สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน – บทที่ 377 ไปพบคู่หมั้น

บทที่ 377 ไปพบคู่หมั้น

บทที่ 377 ไปพบคู่หมั้น

เย้นโม่หลินรีบตามมาด้วยความเป็นห่วง ก็พบกับเย้นหว่านที่ยืนอยู่ตรงระเบียง หลังของเธอนั้นตรง และมีการสั่นเล็กน้อย

ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยความโศกเศร้าที่ไม่อาจแก้ไขได้

ภายในใจของเย้นโม่หลินเกิดอาการโกรธขึ้นมา เขาอยากจะฆ่าโห้หลีเฉินทิ้งเสียเหลือเกิน! ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เย้นหว่านคงไม่เสียใจขนาดนี้

เมื่อเห็นท่าทางที่เจ็บปวดของเธอแล้ว ทำให้หัวใจของเขาแทบจะแตกสลายไปตามๆกัน

“เสี่ยวหว่านรสชาติ”

เย้นโม่หลินเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างๆเย้นหว่าน ยื่นมือออกไปแล้วตบหลังของเธอเบาๆ

และเขาก็เห็น ในดวงตาที่แดงก่ำนั้น เอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำตา

ช่วงหลังมานี้เย้นหว่านไม่เคยร้องไห้อีกเลย เขารู้ดีว่า เธอนั้นพยายามเข้มแข็ง ตั้งใจทำตัวเฉยชา ทว่า เมื่อต้องอยู่ห่างไกลกันจริงๆ พอถึงตอนสุดท้าย ก็จะมีสักครั้งที่มันพังยับเยิน

เขาดึงเธอเข้ามากอดจมอก

“ร้องออกมา ร้องออกมาให้หมด แล้วทุกอย่างมันจะดีขึ้นเอง”

ตรงหน้าคือหน้าอกของผู้ชาย เป็นที่ๆมีแสงสลัว ยังมีอ้อมกอดของพี่ชาย ราวกับที่ๆอำนวยให้เธอสามารถทำตามอำเภอใจได้ จึงทำให้เย้นหว่านสามารถร้องไห้ออกมาด้วยความทุกข์​ทรมาน​จริงๆ

ความอัดอั้น​ภายในใจทั้งหมดถูกระเบิดออกมา

ไม่รู้ว่าร้องไห้ไปนานแค่ไหน เย้นหว่านร้องไห้จนตาบวม

เสียงของเธอแหบเล็กน้อย “ที่จริง ฉันแค่ยังไม่ค่อยชินน่ะ”

หลายคนบอกว่า วิธีเยียวยาอาการอกหักคือการไปเที่ยว แต่สำหรับคนใจอ่อน มันเป็นการทรมานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ห่างจากคนๆนั้นมากเพียงใด ยิ่งคิดถึง กังวล และเศร้าที่ไม่ได้สูดอากาศของเมืองเดียวกับเขา ล้วนเป็นความเศร้าโศก​อย่างหนึ่ง

เย้นโม่หลินตบหลังของเย้นหว่านเบาๆ แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงที่นุ่มนวล​ว่า “พี่จะอยู่ข้างเธอตลอดไป”

สายลมในยามค่ำคืนพัดผ่าน ทั้งสองคนกำลังยืนกอดกัน ในความเศร้านั้นยังมีความอบอุ่นอยู่

ภายในงานเลี้ยง เย้นอวี่ซีและเย้นอี๋มองพวกเขาสองคนผ่านหน้าต่าง นัยน์ตา​ค่อยๆแปรเปลี่ยน​เป็นไม่พอใจ และดูดุร้ายเล็กน้อย

เย้นอวี่ซีพูดขึ้นด้วยท่าทางที่หงุดหงิด “ถ้าเธอไม่ใช่คุณหนู ฉันก็ไม่เสนอที่จะเป็นเพื่อนเธอหรอก ไม่คิดว่าเธอยังจะไม่เห็นคุณค่ามัน”

“จริง คิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูแล้วจะทำอะไรก็ได้หรอ? เมื่อก่อนก็เป็นเด็กกำพร้าธรรมดามาก่อนนี่ ทำตัวอย่างกับคางคกขึ้นวอ”เย้นอี๋พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะมีชีวิตที่สวยงามและราบรื่น​แบบนี้ตลอดไป ฉันรอวันที่ชีวิตเธอพังทลาย​อยู่”

สีหน้าของเย้นอวี่ซีเต็มไปด้วยความอำมหิต เธอปลดปล่อยอารมณ์โกรธ​โดยการกำมือแน่น

เย้นหว่านที่กำลังจมอยู่กับความเศร้าที่เกิดจากความรัก ไม่รู้ตัวว่า ตัวเองกำลังสร้างความไม่พอใจให้กับหญิงสาวที่โหดร้ายสองคน

หลังจบงานเลี้ยง เย้นหว่านก็ไม่ค่อยสนใจอะไรอีกเลย

แต่ก็ไม่มีความเจ็บปวดเสียดแทงหัวใจเหมือนคืนนั้นอีกแล้ว แค่ความแปลกใหม่ที่ทุกอย่างไม่เกี่ยวกับเขานั้น ทำให้เธอรู้สึกเฉยชา มึนงง และไม่มีรอยยิ้ม

พ่อแม่ตระกูลเย้นเห็นแล้วรู้สึกเป็นห่วง เย้นโม่หลินยิ่งเป็นห่วงเข้าไปใหญ่

พวกเขารวมตัวกัน แล้วเปิดการประชุมเล็กๆภายในบ้าน

“เสี่ยวหว่านจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ และไม่รู้ว่าจะมูฟ​ออน​ได้เมื่อไหร่ ภายในหัวใจของคนเป็นแม่อย่างฉัน เจ็บปวดจนเหมือนมีเลือดไหลออกมาแล้ว”

สีหน้าของเย้นเจิ้นจื๋อหมองลง “ทว่า เรื่องการผิดหวังจากความรักแบบนี้…..มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะเยียวยาได้”เขากับกงจืออวีนั้นคบกันมาตั้งแต่เด็ก ความสัมพันธ์​ก็ดีมาโดยตลอด ระยะเวลาหลายสิบปีนั้น ไม่เคยเลิกกันเลย เขาจึงยิ่งไม่รู้ว่าความรู้สึกตอนอกหักมันเป็นอย่างไร

เย้นโม่หลินที่กำลังนั่งด้วยสีหน้าที่อมทุกข์ ยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่

เขายังไม่เคยมีแฟนเลยด้วยซ้ำ

เขาทำเพียงมองไปยังแม่ของตัวเอง “แม่ครับ แม่มีวิธีอะไรไหมครับ?”

“แม่มีอยู่หนึ่งวิธี แต่ไม่รู้ว่าจะใช้ได้หรือเปล่า”

เย้นเจิ้นจื๋อและเย้นโม่หลินรีบพูดขึ้นพร้อมกันว่า “ลองพูดดูสิครับ! “

กงจืออวีลังเลไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ยังจำได้ไหม ตอนที่เสี่ยวหว่านเพิ่งคลอด ก็ได้หมั้นหมายไว้กับเด็กอีกคน?”

เย้นเจิ้นจื๋อพยักหน้า “คุณหมายถึงไอ้เด็กของตระกูลหยู”

“อืม ถึงแม้เสี่ยวหว่านจะอยู่ข้างนอกตั้งแต่เด็ก แต่เด็กคนนั้นจากตระกูลหยูอยากแต่งงานกับเสี่ยวหว่านเท่านั้น หลายปีมานี้คุณก็กำลังช่วยเขาหาคู่ ทว่า เขาก็ยังไม่ยอมแต่ง แม้แต่แฟนก็ไม่เคยมี ก็เพราะเขากำลังรอเสี่ยวหว่าน”

เย้นเจิ้นจื๋อพูดออกมาอย่างดูถูก “นั่นเป็นเพราะปัญหาทางด้านพันธุกรรม​ของตระกูลหยูไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่แต่งกับเสี่ยวหว่าน แล้วอาการกำเริบทีหลัง ก็ต้องตายสถานเดียว”

“ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ก็ตาม​ แต่เขาก็ไม่ได้ขอผู้หญิงคนอื่นจากครอบครัวของเราอย่างกระตือรือร้น ก็ถือว่ายังใส่ใจเสี่ยวหว่านอยู่”

กงจืออวีมองดูสองพ่อลูกที่ทำหน้ามุ่ย จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “โบราณ​เขากล่าวไว้ว่า ถ้ามีรักใหม่ก็จะสามารถลืมรักเก่าได้ เราให้เสี่ยวหว่านกับเด็กตระกูลหยูเจอกันก่อน แล้วให้ทั้งสองสานสัมพันธ์​กันต่อ ถ้าเสี่ยวหว่านสามารถรักเขาได้ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเลยไม่ใช่เหรอ”

ถ้าเป็นแบบนั้น เธอก็ได้เดินออกมาจากความเจ็บปวด เรื่องชีวิตคู่ก็สมบูรณ์​แบบ

มันเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมที่สุดสำหรับทั้งสองคนเลย

ทว่า เย้นเจิ้นจื๋อยังคงรังเกียจเป็นพิเศษ​ และไม่พึงพอใจ​มาก “เสี่ยวหว่านเพิ่งกลับมา ผมยังอยากให้ลูกอยู่กับเราอีกสัก2-3ปี ไม่อยากให้ไปแต่งงานกับเด็กตระกูลหยูง่ายๆแบบนี้”

กงจืออวีก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ แต่เธอก็เอ็ดเย้นเจิ้นจื๋อไปทีหนึ่ง “ถ้าคุณมีวิธีที่ดีกว่านี้ คุณจะให้ลูกอยู่กับคุณอีกสัก10ปีก็ย่อมได้”

เย้นเจิ้นจื๋อ: “……….”เกิดการเสียดายทีหลังเล็กน้อย ตอนนั้นเขาน่าจะเลิกกับกงจืออวีสักสองสามครั้ง

เมื่อเห็นว่าสองพ่อลูกทำหน้าไม่ปลื้มและรับไม่ได้ กงจืออวีจึงปรบมือแล้วตัดสินและสรุปเรื่องนี้ทั้งหมด

“ติดต่อกับตระกูลหยู เสี่ยวโม่ อีกสองสามวันลูกพาเสี่ยวหว่านไป ถ้าเสี่ยวหว่านไม่ถูกใจเด็กคนนั้น ลูกก็พาน้องไปเที่ยวที่อื่นก่อน แล้วค่อยพากลับมา”

“เสี่ยวหว่านไม่ถูกใจเด็กคนนั้นแน่นอน”

เย้นโม่หลินกัดฟันพูดขึ้น น้องสาวสุดที่รักของเธอ ทำไมต้องยกให้ชายอื่นด้วย?

เขาแค่พาเสี่ยวหว่านไปเที่ยวพักผ่อนจิตใจ​ก็พอ!

กงจืออวีหมดคำจะพูด “เสี่ยวโม่ ลูกอย่าคิดที่จะทำอะไรแผลงๆนะ ลูกต้องรู้ว่า ถ้าเสี่ยวหว่านสามารถชอบเด็กนั้นได้มันจะดีที่สุด น้องจะได้มีรอยยิ้ม หลังแต่งงานจะได้มีความสุข”

เย้นโม่หลินเบะปาก “ผมรู้ครับ”

ขณะเดียวกัน เงาของร่างเล็กที่อยู่ด้านนอกก็ค่อยๆเดินออกไป

เป็นเย้นหว่านเอง

เธอนั้นมาหาเย้นโม่หลิน ไม่คิดว่าจะได้ยินบทสนทนา​ของพวกเขาในเมื่อสักครู่

ที่แท้เขามีคู่หมั้นเด็กตั้งแต่เกิดแล้ว

และที่สำคัญ ทุกคนในบ้านนั้นต่างก็เป็นห่วงเธอมาก หาวิธีการต่างๆเพื่อให้เธอมีความสุข ถึงแม้จะไม่ค่อยเต็มใจ แต่ก็อยากให้เธอไปพบคนของตระกูลหยู

เย้นหว่านรู้สึกผิดเล็กน้อย การที่สภาพจิตใจของเธอย่ำแย่ มันทำให้คนรอบตัวเธอรู้สึกเป็นห่วงและกังวล

ตอนนี้เธอไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว เธอจะเอาแต่ใจแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เธอต้องดีขึ้นและมูฟออนเร็วๆ ถึงจะทำให้คนที่เป็นห่วงเธอสบายใจได้

ดังนั้น ตอนที่เย้นโม่หลินมาบอกเย้นหว่านว่า จะพาเธอออกไปข้างนอก เย้นหว่านจึงรีบตอบตกลงทันที

เย้นโม่หลินแปลกใจเล็กน้อย “เธอเต็มใจที่จะไปจริงๆ? เธอไม่อยากรู้หรอว่าพี่จะพาเธอไปพบใคร? ”

“พี่จะพาฉันไปพบใครล่ะ?”

เย้นหว่านกะพริบ​ตา ราวกับเพิ่งคิดคำถามนี้ออก

เย้นโม่หลินประหม่าเล็กน้อย จากนั้นก็พูดบทที่ท่องมาตั้งแต่เช้าออกไป

“ตอนที่เธอเพิ่งคลอด พ่อกับแม่ได้จับคู่และหมั้นหมายให้เธอตั้งแต่ตอนนั้น เขาคือคุณชายเล็กของตระกูลหยู ชื่อหยูซือห้าน รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา และเป็นคนดี ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาให้เกียรติ​การหมั้นหมายตั้งแต่เด็กของเขาและเธอ จึงไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอื่นเลย

พี่รู้ว่าตอนนี้สภาพจิตใจของเธอย่ำแย่ และยังไม่พร้อมมีรักครั้งใหม่หรอก ทว่า การได้เริ่มต้นกับคนใหม่ๆ เป็นวิธีการเยียวยาจิตใจที่ดีที่สุด

เธอไปพบเขา แล้วถ้ารู้สึกว่าโอเค ก็สามารถเก็บไว้พิจารณา​ได้ แต่ถ้ารู้สึกไม่ชอบ พวกเราก็ของยกเลิกการหมั้นหมายเลย”

เย้นหว่านไม่รู้ว่าตระกูลหยูเป็นครอบครัวแบบไหน แต่การที่สามารถหมั้นหมายกับตระกูลเย้นได้ ก็คงไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่ๆ

และการเข้าสู่ประตูวิวาห์​ของคนรวยนั้น ส่วนมากจะเกิดขึ้นเพราะผลประโยชน์​ทางธุรกิจ​

เย้นโม่หลินสนับสนุนเธออย่างเด็ดขาด ถ้าเธอไม่ชอบก็ให้ยกเลิกการหมั้นหมาย โดยไม่สนผลเสียที่จะตามมาแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้หัวใจของเย้นหว่านเต้นแรงและซาบซึ้ง​

เธอรู้สึกถึงความรักที่พวกเขามีต่อเธอได้อย่างชัดเจน

แล้วเธอจะกล้าปฏิเสธ​ความหวังดีของพวกเขาได้อย่างไร

เย้นหว่านพยักหน้า “โอเคค่ะ ฉันจะไปพบ ถ้าหน้าตาหล่อใช้ได้ บางทีฉันอาจจะตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบก็ได้”

เมื่อเห็นว่าเย้นหว่านยังมีอารมณ์​มาเล่นมุข เย้นโม่หลินก็ไม่รู้ว่าควรมีความสุขหรือควรกังวล

รู้สึกว่า วันนี้เย้นหว่านนั้นแปลกไปจากทุกวัน

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

Status: Ongoing

“คุณผู้หญิง ผมจะไม่แต่งงานกับคุณ” นี้คือประโยคแรกที่เขาพูดกับเธอ เธอรู้ชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นยังไง แกล้งทำเป็นคู่หมั้นของเขาอย่างเชื่อฟัง แต่ในหนึ่งวัน เธอโดนเขาจับขึ้นเตียงและลูบไล้ เธอตกใจ “คุณโห้ คุณเคยบอกแล้วว่า เราเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางสัญญา” “ผมยกเลิกแล้ว” เขาได้รู้แล้วว่า เธอเป็นผู้หญิงที่เขาตามหามานาน เขาจะปล่อยมือไปได้ยังไง? “เพื่อเป็นการชดเชย ผมเป็นของคุณแล้ว”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท