บทที่428 ความสิ้นหวังอันเคว้งคว้าง
เธอส่ายหน้าแรง“ฉันไม่เชื่อ โห้หลีเฉินไม่มีวันทิ้งฉันไป และยิ่งไม่มีวันปล่อยความรักระหว่างเรา”
เธอไม่เชื่อ
“แต่เขาไปแล้ว ไปอย่างผู้แพ้!”
เย้นโม่หลินจับบ่าเย้นหว่าน ฝืนเธอให้มองเขา พูดอย่างเข้มงวดทีละคำ“เสี่ยวหว่าน สำหรับผู้ชาย มันคือความอัปยศ ผู้ชายที่รักในศักดิ์ศรีอย่างโห้หลีเฉิน ทนไม่ได้หรอก เขาไม่มีสิทธิ์รักเธอแล้ว”
เย้นหว่านไม่เข้าใจ การต่อสู้ระหว่างผู้ชาย และยิ่งไม่เข้าใจในเรื่องระหว่างพวกเขา
แต่การปล่อยวาง กลับเหมือนเข็มทิ่มแทงใจเธอ
โห้หลีเฉินจากไปแล้ว ทิ้งเธอแล้วจริงๆหรือ
เย้นโม่หลินตบไหล่เย้นหว่านอย่างถนอม ถอนหายใจยาว
“พี่รู้ว่าเธอเสียใจ แต่เห็นชัดตอนนี้ ต่อไปจะได้ไม่ทุกข์ เสี่ยวหว่าน นับจากวันนี้ เธอจะไม่โดนกักขังแล้ว”
พอพูดคำนี้ออกไป เย้นโม่หลินก็ทนเห็นความเจ็บปวดของน้องสาวไม่ได้ เดินก้าวเท้า ออกไป
แววตาเขาอึมครึม
ในหัวสมอง เกิดความคิดปรากฏแว๊บ
เขาต่อสู้กับโห้หลีเฉินมาตลอด เป็นเวลาหลายปี เขาขยายอิทธิพลสุดขอบฟ้า เป็นครั้ง แรกที่ได้สู้อย่างสะใจ คู่ต่อสู้เขา กลับมีช่องโหว่ในข้อผิดพลาดของตน
ศักยภาพของโห้หลีเฉิน เมื่อเทียบกับเขา ไม่ได้แม้เพียงครึ่ง
โห้หลีเฉินคิดมากเกินไป เพราะเขาเป็นพี่ชายของเย้นหว่าน โห้หลีเฉินจึงรักษาระยะไว้
ไม่ได้ลงมือจริง จึงโดนเย้นโม่หลินกด
จนกระทั่งกลางคืน ทั้งๆที่เขามีโอกาสฆ่า แต่กลับไม่ลงมือ
การสูญเสียแบบนี้ไม่ใช่การสูญเสียที่แท้จริง
เย้นโม่หลินเป็นสุภาพบุรุษมาตลอด ไม่เคยเอาเปรียบใคร แต่โห้หลีเฉินรับมือยากเหลือเกิน เพื่อเย้นหว่านเขายอมไม่เอาชัยชนะในครั้งนี้ บังคับให้โห้หลีเฉินออกจากที่นี่
ชัยชนะแบบนี้ ไม่สง่าผ่าเผยเลย
ถ้ามีครั้งต่อไป เขาก็หวังว่าจะจัดการโห้หลีเฉินในทีเดียว……
ได้แต่เสียดาย เย้นโม่หลินยืนอยู่ที่ระเบียง ก้มหน้าดูเย้นหว่านที่ยืนเดียวดายอยู่ที่ลาน บ้าน ถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ
ดีที่สุด ชาตินี้ทั้งชาติไม่ต้องเจอดีกว่า
ข่าวนี้สำหรับเย้นหว่าน เกินความคาดหมายจริงๆ ช่างน่าตกใจ
เธอไม่กล้าเชื่อว่าโห้หลีเฉินไปไกลขนาดนี้ ไปสุดขอบฟ้าเขาเขียว เธอจะไปเจอเขาได้ที่
ไหน
ส่วนเขาปล่อยวางแล้ว เรื่องระหว่างพวกเขา ไม่มีคนในครอบครัวที่เห็นด้วย……
เย้นหว่านตาแดงก่ำ น้ำตากบตา แต่ก็ดื้อดึงไม่ยอมไหลลงมา
เธอไม่เชื่อว่าโห้หลีเฉินจะยอมแพ้แบบนี้
เขาเป็นโห้หลีเฉินที่ทำได้ทุกอย่าง ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้
เย้นหว่านสูดลมหายใจลึก รีบวิ่งไปด้านนอก
เป็นดั่งที่โห้หลีเฉินว่า เธอโดนปลดแล้ว พอเธอวิ้งออกนอกประตูตระกูลเย้น ก็ไม่มีใคร ขวางเธอได้
ถึงขนาดมีคนขับรถ ขับส่งเธอ
เย้นหว่านไม่ได้บอบบาง นั่งรถไป จากความทรงจำ เธอไปที่โรงแรมที่โห้หลีเฉินเคยพัก
เดินเข้าไป เย้นหว่านวิ่งขึ้นไปบนอาคาร ไปหาโห้หลีเฉินในห้องที่เขาเคยอยู่
เธอเดินตรงระเบียง มองเห็นห้องพักแต่ไกล เธอกำลังเปิดประตู
เย้นหว่านรู้สึกใจแขวน เธอขนลุก เปิดประตู โห้หลีเฉินยังอยู่!
เธอรีบวิ่งเข้าไป“โห้หลีเฉิน ฉัน……”
พูดยังไม่ทันจบ เย้นหว่านเห็นสถานการณ์ในห้องน้ำเสียงหยุดลงพลัน
เวลานี้ในห้องมีเพียงพนักงานสองคน กำลังทำความสะอาด นอกจากของตกแต่งในห้อง ไม่มีของส่วนตัวใดๆทั้งนั้น
เย้นหว่านตัวแข็งทื่อ ลำคอแห้งผาก
แม่บ้านทำความสะอาดเตียงหยุดชะงัก มองเย้นหว่านอย่างสงสัย“คุณหนูคะ มีธุระอะไรคะ”
เย้นหว่านกะพริบตา ลังเลสักครู่ ถามเสียงแข็ง
“คนที่พักห้องนี้ไปไหน”
“คนที่พักห้องนี้คืนห้องแล้วครับ”
คำพูดนี้ เหมือนกอหญ้าสุดท้าย ที่ถมทับเย้นหว่าน
เขาไปแล้วจริงๆ
ออกจากที่นี่แล้ว ออกจากชีวิตเธอแล้ว
เย้นหว่านไม่รู้ว่าตัวเองออกจากโรงแรมอย่างไร คนรถรออยู่หน้าประตู ให้เธอขึ้นรถ เธอก็ไม่ได้ขึ้นไป
วิญญาณเธอราวกับหลุดออกจากร่าง ในใจอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว
เธอมองท้องฟ้าเหม่อลอย ในหัวกำลังคิด เขาคงขึ้นเครื่องบินไปแล้วมั้ง บินไปที่เมืองหนาน ระยะห่างระหว่างเธอ ยิ่งไกลขึ้นทุกที
“จ๊อก——จ๊อก——จ๊อก——”
น้ำฝน หยดลงทีละหยด
ไม่ใหญ่ไม่เล็ก ตกลงบนตัวคน ไม่นานจึงเปียกชุ่มไปทั้งตัว
เย้นหว่านยืนตากฝน ราวกับไม่รู้สึกอะไร เดินไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย กลับไม่รู้ว่าเดินไปทางไหน
ในใจเธอมีแต่เขา ขอแค่เห็นเขา แต่เขาไปแล้ว เธอจะไปหาเขาที่ไหน
เมืองหนานเหรอ
บ้านตระกูลเย้นคงไม่ยอมให้เธอบินไปหรอก
เย้นหว่านร้องไห้หมดแรง ในใจเหมือนมีหินกดทับ ทำให้เธอรู้สึกราวกับหายใจไม่ออก
อีดอีด
อึดอัดมาก
ความอึดอัดราวกับจะระเบิด
“เสี่ยวหว่าน ฝนตกแล้ว กลับไปกับฉัน”
จู่ๆเย้นโม่หลินเดินมาด้านข้าง กางร่ม บังให้เย้นโม่หว่าน
เย้นหว่านราวกับไม่เห็นเขา ก็ไม่เคยเงยหน้า ยังคงเดินหน้าต่อไป
ร่างอันบอบบาง ปรากฏท่ามกลางสายฝน
เย้นโม่หลินรีบเดินรุดหน้า กางร่มให้เธออย่างระมัดระวัง ในขณะเดียวกัน ยืนมือออกมาบังแขนเธอ
“เสี่ยวหว่าน พี่พาเธอกลับบ้าน”
“ไม่”
เย้นหว่านตาแดงก่ำ ผลักเย้นโม่หลินออก
เธอมองเขา แววตาสิ้นหวังถึงที่สุด“ทำไมพี่ต้องบังคับโห้หลีเฉิน ทำไม ฉันอยู่กับเขามีความสุขขนาดนั้น ทำไมพี่ถึงไม่ให้ฉันมีความสุข?!”
เย้นโม่หลินตะลึง ขมุ่นคิ้ว
เขาอยากประเคนความสุขทั้งหมดไปกองไว้ตรงหน้าเธอ อยากให้เธอโอบล้อมด้วยความสุข ไม่ต้องหลั่งน้ำตา
“เสี่ยวหว่าน พี่หวังดีกับเธอนะ ต่อไปเธอจะเข้าใจ สิ่งที่โห้หลีเฉินให้เธอ ไม่เรียกว่าความสุข”
“พี่ไม่เข้าใจ!ทุกคนไม่เข้าใจ”
เย้นหว่านสะอื้นล่าถอย น้ำตาพร่ามัว สะอื้นไห้
“ทุกคนบอกว่าหวังดีกับฉัน ตัดสินใจแทนฉัน มีใครถามฉันสักคำมั้ย ว่าอยากได้หรือเปล่า ตอนนี้ฉันรักเขา ฉันเชื่อ ต่อให้อนาคตจะไม่มีความสุข ฉันก็เต็มใจ”
ใครจะรับประกันอนาคตว่าจะมีความสุขร้อยเปอร์เซ็นต์
ถนอมสิ่งตรง ถนอมปัจจุบัน
เย้นโม้หลินเหมือนโดนฟ้าผ่า มองเย้นหว่านอย่างตะลึง ไม่อยากเชื่อในคำพูดของเธอ
“ต่อให้ไม่มีความสุข ก็เต็มใจ”
ปณิธานแรงกล้า ถึงได้มาถึงขั้นนี้
เย้นหว่าน รักโห้หลีเฉินขนาดนั้นเลยเหรอ
“เสี่ยวหว่าน พี่ทนเห็นเธอเจ็บปวดไม่ได้”
เย้นโม่หลินเอ่ยเสียงลุ่มลึก เสียงแผ่วเบา
ในสายฝน แทบจะโดนกลบเกลื่อน
เย้นหว่านกลับไม่ได้ยิน คำพูดนั้นเหมือนบานประตู ในใจเธอไม่สามารถควบคุมความ
อ่อนแอนั้นได้
เธอกลั้นน้ำตา ชั่วครู่เหมือนทำนบแตก
เธอรู้ว่าพี่ชาย พ่อแม่ ล้วนหวังดีกับเธอ ต่างคิดถึงอนาคตของเธอ ถึงได้ทำแบบนี้ แต่ยิ่งรับรู้ เธอยิ่งล่มสลาย ไร้เรี่ยวแรง
ใช้นามความรัก เธอไม่โทษใคร โทษใครไม่ได้ทั้งสิ้น แต่กลับสูญความรักทั้งสิ้น
ความสิ้นหวังอันท่วมท้น เกือบจะกลืนกินเธอ ดึงเธอเข้าลุ่มลึก
เธอจะทำอะไรได้อีก……