บทที่ 329 สารภาพรัก งานแต่งงาน เร็วมากเกินไป
เย้นหว่านได้รับความอิสระ และรีบนำตัวยาห่างออกจากเฝิงเสวียนหลันหลายก้าว เธอหันไปมองโห้หลีเฉินอย่างประหม่า
“ฉันไม่เคยคิดทำร้ายคุณเลยสักครั้ง คุณเชื่อฉันเถอะนะ”
โห้หลีเฉินมองไปที่ยาในมือของเย้นหว่าน สายตามืดลง
หันหน้าไปทางสายตานับไม่ถ้วนรอบๆตัว เขาเม้มริมฝีปากบาง และพูดอย่างน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ยาตัวนี้เป็นสิ่งที่ผมยอมให้ใช้โดยนัย”
ทุกคนๆตกใจ และมองไปที่โห้หลีเฉินด้วยท่าทางประหลาดใจ
มีบางคนประหลาดใจ และมีบางคนที่สงสัย และคิดว่าที่โห้หลีเฉินพูดเช่นนี้ก็เพื่อจะปกป้องเย้นหว่าน
ถึงอย่างไรก็ตามเขารักและตามใจเย้นหว่านมากขนาดนั้นจริงๆ เมื่อพูดขึ้นมาอาการบาดเจ็บของร่างกายนี้ก็เป็นเพราะเย้นหว่าน เพื่อเธอแม้แต่ชีวิตของเขาก็ไม่เอาแล้ว แม้ว่าเย้นหว่านจะทำอะไรกับโห้หลีเฉิน ผู้ชายคนนี้ก็เลือกที่จะยอมรับอย่างเงียบๆ และก็เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
การคาดเดาต่างๆในใจของแต่ละคน ทำให้ซาบซึ้งในความทุ่มเทและความรักอันลึกซึ้งของโห้หลีเฉินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สีหน้าของจูเหลียนอีงขยับเล็กน้อย ทว่าจับประเด็นสำคัญได้อย่างรวดเร็ว
“นายยอมรับโดยนัย งั้นนายรู้ไหมว่ายามีประสิทธิภาพอย่างไร?”
โห้หลีเฉินพยักหน้า “ยามหัศจรรย์ ผมสามารถออกจากโรงพยาบาลได้เร็วขนาดนี้ ก็เพราะใช้ยาตัวนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย้นหว่านรู้สึกประหลาดใจเป็นที่สุด
“หรือว่าคุณรู้มาโดยตลอดว่าฉันเปลี่ยนยาอย่างนั้นเหรอ?”
โห้หลีเฉินเหลือบมองเย้นหว่านหนึ่งครั้ง “ถ้าไม่อย่างนั้นคุณคิดว่าอย่างไรล่ะ คุณสามารถแอบเปลี่ยนยาภายใต้สายตาของผมได้อย่างนั้นเหรอ?”
แม้ว่าจะเป็นการถามกลับ แต่คำตอบกลับเป็น ไม่ได้อย่างแน่นอน
พลังการสังเกตที่เฉียบแหลมถึงขั้นวิปริตของโห้หลีเฉิน จนกระทั่งเป็นไปได้อย่างมากว่าจับได้ตอนครั้งแรกมีอะไรผิดปกติไปแล้ว
แต่ว่าเขาไม่เคยบอกให้เธอรู้มาโดยตลอด และยังปล่อยให้เธอทำอยู่อย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเงียบๆ
แก้มของเย้นหว่านแดง และหัวใจของเธอก็ปั่นป่วนไปพักหนึ่ง
เฝิงเสวียนหลันจ้องไปที่ฉากตรงหน้าเธออย่างตกตะลึงจนตาค้าง ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เธอได้ยิน
เธอจับหางจิ้งจอกได้อย่างไม่ง่ายดาย คิดไม่ถึงว่าความจริงจะเป็นเช่นนี้?
เธอพูดอีกครั้งอย่างไม่เต็มใจว่า “แต่ว่าไม่รู้ที่มาของยาตัวนี้ หากมีผลข้างเคียงอะไรก็แย่แล้ว”
“จะไม่มีผลข้างเคียงใดๆแน่นอนค่ะ นี่เป็นยาที่ฉันขอมาจากป่ายฉีทางนั้น ฉันก็เคยใช้มาก่อน แผลเล็กๆก็หายสนิทในที่สองแล้ว”
เย้นหว่านรีบเอ่ยปากรับประกัน
“ป่ายฉีให้มาน่ะเหรอ?”
แม้แต่จูเหลียนอีงก็ยังประหลาดใจ และจากนั้นก็นึกถึงอะไรบางอย่าง ราวกับว่เพิ่งรู้ตัวในภายหลังอีกแล้ว
ในวันที่โห้หลีเฉินเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้น เย้นหว่านพาป่ายฉีมา และเห็นได้ชัดว่า สิ่งที่ป่ายฉีทำต่อเย้นหว่านซึ่งแตกต่างจากคนอื่น แล้วก็รักษาความสัมพันธ์มากๆ อย่างน้อยความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็คงไม่เลวเลยทีเดียว
ป่ายฉีนำยาตัวนี้ให้เย้นหว่าน ก็สามารถเป็นไปได้
จูเหลียนอีงวางใจลงอย่างสิ้นเชิง และก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เอื้อมมือไปจับมือเล็กๆของเย้นหว่าน
กล่าวอย่างซาบซึ้งว่า”เสี่ยวหว่าน รบกวนเธอแล้วที่ใจทำขนาดนี้ หลีเฉินถึงได้ดีขึ้นเร็วขนาดนี้ เธอเป็นผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลโห้ของเรา”
“คุณย่า คุณชมมากเกินไปแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรทำค่ะ”
แก้มของเหยียนหว่านแดงเล็กน้อย
ด้านข้างๆ อย่างเฝิงเสวียนหลันสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนถ่านในทันที เมื่อเห็นบรรยากาศที่กลมกลืนระหว่างจูเหลียนอีงและเย้นหว่านนั้น โมโหจนหัวใจตับปอดและไตเจ็บไปหมดแล้ว
ไม่ผลักเย้นหว่านให้ล้ม ตอนนี้ กลับทำให้เย้นหว่านกลายเป็นวีรสตรีที่ยิ่งใหญ่ และยังได้รับการขอบคุณจากจูเหลียนอีงอีก
แล้วตำแหน่งของเธอในตระกูลโห้ นั่นก็ยืนได้อย่างมั่นคงมากขึ้นอีกไม่ใช่เหรอ ดังนั้นยังสามารถหย่าได้อีกไหม?
เฝิงเสวียนหลันกำลังกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้อยู่ จากนั้นจึงได้ยินคำที่จูเหลียนอีงพูดด้วยความน่ารำคาญใจไร้ที่เปรียบ
“เสี่ยวหว่าน เธอและเฉินเป็นห่วงซึ่งกันและกันขนาดนี้แล้ว ย่ามองออกว่า ในใจของพวกเธอมีกันและกันอยู่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ รอให้เฉินออกมา ก็จัดงานแต่งงานกันเลยดีไหม?”
จัดงานแต่งงาน? เย้นหว่านตะลึงไปชั่วขณะ และมองไปที่โห้หลีเฉินด้วยความตื่นตระหนก
เห็นแค่ว่าใบหน้าอันหล่อเหลาใบนั้นของโห้หลีเฉินไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ดวงตาอันลึกซึ้งที่เหมือนก้นบึ้งในหัวใจ ทำให้ผู้คนไม่สามารถมองเห็นอารมณ์ของเขาได้ และยังถูกเขาดึงเข้าไปด้วย
ครั้งที่แล้วที่จูเหลียนอีงกำลังคุยเรื่องการแต่งงานที่บ้านนั้น โห้หลีเฉินก็ปฏิเสธโดยตรงเลยทันที
แล้วตอนนี้ล่ะ เขาจะมีท่าที่อย่างไรกันนะ?
เย้นหว่านมองอารมณ์ของเขาไม่ออก ทว่ากลับไม่สบายใจเกี่ยวกับท่าทีของเขา
แต่ว่าโห้หลีเฉินกลับมองเธอด้วยสายตาที่ลึกล้ำเท่านั้น ริมฝีปากบางสวยงามของเขาถูกกดเป็นเส้นและมีความหมายว่าไม่อยากที่จะพูดเลยสักนิด
“เสี่ยวหว่าน เธอว่าอย่างไร?”
จูเหลียนอีงยิ้มอย่างเมตตาอีกครั้ง และถามอย่างมีความอดทน
นี่ก็หมายความว่า ต้องการให้เย้นหว่านพยักหน้าตอบรับ
หัวใจของเย้นหว่านยิ่งสับสนขึ้นไปอีก ทำไมคุณย่าโห้ไม่ไปถามโห้หลีเฉินล่ะ ถามเธอ เธอจะเป็นคนตัดสินได้อย่างนั้นเหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโห้หลีเฉินในตอนนี้ยังไม่ชัดเจน ขนาดคู่รักก็ไม่ใช่ ก็กระโดดเข้าสู่การแต่งงานโดยตรง…
“คุณย่า รอโห้หลีเฉินจะออกจากโรงพยาบาลแล้วค่อยว่ากันนะคะ”
เย้นหว่านก้มศีรษะตอบกลับมาหนึ่งประโยค แก้มได้แดงจนลามไปถึงรากหูแล้ว
แผนของเธอคือรอให้โห้หลีเฉินออกจากโรงพยาบาล ให้โห้หลีเฉินได้เปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน ถ้าหากเขาไม่ยอมรับ การแต่งงานก็จะไม่เกิดขึ้น ถ้าเขายอมรับ งั้นก็แต่งงานกัน
คิดว่าอาจจะได้แต่งงานกับโห้หลีเฉิน หัวใจของเย้นหว่านเต้นเร็วขึ้นอย่างรุนแรง
เมื่อเป็นเช่นนี้ การสารภาพรักของเธอถือเป็นขอแต่งงานได้หรือไม่?
ไร้ยางอาย
เย้นหว่านอยากเป็นผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัวคนหนึ่งมากๆ แต่ว่าเธอพลาดโอกาสการขอแต่งงานและการรุกของโห้หลีเฉินมาตั้งหลายครั้งแล้ว ตอนนี้เดาว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะรุกแล้ว และทำได้เพียงให้เธอมารุกเองแล้วแหละ
เมื่อได้ยินคำตอบของเย้นหว่าน ดวงตาของโห้หลีเฉินก็มืดลง และความสดใสที่ไหลอยู่ใต้ดวงตาของเขา ก็กลายเป็นจิตหดหู่
ตอนนี้เธอกลัวเพราะอยู่ต่อหน้าคุณย่า และไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะปฏิเสธโดยตรง ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะชะลอเวลา
รอให้เขาออกจากโรงพยาบาลในตอนนั้น เธอก็จะหนีไปทันที พอถึงตอนนั้นก็จะได้ไม่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกขนาดนั้นแล้ว
เป็นการวางแผนที่ดี
แต่ว่าหัวใจของโห้หลีเฉินกลับมืดครึ้มเต็มไปด้วยเมฆ เหมือนดั่งเช่นสภาพอากาศที่มืดครึ้มก่อนฝนตกหนัก อึดอัดและทรมาน
จูเหลียนอีงยืนอยู่ใกล้ๆ และเห็นแก้มสีแดงขี้อายของเย้นหว่านได้อย่างชัดเจน เหมือนกับเด็กผู้หญิงส่วนใหญ่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ชายในดวงใจ
เธอสามารถที่จะมั่นใจในความหมายของเย้นหว่านได้แล้ว ว่าเธอเต็มใจที่จะแต่งงาน
ในเมื่อจัดการเย้นหว่านได้แล้วนั้น โห้หลีเฉิน ก็เป็นแค่ของชิ้นเล็กๆชิ้นหนึ่งแล้ว
ในที่สุดหินก้อนใหญ่ในใจของจูเหลียนอีงก็ตกลงมาได้ สามีภรรยาคู่นี้ ในที่สุดทั้งคู่ก็จะไม่ใช้การหย่าร้างเพื่อทำให้หญิงชราอย่างเธอหวาดกลัวอีกแล้ว
เธอสามารถเตรียมงานแต่งงานได้อย่างสบายใจแล้ว
จูเหลียนอีงจับมือของเย้นหว่านและตบเบาๆหลายๆครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มที่เมตตาบนใบหน้า น้ำเสียงอ่อนโยนเป็นที่สุด
“โอเค โอเค งั้นรอให้ถึงพรุ่งนี้แล้วค่อยว่ากัน”
ออกจากโรงพยาบาล เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้แล้ว
สองคำนี้ได้กระตุ้นให้หัวใจของเย้นหว่านเต้นอย่างบ้าคลั่ง รู้สึกว่าช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดเช่นนั้น ใกล้เข้ามาแล้ว
สารภาพรัก แต่งงาน
กระชับมากเกินไปแล้ว เร็วมากเกินไป
แต่ว่าเธอตั้งหน้าตั้งตารอมากๆ
“เฮ้อ พวกคุณมาที่นี่ตั้งนานขนาดนี้แล้ว ฉันยุ่งจนลืมไปเลย คุณย่า คุณป้าใหญ่ พวกคุณนั่งลงก่อนนะคะ ฉันจะไปรินชาให้พวกคุณ”
ขณะที่พูด เย้นหว่านรีบดึงมือออกมา หน้าแดงและรีบวิ่งเข้าไปในครัวอย่างรวดเร็ว
การจ้องมองอย่างชาญฉลาดของจูเหลียนอีงเช่นนั้น ทำให้เย้นหว่านรู้สึกว่าอยู่ตรงหน้าเธอ ล้วนแต่ถูกมองเห็นได้อย่างชัดเจน และความรู้สึกอับอายเช่นนั้นก็เพิ่มสูงขึ้นโดยทันที
ถ้าอยู่นานกว่านี้อีก เธอก็กลัวว่าคงไม่ใช่เพราะหน้าที่ร้อนของเธอจนทำให้หน้าของเธอปิ้งจนสุกแล้วสิท่า
เมื่อเห็นเย้นหว่านวิ่งหนีไปแล้ว จูเหลียนอีงก็ไม่ได้สนใจเลยสักนิด และอารมณ์ยังดีเป็นพิเศษอีก
ใบหน้าเหี่ยวย่นใบนั้น น่าจะเป็นเพราะเหตุนี้จึงดูอ่อนวัยตั้งหลายปี
แต่ภายในชั่วพริบตา เธอก็มองเห็นโห้หลีเฉินที่นั่งอยู่บนเตียง ปลดปล่อยความกดดันของอากาศในร่างกายออกมา