บทที่ 432 หึง
หยูซือห้านกลับไม่รู้สึกเป็นกังวลต่อคำพูดนี้เลยแม้แต่น้อย ยังคงรักษารอยยิ้มสง่างามเอาไว้ ก้าวขึ้นมาด้านหน้า ดึงมือของเย้นหว่านเอาไว้แล้ววางลงที่เอวของเขา
เขาเขยิบเข้ามาใกล้เธอ ริมฝีปากบางอยู่ข้างใบหูเธอ เอ่ยเสียงเบาว่า
“เสี่ยวหว่าน เพื่อคุณแล้ว ผมยินยอมที่จะทำทุกสิ่ง”
เย้นหว่านขมวดคิ้วรังเกียจ รู้สึกว่าหยูซือห้านทำให้เธอรู้สึกรังเกียจมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
เธอกัดฟัน แม้ว่าจะไม่ยินยอมสักนิด แต่ก็ยังคงเคลื่อนไหวตามจังหวะเท้าของเขา เต้นรำในเพลงเปิดงานนี้ต่อไป
เสียงเพลงอันยอดเยี่ยม สายตาของผู้คนในงานทั้งหมดล้วนจับจ้องการเต้นรำในครั้งนี้
ยังมีคนกระซิบกระซาบชื่นชมด้วย
“เต้นได้ดีมากจริงๆ”
“เด็กสาวคนนี้น่าจะเป็นคุณเย้นสินะ ปกติแล้วการเต้นรำเพื่อเปิดงานล้วนเป็นเธอที่เต้น เพียงแต่ว่าคุณผู้ชายคนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คุณชายเย้น และก็ไม่รู้ว่าเป็นใครเช่นกัน”
“ฉันว่านะ เป็นไปได้มากว่าจะเป็นแฟนหนุ่มของคุณเย้น คู่หมั้นไง~”
แฟนหนุ่มหรือ คู่หมั้นหรือ
ในกลุ่มคน นัยน์ตาของชายหนุ่มคนหนึ่งหม่นหมองลงทันที แก้วไวน์แดงในมือปรากฏรอยร้าวขึ้นในเสี้ยววินาที
เขาจ้องมองคนสองคนที่ตระกองกอดเต้นรำกัน รอบกายก็แผ่บรรยากาศที่กดดันจนทำให้ผู้คนรอบด้านรู้สึกกลัวเป็นอย่างมากออกมา
อันตรายจนถึงชีวิต
ในตอนนี้เอง มือเรียวยาวของหญิงสาวก็ยื่นออกมา กดแขนของชายหนุ่มเอาไว้
เธอเอ่ยเสียงเบาว่า “คุณใจเย็นหน่อย เธอน่าจะถูกสถานการณ์บังคับ”
“เหอะ”
ชายหนุ่มหลบเลี่ยงมือของหญิงสาว ยกแก้วในมือขึ้นและดื่มไวน์แดงรวดเดียวจนหมด
เสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยความเผด็จการ “ดูท่า ตอนที่ผมไม่อยู่ เธอจะใช้ชีวิตสุขสบายเป็นอย่างมาก ควรจะให้บทเรียนเธอสักหน่อยแล้ว”
หลังจากนั้นก็วางแก้วไวน์ที่ดื่มจนหมดแล้วไว้บนถาดของบริกร ชายหนุ่มก้าวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน แก้วไวน์ที่วางอยู่บนถาดก็แตกเพล้งกลายเป็นเศษกระจกหลายแผ่น
ใบหน้าหญิงสาวตกตะลึงพรึงเพริด “แก้วแตกละเอียดแล้ว เมื่อครู่นี้เขาดื่มไวน์ลงไปได้อย่างไรกัน”
บริกรก็ส่ายหน้าไปมาด้วยความงุนงง เขาก็อยากรู้เหมือนกัน
แรงมือและการควบคุมของคุณผู้ชายท่านนี้ ทำให้ผู้คนตกตะลึงจริงๆ
เย้นหว่านที่ถูกบีบให้เต้นรำกับหยูซือห้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็เต้นแบบขอไปทีและแข็งทื่อ
แต่หยูซือห้านกลับมีความชำนาญในการเต้นเป็นอย่างมาก เพลงเพลงหนึ่งที่เต็มไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจ เขาสามารถเต้นออกมาได้อย่างงดงามและเต็มไปด้วยความรู้สึกอันลึกซึ้ง เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนเคลื่อนไหวได้เข้าขากันเป็นอย่างมาก
ขณะที่เต้น หยูซือห้านก็จ้องไปที่เย้นหว่าน พลางเอ่ยว่า
“เสี่ยวหว่าน คุณรู้ไหมว่าเพลงเต้นรำนี้มีความหมายว่าอะไร”
“อะไรคะ”
เย้นหว่านเอ่ยตาม ตอนนี้เธอคิดเพียงแค่ว่าจะเต้นรำเพลงนี้ให้จบแล้วจะได้อยู่ห่างจากเขาเสียที
เสียงของหยูซือห้านเจือไปด้วยแววยินดีที่ประสบความสำเร็จ “พี่ชายของคุณอนุญาตให้ผมเต้นรำกับคุณในเพลงนี้ เขาอนุญาตให้พวกเราคบกันได้ หลังจากเพลงนี้แล้ว คนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ ก็คงจะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณแล้ว”
เป็นความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่ ไม่ต้องเอ่ยพูดก็เห็นได้ชัดแล้ว
เย้นหว่านตะลึงค้างทันที เธอไม่ได้คิดถึงปัญหานี้เลยจริงๆ!
ในสถานการณ์สำคัญขนาดนี้ และเป็นการเต้นรำเปิดงานในเพลงแรก เธอในฐานะที่เป็นลูกสาว อีกทั้งคู่เต้นรำ ก็เป็นถึงนายน้อยตระกูลหยู พวกเขาก็มีเรื่องคู่หมั้นคู่หมายในวัยเด็กติดตัวอยู่ คนอื่นๆล้วนคิดมากเกินไปทั้งนั้น
บวกกับการชี้นำอย่างหน้าไม่อายของหยูซือห้าน คนเหล่านี้จะต้องนึกว่าเธอกับหยูซือห้านเป็นคู่รักกัน อนาคตจะต้องแต่งให้กับหยูซือห้านแน่นอน
“หยูซือห้าน คุณเลวทรามกว่าที่ฉันจินตนาการเป็นหมื่นเท่า!”
เย้นหว่านเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ดึงมือออกจากการเกาะกุมของหยูซือห้านกะทันหัน
เธอถอยหลังไปสองก้าว จงใจเอ่ยเสียงดังว่า
“การเต้นรำของคุณผู้ชายท่านนี้ไม่เลวเลย หลังจากนี้หากมีโอกาสต้องทำความรู้จักกันสักหน่อย วันนี้ฉันยังมีธุระอีก ต้องขอตัวก่อนนะคะ”
เย้นหว่านเอ่ยจบก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างไม่ลังเล
คำพูดนี้ของเธอไม่ได้กดเสียงให้เบาลง จึงทำให้ผู้คนที่อยู่ในละแวกนั้นล้วนได้ยิน ชั่วครู่เดียวก็สามารถทำให้ความสัมพันธ์คู่รักที่สนิทสนมของเธอกับหยูซือห้าน กลายเป็นการเต้นรำเพลงหนึ่งกับคนที่ไม่รู้จักเท่านั้น
หยูซือห้านคิดไม่ถึงเลยว่าเย้นหว่านจะมาไม้นี้ เมื่อมองไปที่เงาด้านหลังของเธอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
เห็นอยู่ชัดๆว่าผลลัพธ์ของแผนการนั้นเป็นไปในทางที่ดี สถานการณ์ก็เป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้ แต่กลับถูกประโยคนี้ของเย้นหว่าน ทำลายทิ้งเสียจนหมดเกลี้ยง
ผู้หญิงสมควรตาย
คิดว่าแบบนี้แล้วจะสามารถหนีเขาไปได้อย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง! การแต่งงานในครั้งนี้ จำเป็นต้องจัดขึ้น เธออยากแต่งก็ต้องแต่ง ไม่อยากแต่งก็ต้องแต่ง
เย้นหว่านที่ถูกหยูซือห้านวางแผนเล่นงานก็ยิ่งไม่มีความคิดที่จะอยู่ในงานเลี้ยงฉลองนี้นานขึ้นไปอีก
เธอค่อยๆก้มหน้า เดินตรงไปทางประตูบานเล็ก วางแผนจะจากไป
ตอนที่เดินใกล้ถึงประตูทางเข้านั้น ด้านข้างก็มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจับแขนของเย้นหว่านเอาไว้ แล้วลากเธอไปในทางเดินอีกด้านหนึ่งกะทันหัน
คนคนนั้นพละกำลังมากมาย ร่างกายของเย้นหว่านเดินตามไปอย่างไร้การควบคุม จนกระแทกเข้ากับกำแพง
เธอตกใจจนหน้าไร้สีเลือด ตวาดอย่างมีโทสะว่า “คุณทำอะไรน่ะ”
ชายหนุ่มโครงร่างสูงใหญ่ทาบทับลงมาทันที กักขังเย้นหว่านเอาไว้ระหว่างเขาและกำแพง
บนหน้าของเขาสวมหน้ากากสีเงินอมขาว ปิดบังใบหน้าไปมากกว่าครึ่ง เผยให้เห็นริมฝีปากบางสุดเซ็กซี่ คางแกร่งได้รูป เพียงแค่เห็นครึ่งหน้า ก็สามารถเดาได้แล้วว่า เป็นหนุ่มหล่อสมบูรณ์แบบคนหนึ่ง
เพียงแต่การกระทำของเขา กลับไม่แตกต่างอะไรไปจากพวกอันธพาล
มือของเขาวางอยู่ที่เอวของเธออย่างกำเริบเสิบสาน ถึงขั้นบีบเคล้นอย่างไม่หนักไม่เบา
น้ำเสียงเต็มไปด้วยแววหยอกล้อ “คุณหนู เต้นรำเป็นเพื่อนผมสักเพลงสิครับ”
ต้องการเต้นรำ จะต้องกดคนไว้ติดผนังแล้วค่อยเชื้อเชิญหรือ มีคนที่มือไม้อยู่ไม่สุขแล้วเอาเปรียบแบบนี้ด้วยหรือ
ร่างกายเย้นหว่านตึงเครียดแข็งเกร็ง มองไปทางเขาด้วยความโมโห
เอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ไส หัว ไป!”
“ทำไม ไม่ยินยอมเต้นรำกับผมหรือครับ”
นิ้วของชายหนุ่มเคลื่อนขึ้นมาด้านบน ไล้ไปตามแขนของเย้นหว่านขึ้นมาถึงคางของเธอ
นิ้วมือที่มีข้อกระดูกชัดเจนนั้นบีบคางเย้นหว่านเอาไว้ น้ำเสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยความเผด็จการ “หรือว่าคุณอยากจะเต้นรำกับชายหนุ่มคนเมื่อครู่นี้เท่านั้น
น้ำเสียงสัพยอก แต่คล้ายกับเจือไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดที่เหมือนกับว่าไม่มี
เย้นหว่านคิดไม่ถึงว่าที่แห่งนี้ ในบ้านตระกูลเย้นจะได้พบกับอันธพาล ทรวงอกที่เต็มไปด้วยโทสะนั้นขยับขึ้นลงอย่างแรง
ถมึงตาใส่เขา และข่มขู่อย่างดุร้ายว่า
“คุณไม่รู้ว่าฉันมีสถานะอะไรหรือ ฉันคือเย้นหว่าน เป็นคุณหนูของตระกูลเย้น! ทางที่ดีคุณควรจะปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้น ฉันจะทำให้คุณรู้สึกเสียใจในภายหลัง”
เย้นหว่านนึกว่าเอ่ยสถานะออกไปแล้ว ฝ่ายตรงข้ามจะตกใจจนปล่อยเธอ และรีบหนีไปทันที
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า เขาจะไม่กลัวเรื่องนี้ นิ้วของเขาลูบไปที่คางของเธอ
ริมฝีปากบางยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มหยอกเย้า หัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยว่า “ถ้าหากว่าผมไม่ไป คุณคิดจะทำอย่างไรให้ผมเสียใจภายหลัง”
“คุณ! ฉัน……..”
เย้นหว่านไม่ได้คิดถึงปัญหานี้จริงๆ เธอรู้เพียงแค่ว่า อิทธิพลของตระกูลเย้นนั้นยิ่งใหญ่ แต่กลับไม่รู้ว่าจะใช้วิธีการใดมาข่มขู่ผู้คน
สมองเธอครุ่นคิด เอ่ยอย่างดุร้ายด้วยคำพูดที่ไร้ประโยชน์ว่า “ฉันจะฆ่าคุณ!”
“เหอะ”
ชายหนุ่มหัวเราะ ไม่สนใจแม้แต่น้อย “อย่างนั้นก็ฆ่าเลยสิ”
น้ำเสียงสบายๆ คล้ายกับว่าที่พูดถึงนั้นไม่ใช่เขา
เย้นหว่านเบิกตาโตอย่างไม่คาดฝัน ไม่กล้าที่จะเชื่อเป็นอย่างมากว่า ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เอาความมั่นใจมาจากไหนกัน ถึงได้กล้าเย่อหยิ่งขนาดนี้
เธอเอ่ยเตือนอย่างไม่ค่อยมีความมั่นใจว่า “ฉันจะฆ่าคุณจริงๆนะ ฉัน……….”
“ผมคิดว่าคุณน่าจะทำไม่ลง”
ชายหนุ่มออกแรงบีบคางเย้นหว่านกะทันหัน โน้มหน้าเธอมาด้านหน้าและเชิดขึ้น ริมฝีปากบางของเขาก็ทาบทับลงไป
ริมฝีปากสองคู่แนบสนิท ดอกไม้ไฟเปล่งประกายไปทั่ว
สมองของเย้นหว่านขาวโพลนทันที ยังไม่ทันจะรู้สึกตัว ชายหนุ่มก็กดศีรษะเธอจากทางด้านหลัง เพื่อเพิ่มความลึกซึ้งให้กับจูบนี้
ลมหายใจอันคุ้นเคย เสี้ยววินาทีนั้นเหมือนกับมีดอกป๊อบปี้ชอนไชเข้ามาในปากของเธอ
เย้นหว่านเบิกตาโตขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขา……