บทที่ 308 ผู้หญิงที่คร่อมอยู่บนตัว
จูเหลียนอีงกำลังมองอยู่ด้านข้าง ในดวงตาที่ขุ่นมัวคู่นั้นมีรอยยิ้มที่ปลื้มใจอยู่
เย้นหว่านมาแล้ว ดีมากจริงๆ โห้หลีเฉินที่ไม่ทานอะไรมาสองวัน คาดไม่ถึงทานโจ๊กชามหนึ่งหมดเกลี้ยงเลย
ที่แท้ของอย่างหนึ่งจะพิชิตของอีกอย่างหนึ่ง
หล่อนหัวเราะแล้วพูดกับคนตระกูลโห้ด้านหลังกลุ่มนั้น “พวกเธอกลับไปก่อนเถอะ ที่นี่มีเย้นหว่านดูแลก็พอแล้ว ต่อไปไม่มีเรื่องอะไร พวกเธอมากันให้น้อยๆ หน่อย”
ทุกคน “……”
“ได้ครับ คุณนายใหญ่”
หลังจากบอกกล่าวกับโห้หลีเฉิน ทุกคนก็เดินเบียดกันออกไป
เดิมทีพวกเขาก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นานเท่าไร โดยเฉพาะนิสัยเสียของโห้หลีเฉินช่างใหญ่เหลือเกินจริงๆ เพียงแค่ไอเย็นกดทับ เกือบทำให้พวกเขาแทบตายกันหมด
คนอื่นที่ในห้องหลังจากออกไปหมด จูเหลียนอีงถึงมองเย้นหว่านแล้วถามว่า
“เสี่ยวหว่าน สองวันนี้หนูไปที่ไหนมากัน?”
โห้หลีเฉินที่หันหน้านอนอยู่ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ขมวดคิ้ว บนหน้าที่หล่อเหลามีความมืดอึมครึมขีดผ่าน
เมื่อสักครู่อารมณ์ของเขาปรับมาดีหน่อย ตอนนี้เปลี่ยนมาหดหู่อีกแล้ว
เย้นหว่านเงยหน้าอย่างแปลกใจ “สองวันนี้อะไรคะ? คุณย่าลืมไปแล้วเหรอ เมื่อวานหนูยังเจอกับคุณย่าด้านนอกห้องผ่าตัดของโห้หลีเฉินอยู่เลย”
“นั่นเป็นเรื่องเมื่อสองวันก่อนแล้ว เฉินออกมาจากห้องผ่านตัดเป็นเวลาสองวันแล้วนะ”
“อะไรนะ?”
เย้นหว่านตกใจยกใหญ่ มือชะงัก มีดปอกผลไม้ก็บาดที่นิ้วมือเข้า
เดิมทีเธอไม่ทันได้สังเกตเห็น ทำหน้าตกตะลึงมาก “หนูคิดว่าเป็นแค่เรื่องของเมื่อวานนี้ พอหนูพึ่งฟื้นขึ้นก็รีบเข้ามาเลยค่ะ”
จูเหลียนอีงขมวดคิ้วเช่นกัน “พูดแบบนี้ หนูสลบไปเป็นเวลาสองวัน?”
“เธอสลบไปได้ยังไง?”
โห้หลีเฉินหันหน้ากลับมาทันใด ถามด้วยเสียงทุ้ม
เขาคิดว่าสองวันนี้ที่เย้นหว่านไม่ปรากฏตัว เป็นเพียงไม่อยากเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับเขา ถึงได้หนีไปอย่างใจร้าย แต่คาดไม่ถึงว่าเธอจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ชั่วขณะนั้นเขารู้สึกหวาดกลัวหน่อยๆ ตอนนี้เธอยังปรากฏตัวต่อหน้าเขาดีๆ
จูเหลียนอีงพูดอธิบาย “วันนั้นที่หลานผ่าตัด เย้นหว่านทำเรื่องอะไรมากมายเลย วุ่นวายครึกโครมไปทั่วเมือง ถึงตามหาป่ายฉีเข้ามาได้ ตอนที่อยู่นอกห้องผ่าตัด ย่าก็เห็นสีหน้าหล่อนไม่ค่อยปกติ รอหลานผ่าตัดเสร็จ หล่อนเป็นลมสลบไปแล้ว ก่อนจะถูกป่ายฉีพาไป”
เย้นหว่านเกาๆ ศีรษะ “อาจจะเป็นเพราะวันนั้นออกกำลังเกินแรง ฉันไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปสองวัน แค่รู้สึกว่าหลับรอบนี้นานอยู่หน่อยเท่านั้นเอง”
โห้หลีเฉินไม่คิดว่าเรื่องราวเป็นแบบนี้
เขามองเย้นหว่านแบบเหม่อลอย ในใจตื่นตระหนกจนพูดไม่ออก ยังมีอารมณ์ซับซ้อนอย่างอื่นพัวพันอยู่ด้วยกัน เดิมทีเธอไม่ได้วางมือไม่ยอมยุ่งกับเขา
การรับรู้นี้ทำให้โห้หลีเฉินทั้งดีใจ ทั้งสับสน
เขาถามต่อ “ป่ายฉีทำอะไรกับเธอรึเปล่า?”
เรื่องที่คนสารเลวนั้นทำกับเย้นหว่านในครั้งแรก ถึงตอนนี้เขายังจำได้ขึ้นใจ เพียงรอหาโอกาสเหมาะ จะฆ่าเขาซะ
เย้นหว่านอดนึกถึงชุดนอนบนตัวที่ใส่ตอนตื่นขึ้นมาไม่ได้ และไม่รู้ว่าเป็นใครเปลี่ยนให้กัน
ยังมีสายตาคลุมเครือที่ป่ายฉีพินิจพิเคราะห์เธอนั้นอีก
เธอไม่ค่อยสบายใจเท่าไร แต่ส่ายๆ หน้า “ไม่มี ตอนนี้เขาน่าจะถือว่าเป็นเพื่อนฉันแล้ว”
ถึงแม้จะมีบางครั้งที่ถูกตี
เพื่อน? โห้หลีเฉินสีหน้าอึมครึม และไม่ชอบคำนี้
เขากำลังอยากบอกอะไร กลับมองเห็นเลือดสีแดง
เห็นเพียงที่นิ้วมือของเย้นหว่านมีบาดแผลรอยหนึ่ง กำลังผุดหยดเลือดมาด้านนอกไม่หยุด ในถังขยะด้านล่างมือของเธอก็มีเลือดหยดไม่น้อย
“เธอไม่เจ็บเหรอ?”
โห้หลีเฉินตวาด แวบหนึ่งพลิกตัวลุกขึ้นนั่งจากบนเตียง จับมือน้อยๆ ของเย้นหว่านที่เลือดไหลไว้
เขารีบนำทิชชูมาแผ่นหนึ่ง ห่อนิ้วมือของเย้นหว่านไว้ ขณะเดียวกันพูดสั่ง “เอากล่องยามา”
“นี่ฉันไม่เป็นอะไร”
เย้นหว่านเหมือนพึ่งสังเกตเห็นมือของตนเองได้รับบาดเจ็บ ถึงรู้สึกเจ็บแล้ว แต่จากนั้นเธอก็มองเห็นบนแขนของโห้หลีเฉินมีเลือดสดซึมออกมาแล้ว
“คุณทำอะไรกัน? คุณอย่าขยับมั่วๆ บาดแผลฉีกหมดแล้ว”
เย้นหว่านส่งเสียงอย่างร้อนใจ รีบร้อนอยากสะบัดมือของโห้หลีเฉินออก
แรงของโห้หลีเฉินยังมากกว่าเธอมาก เดิมทีไม่สนใจอาการเจ็บบนตัวของตนเอง จับมือน้อยของเธออยู่ ใช้ทิชชูเช็ดเลือดด้านบนให้สะอาด ห่อไว้แน่นอีกที
เขาเงยหน้าอย่างไม่ทน มองทางจูเหลียนอีงที่เป็นคนนอกเพียงหนึ่งเดียวในห้อง
“คุณย่าครับ รบกวนหยิบกล่องยาให้หน่อยครับ”
จูเหลียนอีงมองบาดแผลของโห้หลีเฉินขมวดคิ้วทันที “แผลของหลาน……”
“กล่องยาครับ”
โห้หลีเฉินพูดเสียงทุ้มซ้ำอีกรอบหนึ่ง ท่าทีแน่วแน่
ถึงแม้จูเหลียนอีงจะเป็นห่วงมาก แต่รู้จักนิสัยของโห้หลีเฉินดีว่าเขาอยากทำอะไรก่อน พวกเขาไม่มีทางกดเขากลับลงเตียงไปรักษาใหม่ได้
จูเหลียนอีงอยากไปหยิบกล่องยา แวบเดียวกลับมองเห็นฉากหนึ่งที่มหัศจรรย์อย่างน่าตกใจ
เห็นเพียงเย้นหว่านลุกขึ้นมากะทันหัน มือน้อยกดอยู่บนไหล่ของโห้หลีเฉิน ใช้แรงพลิกตัว กดโห้หลีเฉินกลับไปที่เตียงคนไข้ได้ และเธอถือโอกาสนั่งคร่อมบนเอวของเขาไว้
มือทั้งคู่ของเธอกดเขาอยู่ ท่วงท่าจากบนลงล่าง ในปากต่อว่า
“คุณไม่ขยับมั่วซั่วไม่ได้?”
โห้หลีเฉินมองผู้หญิงที่คร่อมอยู่บนตัวเขาด้วยความตกใจ ไฟโกรธและความโมโหเต็มใบหน้าเธอนั้น เหมือนจะยังดีกว่าเขาอีก
คาดไม่ถึงว่าชั่วพริบตาเดียวท่าทางของเขาก็อ่อนลง
“อะแฮ่ม เธอ ลุกขึ้นก่อน”
“ไม่ได้ ทำแผลของคุณก่อน!”
เย้นหว่านปฏิเสธไปโดยตรงอย่างไม่ลังเล ก้มหน้ามองแขวนของโห้หลีเฉิน ด้านบนก็เปื้อนเลือดแดงสดเป็นรอยใหญ่
ผู้ชายคนนี้คิดว่าร่างกายของตนเองไม่ใช่ร่างกายเหรอ?
เธอขมวดคิ้วอย่างปวดใจ ยื่นมือกดปุ่มเรียกพยาบาลที่หัวเตียงไปแล้ว
เนื่องจากระยะห่างของปุ่มค่อนข้างไกลนิดหน่อย เย้นหว่านต้องเคลื่อนร่างกายไปด้านหน้า และพอทับ ก็ยิ่งขยับยิ่งใกล้กับโห้หลีเฉิน
โห้หลีเฉินมองผู้หญิงที่ยิ่งขยับก็ยิ่งใกล้ตรงหน้าคนนี้ไปตรงๆ ลมหายใจยิ่งตกต่ำไม่เป็นจังหวะ
เธอรู้หรือไม่ว่าตนเองกำลังทำอะไร?
เสียงของเขาแข็งอยู่บ้าง “เธอสามารถลงจากเตียงแล้วค่อยกด”
“ถ้าคุณขยับอีกจะทำยังไง?”
เห็นได้ชัดว่าเย็นหว่านไม่เชื่อโห้หลีเฉิน เหมือนเมื่อสักครู่เขาทำแบบนั้น ทำเอาเธอตกใจแทบแย่
ในสมองของเธอมีเพียงความคิดเดียวจริงๆ ไม่สามารถทำให้เขาขยับได้อีกแล้ว
ไม่ง่ายนักที่เย้นหว่านจะเอามือไปกดปุ่ม พึ่งโล่งอกไปทีหนึ่ง อยากจะลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง พอหันหน้า มองเห็นหน้าของโห้หลีเฉินที่ระยะห่างใกล้เธอมากๆ อย่างไม่ทันระวัง
ขอเพียงเธอขยับอีกนิดหน่อย ก็จะจูบโดนริมฝีปากบางที่เซ็กซี่นั้นแล้ว
ชั่วขณะนั้นลมหายใจเหมือนจะหยุดลง เธอรู้สึกได้ชัดเจนถึงลมหายใจอันเร่าร้อนของเขากระโจนใส่หน้า ทำให้คนใจเต้นอย่างบ้าคลั่งในชั่วพริบตาหนึ่ง
เย้นหว่านอึ้งเลย
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากบาง สายตาที่จ้องเธอลุ่มลึกอย่างยิ่ง แววตากลิ้งวนนับวันยิ่งคุกรุ่น ราวกับอยากพุ่งออกจากเครื่องพันธนาการ
อากาศเหมือนถูกปนเปื้อนด้วยไฟร้อน เดือดลวก
กลิ่นอายที่คลุมเครือปีนขึ้นอีกครั้ง
“ก๊อกแก๊ก”
ทันใดนั้นประตูของห้องคนไข้ถูกผลักเปิด แวบหนึ่งหมอใส่ชุดกาวน์หลายคนก็เข้ามา
หนึ่งในนั้นกำลังพูดด้วยความรีบร้อน “คุณโห้เป็นอะไร……”
ยังพูดไม่จบก็ค้างอยู่ในลำคอ และคนอื่นล้วนกลายเป็นก้อนหินไปหมด มองสองคนที่ทับซ้อนอยู่บนเตียงอย่างคาดไม่ถึงสุดๆ
พวกเขาสงสัยแวบหนึ่ง ตนเองเดินผิดห้องหรือไม่?