บทที่247 วางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
ดังนั้นต่อจากนั้น เย้นหว่านก็ใช้ความกระตือรือร้นและความจริงใจ120% อธิบายเนื้อหาให้โห้หลีเฉินฟังอย่างตั้งใจ
ช่วงว่างหลังจากที่อธิบายเสร็จแล้ว เธอก็ถือโอกาสอ่านหนังสือสำหรับตัวเองอีกด้วย
ถึงแม้ว่าเนื้อหาความรู้ใหม่จะดึงดูดเย้นหว่านได้อย่างมาก แต่ว่าเมื่อคืนเธอแทบไม่ได้นอนเลย อ่านไปอ่านมาเธอก็สัปหงกอย่างช่วยไม่ได้
เธอจ้องมองไปที่หนังสือที่อยู่ในมือของตัวเอง ตัวหนังสือในนั้นมันเริ่มลายตาขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกนึกคิดของเธอก็เริ่มกระจัดกระจายขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกัน
หนังตาของเธอปิดลงอย่างช่วยไม่ได้ หัวโขกกับโต๊ะในทันที
“ปึง”
เสียงดังขึ้น หัวของเย้นหว่านทิ่มลงไป ชนเข้ากับฝ่ามือที่มีน้ำใจของผู้ชายคนนี้
เพราะว่าไม่ได้เจ็บ เย้นหว่านก็เลยไม่ตื่น แถมยังถูกหน้าผากของตัวเองกับบางสิ่งบางอย่างที่อุ่นๆ ตรงหน้าของเธอ แล้วก็หลับปุ๋ยไป
โห้หลีเฉินมองผู้หญิงตัวเล็กๆ ด้านข้างของเขา มุมปากของเขาคลี่ออกเป็นเส้นโค้งที่ดูดี เต็มไปด้วยความหลงใหล
และหลังจากนั้น อีกมือหนึ่งของเขาก็หยิบเสื้อคลุมที่วางอยู่ข้างๆ แล้วก็คลุมให้เธออย่างอ่อนโยน
เขามองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง ฝ่ามือของเขายังอยู่ตรงใบหน้าของเธอ ปล่อยให้เธอหนุนอยู่แบบนั้น
นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้อยู่ข้างๆ เขาอย่างเรียบร้อยและน่ารัก?
ช่วงนี้การที่เย้นหว่านพยายามหลบหน้าและตีตัวออกห่างนั้น สำหรับโห้หลีเฉินแล้ว มันเหมือนความทรมาน
เรื่องแบบนี้ เขาจะไม่อนุญาตให้มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองแน่นอน
“ฝันดี”
โห้หลีเฉินจ้องมองไปที่เย้นหว่าน ดวงตาแพรวพราวเหมือนสายน้ำ และก็เต็มไปด้วยความมั่นใจที่จะเอาชนะ
หลังจากเขาจ้องมองเธออยู่นาน ถึงได้ค่อยๆ ละสายตาออกมา ใช้อีกมือหนึ่งพลิกหน้าหนังสือ แล้วอ่านหนังสือต่อไปช้าๆ
สำหรับเขาแล้ว เขาต้องการเวลาแค่สามวินาทีในการอ่านหนังสือหนึ่งหน้า พออ่านจบแล้วก็สามารถเข้าใจความหมายด้านในได้เลย การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพสูงขนาดนี้เป็นเรื่องที่จืดชืด
แต่เพราะว่ามีเย้นหว่านอยู่ข้างๆ ทำให้โห้หลีเฉินรู้สึกเป็นครั้งแรกว่า การอ่านหนังสือก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เบิกบานใจได้เหมือนกัน
ท่าทางที่นอนฟุบกับโต๊ะแบบนี้ ปกติแล้วจะหลับได้ไม่นาน และก็หลับไม่สบายเท่าไหร่
แต่ว่าเย้นหว่านครั้งนี้ กลับหลับอย่างสบายมาก แม้กระทั่งฝันความฝันที่ไร้สาระและวกวนอีกต่างหาก
ในฝันนั้น เธอกลับไปที่เมืองหนานอีกครั้ง อยู่ในคฤหาสน์ของโห้หลีเฉิน
เธอพึ่งจะเลิกงาน ในมือถือผักสดที่พึ่งซื้อมา เปิดประตูแล้วก็เดินเข้าไปข้างใน
พึ่งจะเดินเข้าไป ก็เห็นโห้หลีเฉินที่ใส่ชุดอยู่บ้านเดินเข้ามาจากในห้องครัว ใบหน้าที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ความรู้สึกมากนัก กลับมีรอยยิ้มที่อบอุ่นเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
เขาเดินเข้ามาหยิบถุงผักในมือของเย้นหว่านไป ส่วนมืออีกข้างก็โอบเอวของเย้นหว่านไว้
“เย้นหว่าน ลำบากเธอเลยนะ ไปนั่งพักผ่อนก่อน เดี๋ยวฉันไปทำกับข้าวเอง”
พอพูดจบ เขาก็ก้มลงจูบที่หน้าผากของเธอ แล้วก็ปล่อยเธอพร้อมกับเดินกลับเข้าไปในห้องครัว
เย้นหว่านรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่อบอุ่นตรงหน้าผากของเธอ เธอรู้สึกเหมือนได้แช่ในน้ำอุ่น มันรู้สึกอบอุ่นมาก มองดูเขาเดินเข้าไปในห้องครัวอย่างใจลอย
มีแสงแดดส่องจากหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศส แม้แต่มองจากทางด้านหลังเขายังดูหล่อมาก
เหมือนกับว่าจะรับรู้ได้ถึงสายตาบ้าผู้ชายของเธอที่มองไป จู่ๆ โห้หลีเฉินก็หันกลับมา มองเธออย่างหยอกล้อ พร้อมกับยิ้มและพูดว่า :
“เธอน้ำลายไหลแล้ว”
หา?
เย้นหว่านหน้าแดงขึ้นทันที แล้วก็รีบจะเช็ดมุมปากของตัวเอง แต่ว่าในตอนนี้ ผู้ชายที่เดินออกไปแล้วตั้งหลายเมตร จู่ๆ ก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วก็จับมือของเธอไว้
ร่างสูงของเขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้คนพบเห็นหายใจไม่ออก ขยับเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาจ้องมองเธอ ไอร้อนตอนที่พูดนั้นพ่นลงมาที่ใบหน้าของเธอ ทำให้ใบหน้าของเธอร้อนขึ้นเรื่อยๆ
“จะทำอาหารต้องใช้เวลาเยอะหน่อย แต่ว่าตอนนี้ฉันหิวแล้ว พวกเรากินอย่างอื่นก่อนดีกว่า”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น ลมหายใจของผู้ชายตรงหน้าก็เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ของการรุกราน
เย้นหว่านแทบจะรู้ในทันทีว่าเขาต้องการจะทำอะไร
ร่างกายของเธอเกร็งขึ้นทันที พยายามหยุดเขาโดยสัญชาตญาณ เธอพูดอย่างตื่นตระหนกว่า “ไม่ ไม่ได้”
“ทำไมถึงไม่ได้? พวกเราก็ทำทุกวันไม่ใช่เหรอ? ”
ลมหายใจของผู้ชายคนนี้เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
หัวใจของเย้นหว่านยุ่งเหยิงมากในตอนนี้ เธอตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก “ทำทุกวันยังงั้นเหรอ? จะเป็นไปได้……””
“พวกเราแต่งงานกันมาเดือนหนึ่งแล้วนะ ภรรยา”
คำพูดที่ดูรักใคร่ มันก็เหมือนกับขนนก ที่ปัดมาที่หัวใจของเย้นหว่าน
แต่มีเสียงระเบิดเกิดขึ้นในหัวของเย้นหว่านตอนนี้
ภรรยางั้นเหรอ?
แต่งงาน?
นี่พวกเขาแต่งงานกันแล้วยังงั้นเหรอ?!
ทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว ความประหลาดใจครั้งยิ่งใหญ่ทำให้เย้นหว่านลืมตาขึ้นมาในทันที
ใบหน้าที่หล่อเหลาของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอหายไปในทันที แสงสีขาวโพลนส่องเข้ามาในม่านตาของเธอ ทำให้เย้นหว่านอึ้งไปหลายวินาที
เมื่อกี้ เป็นเพียงแค่ความฝันงั้นเหรอ?
เธอยังคงตื่นเต้นอยู่ ไม่รู้ว่ารู้สึกโล่งใจ หรือว่าเป็นความรู้สึกโศกเศร้าจากการสูญเสียที่แปลกประหลาด
“ฝันถึงอะไรเหรอ? ”
เสียงที่นุ่มนวลและไพเราะของผู้ชายคนนั้นดังขึ้นจากด้านข้างของเธอ ดูเหมือนจริงยิ่งกว่าในฝันซะอีก
เย้นหว่านอึ้งไป แล้วก็ดึงสติคืนมาทันที
เธอถึงได้สังเกตเห็นว่า เธอกำลังนอนฟุบหน้าอยู่ และตรงคางของเธอมีฝ่ามือที่ใจดีรองไว้อยู่
ไม่รู้ว่าเธอนอนทับมือนี้นานแค่ไหนแล้ว มีรอยแดงที่ฝ่ามือให้เห็นชัดเจน
เมื่อกี้ที่เธอหลับไป ปรากฏว่าเธอหลับบนมือของโห้หลีเฉิน!
ไม่น่าแปลกใจที่เธอรู้สึกว่าแก้มของเธออุ่น และร้อน……
“ฉัน คุณ ฉัน……”
เย้นหว่านรีบเงยหน้าขึ้นมาทันที หันหน้ากลับไปมองโห้หลีเฉินที่อยู่ด้านข้าง ใบหน้าของเขาเหมือนกับในฝันเด๊ะ ใบหน้าที่หล่อเหลาที่ทำให้คนที่พบเห็นตื่นตระหนก
ภาพเหตุการณ์ที่วกวนในความฝันทำให้เย้นหว่านหน้าแดง สายตาของเธอคลุมเครือ พูดติดอย่างยากลำบาก
พอเห็นว่าเย้นหว่านหน้าแดง โห้หลีเฉินก็เลิกคิ้ว น้ำเสียงคลุมเครือ
“ฝันเห็นฉันเหรอ? ”
ประโยคเดียว จิ้มโดนจุดที่เย้นหว่านหวาดกลัวมากที่สุด
เธอนึกถึงความสนิทแนบแน่นในฝันนั้น โห้หลีเฉินยังเรียกเธอว่าภรรยาอีก พวกเขาแต่งงานกันแล้วด้วยซ้ำนะ นี่มันทำให้เย้นหว่านเขินจนไม่มีหน้าจะมองหน้าเขาได้แล้ว
ทำไมเธอถึงฝันแปลกๆ แบบนี้ได้? หรือว่าปกติแล้วเธอมีความคิดที่ไม่ดีกับโห้หลีเฉินงั้นเหรอ?
“ไม่ ไม่มีอะไรหรอก! ”
เย้นหว่านโต้กลับอย่างตื่นตระหนก หันหน้าหนีอย่างรีบร้อน ไม่กล้ามองหน้าโห้หลีเฉินอีก
โห้หลีเฉินเม้มปากแน่น เส้นโค้งของมุมปากเขาลึกขึ้นกว่าเดิม ท่าทีตอบสนองที่เอาหัวมุดทรายแบบนี้ของเธอ ที่แท้ก็ฝันถึงเขานี่เอง
เย้นหว่านถูกผู้ชายคนนี้มองเห็นจุดที่เธอรู้สึกหวาดผวามากที่สุด เธอตื่นเต้นเหมือนกับว่าหัวใจจะหลุดออกมาจากอก
บรรยากาศแบบนี้ช่างเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาจริงๆ
เธอยืนขึ้นทันที “คือว่า แค่ก ฉันกลับก่อนนะ”
เธอยกขาขึ้นเตรียมจะก้าวออกไป ตอนที่หันหลังนั้น เสื้อคลุมที่คลุมอยู่บนตัวของเย้นหว่านก็สั่น กำลังจะตกลงมา
เย้นหว่านถึงได้พึ่งรู้ตัวว่ามีเสื้อของโห้หลีเฉินคลุมอยู่ที่ตัวของตัวเอง เธออึ้งไป ใจสั่น ตอนที่เธอหลับอยู่ โห้หลีเฉินเป็นคนคลุมให้เธอยังงั้นเหรอ?
เอามือประคองศีรษะ เอาเสื้อคลุมให้ พิถีพิถันและละเอียดอ่อน……
หัวใจของเย้นหว่านว้าวุ่นขึ้นยิ่งกว่าเดิม
เธอรีบหยิบเสื้อขึ้นมา พับอย่างเรียบร้อย แล้วก็ส่งให้โห้หลีเฉินอย่างสุภาพ
แก้มของเธอแดงก่ำ “ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไร”
โห้หลีเฉินมองไปที่เย้นหว่านด้วยสายตาคลุมเครือ แล้วก็ยื่นมือไปรับเสื้อมาแบบส่งๆ
ท่าทางเป็นสุภาพบุรุษและมีมารยาท แต่ว่าก็เต็มไปด้วยความรู้สึกคลุมเครือที่ทำให้คนอื่นใจเต้นแรง
เย้นหว่านแทบไม่กล้ามองหน้าเขา
โห้หลีเฉินวางเสื้อลงด้านข้าง แล้วก็หยิบตั๋วที่ห่อไว้ในซองกระดาษที่สวยงามขึ้นมาจากอกของเขาแล้วส่งให้เย้นหว่าน
“ให้”
พอเห็นของในมือของโห้หลีเฉินอย่างชัดเจน เย้นหว่านก็ตะลึงไปในทันที