บทที่ 359 ลาก่อน โห้หลีเฉิน
“คุณ คุณโห้!”
พ่อกู้โดดขึ้นมาจากที่นั่งทันที เบิกตากว้างมองผู้ชายที่เดินมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เขาดูไม่ผิดมั้ง? โห้หลีเฉินที่ทรงอำนาจที่สุดในเมืองหนาน ประทานใหญ่ของตระกูลโห้ จะมาที่บ้านเขา
“ท่านมาได้ยังไงครับ? รีบ รีบเชิญนั่งครับ”
พ่อกู้เช็ดมือใส่เสื้ออย่างอลหม่าน เดินไปทางโห้หลีเฉินอย่างรีบร้อน
โห้หลีเฉินหยุดฝีเท้า สายตามองข้ามผ่านพ่อกู้โดยตรง แล้วมองไปที่กู้จื่อเฟย น้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ผมหาคุณ”
ท่าทางที่พ่อกู้จะเดินไปกุมมือหยุดชะงักไว้ เขาค่อนข้างอึดอัด คุณโห้ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
แต่ว่า เทพองค์ใหญ่องค์นี้ไม่ใช่ใครๆก็จะขัดใจได้ เขารีบตะโกนใส่กู้จื่อเฟยที่ยังยืนเซ่ออยู่ข้างโต๊ะอาหาร
“จื่อเฟย ยังยืนเซ่ออยู่ทำไม รีบมาเร็วสิ”
“ค่ะๆ”
กู้จื่อเฟยดึงสติกลับมา ทีนี้ถึงเดินมาทางโห้หลีเฉิน และถือโอกาสพูดออกมาคำนึง“คุณโห้ เชิญนั่งค่ะ อยากดื่มอะไรคะ?”
“ไม่ต้อง ผมถามคุณคำถามนึง คุณตอบผมมาตามความจริงก็พอ”
โห้หลีเฉินเปิดปาก ก็เข้าสู่ประเด็นหลักโดยตรง
กู้จื่อเฟยได้แต่ยืนอยู่ที่ตรงหน้าของโห้หลีเฉินอย่างเชื่อฟัง เหมือนเด็กนักเรียนยังไงอย่างงั้น ที่กำลังตอบคำถามของครูประจำชั้น
พ่อกู้กับแม่กู้ดูท่าทางนี้ รีบถอยออกไปอย่างรู้ตัว เหลือพื้นที่ส่วนตัวให้
คุณโห้จะถามอะไรพวกเขาไม่รู้ แต่คำพูดบางอย่าง ฟังซี้ซั้วไม่ได้
รอบๆไม่มีคน โห้หลีเฉินถาม “คุณกับเย้นหว่านตกแต่งอะไรที่วิลล่าส้ายน่า?”
กู้จื่อเฟยอึ้งไปครู่นึง ทีนี้ถึงดึงสติกลับมาได้ ที่แท้ก็มาถามเรื่องของเย้นหว่านนี่เอง ถึงว่าล่ะประธานโห้ผู้สูงส่งถึงได้มาเองเลย
เธอย้อนถามด้วยความแปลกใจ“ของพวกนั้นยังไม่ได้ถูกจัดเก็บทำความสะอาดเหรอคะ?”
นี่ก็นานขนาดนี้แล้ว
สักพัก เธอนึกอะไรได้อีก มองโห้หลีเฉินอย่างประหลาดใจ“หรือว่าคุณโห้เพิ่งเห็นการตกแต่งของวิลล่า?”
โห้หลีเฉินแววตาเข้มขึ้น เขาได้พยักหน้า
กู้จื่อเฟยยกมุมปากขึ้น โห้หลีเฉินนี่ไปไม่ได้เวลาจริงๆ ดั๊นจะไปดูเวลานี้ นี่ก็บ่ายโมงกว่าแล้ว
เธอมองเขา“คุณโห้ ฉันขอละลาบละล้วงถามคุณคำนึงนะ คุณมาถามการตกแต่งพวกนั้นกับฉัน คืออยากรู้อะไรบ้างคะ? จะถามเอาความผิด หรือว่า…..”
“ผมอยากรู้ความคิดของเย้นหว่าน”
โห้หลีเฉินพูดออกมาทีละถ้อยคำ น้ำเสียงทุ้มต่ำแต่ก็ยืนหยัด เหมือนมีความตั้งใจเด็ดเดี่ยวที่กระวนกระวายใจบางอย่างอยู่
กู้จื่อเฟยมองผู้ชายตรงหน้าทีสูงส่งจนไม่อาจละเมิด เลี่ยงไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
ว่าไปแล้ว ผู้ชายที่สูงส่งอย่างโห้หลีเฉินฉลาดและมองการณ์ไกล ยิ่งมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ช่วงเวลาที่อยู่กับเย้นหว่าน ดูเหมือนเย้นหว่านได้ทำลายความมั่นใจของคนอื่นจนหมดซะแล้ว
ก็เหมือนเรื่องเกมส์ทดสอบคนจริงใจของครั้งก่อน เดิมทีโห้หลีเฉินมั่นใจขนาดนั้นว่าคนที่เย้นหว่านชอบคือเขา แต่สุดท้ายกลับถูกเย้นหว่านปฏิเสธอย่างโหดร้าย
ทำให้ตอนนี้ถึงเห็นการใช้ใจตกแต่งสารภาพรักที่เต็มห้อง โห้หลีเฉินก็ไม่กล้าพูดอย่างเด็ดขาด แต่จะมาหาคนนอกอย่างเธอเพื่อพิสูจน์
แต่ถึงจะรู้เจตนาของเย้นหว่านแล้ว ตอนนี้เขาจะทำอะไร ยังจะทันอยู่เหรอ?
กู้จื่อเฟยดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ และพูดอย่างจริงจัง
“คุณโห้ ถ้าคุณชอบเย้นหว่านจริงๆ ตอนนี้รีบไปสนามบินอาจจะยังทันอยู่ค่ะ”
คำพูดเดียว ไม่ได้ตอบโดยตรง แต่ได้พิสูจน์การคาดเดาของโห้หลีเฉินแล้ว
ความไม่แน่ใจเสี้ยวสุดท้ายในใจเขา ได้รับการคอนเฟิร์มแล้ว
ในใจของเย้นหว่าน ที่แท้มีเขาอยู่จริงๆ……
ความดีอกดีใจที่ตื่นเต้นและระเบิดออกมา พริบตาเดียวก็เติมเต็มหัวใจเขา เขาหันหลังเดินออกไปข้างนอกอย่างไวโดยที่ไม่ลังเลเลยสักนิด
ในเมื่อแบบนี้ เขาจะให้เย้นหว่านไปจากข้างกายเขาได้ยังไง
เหตุผลเดียวที่เขาจะปล่อยเธอไป ก็คือเธอไม่รักเขา เชาถึงจะปล่อยมือ แต่ในเมื่อเธอรักเขา เขาก็จะไม่ปล่อยมือเด็ดขาด
โห้หลีเฉินจากไป พ่อกู้กับแม่กู้ถึงเดินออกมา
พวกเขามองดูร่างเงาที่เร่งรีบของผู้ชาย รู้สึกข้องใจอย่างมาก
“จื่อเฟย คุณโห้มาหาแกมีธุระอะไร? แกคงไม่ได้ก่อเรื่องมั้ง?”
ผลประโยชน์ทางธุรกิจเป็นเรื่องเล็ก ความปลอดภัยของลูกสาวตัวเองถึงจะเป็นเรื่องใหญ่
กู้จื่อเฟยส่ายหัว กอดแขนของพ่อตัวเองไว้ “ไม่มีอะไรค่ะ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ต่อไปอาจจะต้องเจอโห้หลีเฉินบ่อยขึ้นแล้ว”
“เพราะอะไร?” พ่อกู้ค่อนข้างตื่นเต้น
กู้จื่อเฟยพูดด้วยรอยยิ้ม “เพราะเขากำลังจะกลายเป็น สามีของเพื่อนรักไงคะ~”
โห้หลีเฉินตามมาถึงนี่เพราะการตกแต่งของวิลล่า ในฐานะที่กู้จื่อเฟยเป็นคนนอก กลับเห็นชัดกว่าที่เย้นหว่านเห็น โห้หลีเฉินชอบเย้นหว่าน ชอบมากๆ!
เพียงแต่ความเข้าใจผิดระหว่างเย้นหว่านกับโห้หลีเฉิน ต้องให้พวกเขาไปเคลียร์กันเอง
แต่ฝ่ายนึงก็ก้าวเท้าออกมาแล้ว งั้นคืนดีกันยังจะไกลอีกเหรอ?
กู้จื่อเฟยรู้สึกเธอสามารถเริ่มเตรียมอั่งเปา และเตรียมของขวัญงานแต่งจริงๆแล้ว
โห้หลีเฉินเดินออกมาอย่างเร่งรีบ เกือบจะจนชนเข้ากับคนที่เดินมาตรงหน้า
เขาหลบไปอย่างไว แล้วจะเดินไปข้างหน้า คนๆนั้นกลับตาไวมือไวดึงเขาไว้
“หลีเฉิน นายมาอยู่นี่ได้ยังไง?”
ฉินฉู่สีหน้าประหลาดใจ มองโห้หลีเฉินอย่างแปลกใจมาก
ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเย้นหว่านสักหน่อย แต่เป็นบ้านของกู้จื่อเฟย ทำไมโห้หลีเฉินถึงออกมาจากบ้านของกู้จื่อเฟยได้?
ทีนี้โห้หลีเฉินถึงมองฉินฉู่ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ปล่อย ฉันรีบ”
“ไปไหน?” ฉินฉู่ข้องใจ จากนั้นก็นึกอะไรได้ “นายจะไปสนามบินใช่มั้ย?”
เขาก็เพิ่งรู้เรื่องที่เย้นหว่านจะบินวันนี้เมื่อไม่นานมานี้เอง ดังนั้นถึงรีบร้อนวิ่งมาหากู้จื่อเฟย อยากดูซิว่าเพื่อนรักคนนี้มีวิธีอะไรรั้งเย้นหว่านไว้มั้ย
เพราะยังไงซะมีแค่คนอยู่ที่เมืองหนาน ถึงจะมีโอกาสคืนดีกัน
โห้หลีเฉินพยักหน้า และสลัดมือของฉินฉู่ออกอย่างไว ก็ก้าวเท้าเดินไปที่รถ
โห้หลีเฉินที่เป็นคู่กรณีก็จะไปสนามบินแล้ว ฉินฉู่ก็ไม่มีเหตุผลไปปรึกษาหารือกู้จื่อเฟยแล้ว เขารีบเตาะแตะๆเดินขึ้นรถตาม
จากนั้นก็เห็นโห้หลีเฉินเหยียบคันเร่งสุดตีน รถก็ได้พุ่งออกไปอย่างไวเลย
ฉินฉู่รีบจับราวจับไว้ อกสั่นขวัญแขวน รถขับเร็วเกินไป ต้องรีบร้อนขนาดนี้เลยเหรอ?
ระวังหน่อย อย่าเกิดอุบัติเหตุนะ
เขาเตือนอย่างระมัดระวัง “หลีเฉิน ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายโมงกว่าเอง เวลายังทันอยู่”
โห้หลีเฉินเม้มปากไว้ไม่สนใจเขา รถก็ยังซิ่งไวอีกเช่นเคย
รู้ทุกอย่างนี้แล้ว เขาแทบอยากจะติดปีกและบินไปที่ตรงหน้าเย้นหว่านโดยตรง ทันทีทันใดนั้นเลย
ฉินฉู่มองรถที่ไวเหมือนเหาะ สีหน้าไม่ดี ได้แต่จับราวจับไว้แน่น
——
สนามบิน
ประกาศเริ่มป่าวประกาศให้ขึ้นเครื่อง ผู้คนต่างก็เดินไปขึ้นรถบัสรับส่งที่ทางออก
เย้นหว่านกุมตั๋วในมือไว้ นั่งเซ่อๆอยู่ แววตาพร่ามัว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เย้นโม่หลินนั่งอยู่ที่ข้างกายเธอ ตบไหล่เธอด้วยความสงสาร
“เสี่ยวหว่าน ต้องไปแล้ว”
ทีนี้เย้นหว่านถึงดึงสติกลับมาได้ “อ๋อ ค่ะ”
เธอลุกขึ้นมา ก็จะเดินตามผู้คนออกไปทางประตู
เย้นโม่หลินจับมือเล็กๆของเธอไว้ และพูดอย่างจนปัญญา “เราไม่ต้องไปเบียดกับพวกเขา เดินอีกฝั่ง”
เย้นโม่หลินพาเย้นหว่านเดินทางผ่านVIP นั่งรถบัสรับส่งโดยเฉพาะ ส่งมาถึงใต้เครื่องบิน
เย้นหว่านยืนอยู่ที่ข้างเครื่องบิน มองทางเข้าขึ้นเครื่องแล้วเหม่อลอย
ความอ้างว้างของในใจได้แผ่ขยาย
เธอมองไปที่ทิศทางของเมืองหนาน นิ้วมือจับกระเป๋าคลัชไว้แน่น สะกดความทรมานและตัดใจไม่ได้ของในใจไว้
เธออ้าปาก และพูดเสียงเบามากๆ
“ลาก่อน” โห้หลีเฉิน