขามีเปลวไฟลุกโชนขึ้น
เธอกำลังปลุกอารมณ์ให้กำลังใจตัวเองงั้นเหรอ? ดูท่าว่าเธอคงเตรียมพร้อมแล้ว
ฉูรั่วไป๋ไม่มัวมาพะว้าพะวังอะไรอีก เขาพาเย้นหว่านเข้าไปที่ห้องของตัวเอง
เมื่อเดินเข้าไปยังห้องนอน สายตาของเย้นหว่านก็มองไปเห็นผลงานการออกแบบที่แขวนไว้ที่ผนัง ผลงานทุกชิ้นล้วนแล้วแต่เป็นการออกแบบของฉูรั่วไป๋
นอกจากนี้ทุกชิ้นยังเป็นต้นฉบับทั้งหมด
ดวงตาของเย้นหว่านเปร่งประกาย รีบเดินตามเข้าไปอย่างเร็ว
“คุณฉู ฉันขอดูได้ไหมคะ?”
“ได้สิครับ”
ฉูรั่วไป๋จ้องมองเย้นหว่านที่เดินเข้าไป ก่อนจะยื่นมือไปปิดประตู
หลังจากนั้นเขาก็ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก ก่อนจะเดินเข้าไปหาเย้นหว่าน สายตาของเขาสื่อความหมายอย่างลึกซึ้งและร้อนแรง
ความสนใจทั้งหมดของเย้นหว่านตอนนี้ได้ถูกผลงานเหล่านั้นดึงดูดไปหมดแล้ว เธอจึงไม่ได้สังเกตเห็นการกระทำของฉูรั่วไป๋เลยสักนิด
เธอเต็มไปด้วยความพอใจ ไม่คาดคิดเลยว่าวันหนึ่งเธอจะได้มีโอกาสมาเห็นต้นฉบับของผลงานเหล่านี้
“คุณฉูช่วยถ่ายรูปให้ฉันได้ไหม…”
ระหว่างที่เย้นหว่านพูดเธอก็หมุนตัวกลับไปหาฉูรั่วไป๋ ผลก็คือเมื่อหันไปแล้วก็พบว่าร่างของชายหนุ่มซ้อนอยู่ด้านหลังซึ่งใกล้กับเธอมาก
มือของชายหนุ่มสัมผัสเข้ากับเอวบางของเธอ ก่อนที่เขาจะกอดเธอเอาไว้
เธอจมอยู่ในอ้อมกอดของเขา ลมหายใจอุ่นๆ จากอีกฝ่ายที่กระทบเข้ากับใบหน้าของเธอนั้นยิ่งทำให้ใจของเธอรู้สึกสั่นไหว
เย้นหว่านแข็งทื่อก่อนจะรีบร้อนผลักฉูรั่วไป๋ออก
“คุณฉู คุณทำอะไร?”
“คุณว่าไงนะ?”
ฉูรั่วไป๋ที่ยังกอดเย้นหว่านเอาไว้ เอ่ยกระซิบจนไอร้อนจากเข้ากระทบเข้าที่ข้างหูของเธอ แล้วมือของเขาก็ลูบขึ้นมาตามอำเภอใจ
เย้นหว่านแข็งทื่อไปทั้งตัว ไม่คาดว่าทำจู่ๆ ถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับเธอได้
เธอมองว่าเขาเป็นไอดอล ทั้งยังมีความเป็นสุภาพบุรุษ ดังนั้นเธอจึงได้ตามเขามาในบ้านอย่างไม่ลังเลสงสัย
“คุณฉู ได้โปรดระวังการกระทำของคุณด้วย!”
เย้นหว่านแสดงอาการดิ้นรนออกมา
ฉูรั่วไป๋คิดว่านี้เป็นเรื่องความยินยอมของทั้งคู่ จึงไม่ได้คิดว่าเย้นหว่านจะพยายามต่อต้านขัดขืนขนาดนี้ จนไม่ทันระวังจึงถูกเธอผลักออกห่าง
เมื่อได้รับอิสระแล้วเย้นหว่านก็รีบหนีไปที่ประตู
ฉูรั่วไป๋ขมวดคิ้ว อาศัยความได้เปรียบจากขายาวๆ ของเขารีบตามติดเย้นหว่านไปที่ประตู
เขาจับไหล่ของเธอเอาไว้ ก่อนจะกดเข้ากับกำแพง พลางก้มหน้าต่ำมองดูเธอ
จากระยะห่างที่ใกล้กันมาก จนทำให้สามารถจูบลงไปเมื่อไหร่ก็ได้
“เย้นหว่านคุณเล่นสนุกมามากพอแล้ว คุณควรจะหยุดมันได้แล้วนะ”
เขากดเสียงต่ำอย่างไม่อดทนอีกต่อไป
เมื่อเย้นหว่านมองเห็นสายตาที่คุ้นเคยของชายหนุ่มกำลังจ้องมองมาอย่างเร่าร้อน ก็ยิ่งเกร็งไปทั้งตัวและตื่นตระหนก
เธอพยายามดิ้นเพื่อให้หลุด ทั้งยังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังหมายถึงอะไร คุณฉู ฉันเห็นว่าคุณเป็นไอดอลของฉัน ฉันชื่นชมคุณ แล้วทำไมคุณถึงทำแบบนี้กับฉัน?”
ในมุมมองของเย้นหว่านที่มีในตอนนี้แทบจะพังทลายลง เธอจะไปคิดได้ยังไงว่าวันหนึ่งไอดอลที่ตนเองชื่อชอบ ผู้ชายที่ดูเป็นสุภาพมาตลอดทั้งวันที่ผ่านมา จู่ๆ จะกลับกลายเป็นว่ามาทำสิ่งที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าสัตว์ร้าย
เมื่อเห็นอาการตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวของเย้นหว่าน ฉูรั่วไป๋ก็ตกใจ ดูไม่เหมือนว่าเธอกำลังแสร้งทำอยู่เลย
แต่ระหว่างวันที่ผ่านมาคืออะไร?
เขาขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “เย้นหว่าน นี้คุณคิดจะทำอะไรกันแน่? ที่คุณบอกใบ้ผมเมื่อตอนกลางวันก็ไม่ใช่เพื่อคืนนี้หรอกเหรอ? เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วคุณกลับจะมาเสียใจงั้นเหรอ?”
เย้นหว่านตะลึงงัน อะไรคือที่เธอบอกใบ้เมื่อตอนกลางวัน?
วันนี้เธอยังไม่ได้ทำอะไรที่สื่อถึงเรื่องนี้เลยนะ
เธอมองไปที่ฉูรั่วไป๋อย่างระแวง ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า
“คุณฉูเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ? ฉันเพียงเห็นว่าคุณเป็นไอดอลของฉัน”
ฉูรั่วไป๋ขมวดคิ้วแน่น มือที่จับไหล่ของเย้นหว่านก็กดแรงเพิ่มขึ้นไปอีก