สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน – บทที่ 310 คิดเข้าข้างตนเอง

บทที่ 310 คิดเข้าข้างตนเอง

บทที่ 310 คิดเข้าข้างตนเอง

ถึงแม้ท่วงท่าของเย้นหว่านจะเป็นการประคองเขาไว้ แต่ว่าความจริงโห้หลีเฉินช่างสูงใหญ่ แขนที่พาดบนไหล่ของเย้นหว่านเหมือนกับกอดเธอไว้

จูเหลียนอีงอยู่ด้านข้าง ส่ายๆ หน้าด้วยความจำใจ

ถึงแม้หล่อนจะรู้ว่าโห้หลีเฉินบาดเจ็บหนักหนา แต่ที่ขากลับไม่ได้เจ็บหนักเป็นพิเศษ สองวันนี้ที่เขาเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน ถึงแม้เชื่องช้าอยู่นิดหน่อย ล้วนแล้วแต่เดินไปด้วยตนเองอย่างหยิ่งยโส

แต่พอเย้นหว่านมา ชั่วพริบตาเดียวโห้หลีเฉินก็อ่อนแอจนต้องการคนพยุงแล้ว

แบบนี้ทั้งสองคนนี้ยังจะถอนหมั้นกันอีก? อย่าดื้อเลย

หล่อนต้องรีบกลับไปจัดการเรื่องแต่งงานแล้ว ยิ่งเร็วยิ่งดี ดีที่สุดโห้หลีเฉินออกจากโรงพยาบาลก็ไปสถานที่จัดพิธีแต่งงานได้โดยตรง

หลังจากเดินมาถึงห้องน้ำ เย้นหว่านพยุงโห้หลีเฉินมาถึงข้างชักโครกอย่างระมัดระวัง

จากนั้นเธอก็นิ่งค้าง กระอักกระอ่วนอยู่บ้าง

เรี่ยวแรงทั้งหมดของโห้หลีเฉินพิงบนตัวของเธอทั้งหมด เหมือนว่าตนเองยืนไม่ไหว แต่เขาจะเข้าน้ำ หรือว่าเธอต้องพยุงเขาไว้ ดูเขาทำธุระอย่างนั้นเหรอ?

งั้นก็ช่างน่าอายสินะ

โห้หลีเฉินยืนอยู่แบบไม่มีการขยับสักก้าว ค่อยๆ เอียงศีรษะ มองท่าทางซับซ้อนและความงดงามบนหน้าเย้นหว่านที่เปลี่ยนแปลงอยู่แบบนั้น

เป็นท่าทางที่ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่อยากร้องไห้นั้นแล้ว

เขาอดผุดความคิดสนุกขึ้นมาไม่ได้ ยกๆ แขนที่พึ่งพันแผลมาเมื่อสักครู่ขอตนเองขึ้น

พูดเสียงต่ำที่ข้างหูเธอ “มือฉันไม่สะดวก”

เย้นหว่านตกใจฉับพลัน แก้มยิ่งแดงเพิ่มขึ้น เลือดเกือบหยดออกมาได้แล้ว

มือของเขาไม่สะดวก งั้นก็เป็นเธอ……

ถอดกางเกงลงให้เขาเหรอ?

เส้นสายตาของเธอชำเลืองมองไปทางส่วนนั้นของโห้หลีเฉินไม่หยุด ชุดคนไข้หลวมบางเบา สามารถพอมองเห็นความใหญ่ของตรงนั้นได้

ชั่วขณะนั้นเธอคอแห้งผาก กลืนๆ น้ำลายลง

เธอกับโห้หลีเฉิน แม้แต่เรื่องแบบนั้นยังไม่เคยทำเลย จะหมุนแบบก้าวกระโดดไปโดยตรงถึงขั้นดูเขาเข้าห้องน้ำเลยเหรอ?

คิดดูแล้วยังเขินอายมาก

แต่ว่าเขาไม่สะดวก และคนที่สามารถทำเรื่องนี้ได้ก็มีเพียงเธอ

เป็นเธอที่บอกว่าอยากมาดูแลเขาอย่างเต็มไปด้วยน้ำใสใจจริง

เย้นหว่านพัวพันแล้วพัวพันอีก ลังเลแล้วลังเลอีก ในที่สุดกัดฟันตัดสินใจ

เธอหน้าแดง ยื่นมือคลำไปตรงนั้นของเขาอย่างฝืดแข็ง

วินาทีนั้นที่มือน้อยของเธอแตะโดนที่เอวเขา ร่างสูงใหญ่ของโห้หลีเฉินแข็งนิ่งฉับพลัน ชั่วพริบตาเดียวสายตาเปลี่ยนมามืดครึ้มอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

เขาเพียงแค่ล้อเธอเล่น ไม่คิดว่าเธอยังกล้าจริงๆ

ผู้หญิงคนนี้……

เขาจับมือของเธอเอาไว้ “เธอรู้ไหมว่านี่หมายความว่าอะไร?”

แก้มเย้นหว่านยิ่งแดง มือที่โดนเขากุมไว้ราวกับไฟลวก เผาไหม้

แน่นอนเธอรู้นี่หมายความว่าอะไร สนิทแนบแน่น ไม่มีเข้ากันไม่ได้สักนิด บนโลกนี้ยังมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมยิ่งกว่านี้อีกเหรอ?

ตอนที่ตัดสินใจอยู่ด้วยกันกับโห้หลีเฉิน เธอก็ไม่ขจัดออกไปอีก เพียงแต่ครั้งแรกยังรู้สึกเขินอายเป็นพิเศษเท่านั้นเอง

เธอกัดๆ ริมฝีปาก หลับตาลงอย่างตรงไปตรงมา “ฉัน ฉันไม่มอง”

ท่าทางที่หลอกลวงตนเองนั้นทำให้ไฟสั่นไหวในใจโห้หลีเฉินยิ่งลุกโหมขึ้น

ถ้าไม่ใช่ท่าทีในอดีตของเธอเคยบอกว่าไม่รักเขาอย่างแน่วแน่ ถ้าไม่ใช่มาเพื่อตอบแทนบุญคุณ เขาคงจะเข้าใจผิดกระทั่งคิดว่าเธอยอมรับเขาได้แล้ว

โห้หลีเฉินรู้อย่างชัดเจน เป็นแบบนี้ต่อไปอีก เขาคงควบคุมไม่อยู่

และไม่ว่าสรุปเย้นหว่านจะมีความปรารถนาอะไร ก็คงบังคับเธอให้อยู่ข้างกายแบบไม่สนใจทุกอย่าง

“เธอออกไป”

เขาสูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง กดอารมณ์ที่พลุ่งพล่านบ้าคลั่งลงกลางใจ พูดเสียงเย็นชา

เย้นหว่านลืมตาขึ้นอย่างตกใจ “งั้นคุณจะทำยังไง?”

โห้หลีเฉินพูดอย่างไม่สบายใจ “มือของฉันยังไม่ได้พัง”

ไม่สะดวกกับไม่สามารถใช้การได้โดยสิ้นเชิง เหมือนจะเป็นสองความหมาย

ทันใดนั้นพอเย้นหว่านเข้าใจขึ้นมาก็ยิ่งอับอายเพิ่มขึ้นอีก เมื่อสักครู่เธอคงเข้าใจผิดแล้วเหรอ?

ขายหน้ามาก

“งั้น งั้นคุณเชิญก่อน……เสร็จแล้ว เสร็จแล้วเรียกฉันนะ”

พูดจบ เย้นหว่านรีบปิดหน้าไว้วิ่งออกไปแล้ว

เธอเขินหนักมาก อยากจะวิ่งหนีไปโดยตรงใจแทบขาด หายตัวได้ยิ่งดี เรื่องน่าอายขนาดนี้ยังทำออกมาได้ ต่อไปเธอจะเผชิญหน้ากับโห้หลีเฉินอย่างไรกัน

เขาจะคิดว่าเธอเป็นโรคจิตหรือเปล่า?

ในห้องน้ำ โห้หลีเฉินยืนอยู่ที่เดินตรงๆ สีหน้าซับซ้อนอย่างยิ่ง

สวรรค์รู้ว่าเขาต้องใช้ความคิดมากเท่าไร ถึงบังคับความวู่วามที่ควบคุมเย้นหว่านให้อยู่ข้างกายไว้ได้ เขาเกือบจะไม่สนใจทุกอย่างแล้ว

ผู้หญิงคนนี้ ทำไมมักจะอยู่ข้างกายเขา ยั่วยุเขาตลอด?

อยู่ต่อหน้าเธอ เขาก็เป็นคนติดไฟง่ายดาย สูญเสียแรงควบคุมตนเองง่ายดาย……

ผลลัพธ์นั้นคงไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ

ห้องคนไข้วีไอพีเป็นห้องชุด มีห้องรับแขก มีโซฟา มีห้องครัว ของจำเป็นทุกอย่างมีครบ

เย้นหว่านพักบนโซฟาแบบตรงไปตรงมา นำข้าวของเครื่องใช้ของเธอเองย้ายเข้ามาทั้งหมด

โห้หลีเฉินนั่งอยู่บนเตียง มองเธอนำข้าวของออกมาทีละอัน แล้วขยับคิ้วเล็กน้อย

เขาพูดเสียงทุ้ม “ตอนกลางคืนมีคนเฝ้าไข้ เธอไม่ต้องอยู่ที่นี่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”

เย้นหว่านนำผ้าห่มที่เอามาปูบนโซฟา พูดแบบเรื่องราวควรเป็นเช่นนี้

“ฉันไม่วางใจคนอื่น”

คำพูดนั้นเสมือนกระแสอากาศอุ่น พาดผ่านปลายหัวใจของโห้หลีเฉิน

ท่าทางเขาไม่สบายใจอยู่มาก คำที่พูดยังคงปฏิเสธคนห่างไกลออกไปอยู่มาก

“คนเฝ้าไข้มืออาชีพดูแลดีกว่าเธอเสียอีก”

“นั่นไม่เหมือนกัน”

ทั้งที่เป็นคำพูดฝืนใจ เย้นหว่านกลับโต้ตอบแบบเหตุผลควรเป็นเช่นนั้น

เธอเดินมาด้านข้างเตียงของโห้หลีเฉินแล้วยื่นมือคลำบนหน้าผากของเขา และแนบบนหน้าผากของตนเองอีกครั้ง มั่นใจว่าอุณหภูมิร่างกายเขาปกติ

เธอพูดอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด “คนเฝ้าไข้มีเพียงแค่ทักษะ แต่ที่ฉันใช้คือหัวใจ ต้องละเอียดรอบคอบยิ่งกว่าพวกหล่อนแน่ แต่ถ้าคุณมีส่วนที่ไม่พอใจ ฉันก็สามารถเรียนรู้กับพวกหล่อนได้”

หลังจากนิ่งครู่หนึ่ง เธอพูดเสริมอีก “แต่คนที่ดูแลคุณ จำเป็นต้องเป็นฉัน”

พยาบาลเฝ้าไข้เหล่านั้นต่างเป็นผู้หญิง ให้พวกหล่อนพยุงโห้หลีเฉินไปห้องน้ำอย่างสนิทแนบชิดขนาดนั้นเหรอ?

นั่นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

โห้หลีเฉินขยับคิ้วเล็กน้อย จ้องมองเธอด้วยสายตาลุ่มลึก “ทำไมจำเป็นต้องเป็นเธอ?”

“นั่นเป็น…..”

เย้นหว่านอยากบอกว่าไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นมาแตะต้องเขา แต่คำพูดติดอยู่ที่ปาก รู้สึกว่าเขินอายมาก

กลัวเขาเห็นว่าเธอเป็นพวกโรคประสาท

เธอลังเลสักพัก เปลี่ยนคำพูด “ทำเรื่องอะไรต้องยืนหยัดทำไปโดยตลอด สิ่งที่ควรทำ ฉันก็ต้องทำอย่างครบถ้วนสมบูรณ์”

คำตอบนี้ โห้หลีเฉินไม่พอใจมาก

เขาหัวเราะเยาะ “เธออุทิศตัวให้กับสิ่งที่ทำมาก ต่อไปเปลี่ยนอาชีพมาเป็นพยาบาลเฝ้าไข้แล้วกัน”

เย้นหว่านเคร่งขรึมมาก เหมือนนำปัญหาข้อนี้ของโห้หลีเฉินมาพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนรอบหนึ่ง

สีหน้าที่มองโห้หลีเฉินนับวันยิ่งไม่สู้ดี หรือว่าเธอยังคิดจะไปดูแลผู้ชายคนอื่นจริงๆ? ผู้หญิงก็ไม่ได้

สักพักหนึ่งเย้นหว่านถึงเหมือนคิดออกแล้ว พูดด้วยท่าทางจริงจัง

“คุณโห้ ถ้าต่อไปคุณแข็งแรงดี ได้รับบาดเจ็บให้น้อย ฉันน่าจะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอาชีพ”

โห้หลีเฉินมึนงงนิดหน่อย นี่เธอหมายความว่าเพียงแค่ดูแลเขาเหรอ?

โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีต่อไปด้วย?

ความหมายลึกซึ้งในคำพูดของเธอเกือบถูกเขาขุดค้นออกมาทั้งหมด แต่ยิ่งขุดค้นจนทะลุถึงแก่นแท้ เขายิ่งรู้สึกไม่อยากเชื่อ เป็นเขาคิดมากเกินไป

บางทีเย้นหว่านอาจจะแค่พูดไปเรื่อย

ในใจถูกยั่วยวนจนสับสนไปหมด โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากบาง นอนลงไปอย่างว่องไว

“ปิดไฟ นอน”

ผู้หญิงคนนี้ เขาไม่สามารถคาดหวังและเข้าใจผิดต่อเธอได้มากเกินไป มองไม่เห็นก็ไม่รำคาญใจ

พอปิดไฟแล้ว เย้นหว่านก็นอนลงมาบนโซฟา

ตามมาด้วยระยะห่างช่วงหนึ่ง แต่ว่าในความมืด เย้นหว่านยังมองเห็นภาพเงาของโห้หลีเฉินที่เลือนรางได้ รู้สึกถึงการมีตัวตนของเขา

ความไม่สงบใจและความสับสนของเธอในช่วงเวลานี้ดูเหมือนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสงบลงมาเพราะเหตุนี้

เดิมทีไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไร ขอเพียงอยู่ข้างกายของผู้ชายคนนี้ หัวใจของเธอถึงจะคงที่

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

Status: Ongoing

“คุณผู้หญิง ผมจะไม่แต่งงานกับคุณ” นี้คือประโยคแรกที่เขาพูดกับเธอ เธอรู้ชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นยังไง แกล้งทำเป็นคู่หมั้นของเขาอย่างเชื่อฟัง แต่ในหนึ่งวัน เธอโดนเขาจับขึ้นเตียงและลูบไล้ เธอตกใจ “คุณโห้ คุณเคยบอกแล้วว่า เราเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางสัญญา” “ผมยกเลิกแล้ว” เขาได้รู้แล้วว่า เธอเป็นผู้หญิงที่เขาตามหามานาน เขาจะปล่อยมือไปได้ยังไง? “เพื่อเป็นการชดเชย ผมเป็นของคุณแล้ว”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท