บทที่ 484 เดท
กู้ซึงเป็นคนพายเรือคนเดียว ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ ก็ขึ้นฝั่งได้แล้ว
แต่ว่าเย้นหว่านนั้นไม่ชอบอะไรช้าๆ เย้นโม่หลินเองก็เหมือนกัน
พอมาถึงริมฝั่ง เย้นโม่หลินก็พยุงให้กู้จื่อเฟยยืนขึ้น ก้มหน้าลงแล้วถามด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “เดินได้ไหม? ”
กู้จื่อเฟยส่ายหน้าโดยที่ไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำ น้ำเสียงดูอ่อนแอเหมือนกับว่าจะเป็นลมไปได้ทุกเมื่อ
“เดินไม่ไหว”
เย้นหว่าน:“……”นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นท่าทางอ่อนแอขนาดนี้ของกู้จื่อเฟย จริงๆ เลย ปลอมมาก
เย้นโม่หลินกลับขมวดคิ้วแน่น เป็นห่วงอย่างมาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็อุ้มกู้จื่อเฟยขึ้นมา
กู้จื่อเฟยเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ แล้วก็มองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ
นี่เขา อุ้มเธองั้นเหรอ!
นี่เธอไม่ได้ฝันอยู่ใช่ไหม
กู้จื่อเฟยบื้อไปหมดเลย มองหน้าเย้นโม่หลินด้วยความงุนงง สัมผัสได้ถึงอ้อมกอดอันทรงพลังของเขา มีความสุขเหมือนกับว่าสามารถสวมปีกแล้วบินขึ้นก้อนเมฆไปได้ทุกเมื่อ
เย้นหว่านเองก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน ผ่านมานานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเย้นโม่หลินกอดสิ่งมีชีวิตเพศเมียไว้ในอ้อมแขนใช่ไหมนะ?
ดูเหมือนว่า เขาจะปฏิบัติกับกู้จื่อเฟยไม่เหมือนคนอื่นเท่าไหร่นะ
ไม่แน่ว่าในอนาคตกู้จื่อเฟยอาจจะได้เลื่อนขั้นจากเพื่อนรักมาเป็นพี่สะใภ้ก็ได้นะ
สีหน้าของเย้นโม่หลินหมองหม่น แล้วก็แล้วก้าวยาวพร้อมกับอุ้มกู้จื่อเฟยไปยังผ้าปูที่ได้ปูไว้ก่อนหน้านี้ แล้วก็วางเธอลงเบาๆ
สีหน้าของกู้จื่อเฟยดูหลงใหล มือของเธอยังคงจับแขนของเย้นโม่หลินไว้ ไม่อยากจะปล่อย
เย้นโม่หลินโน้มตัวลง แล้วก็เผชิญหน้ากับกู้จื่อเฟยแบบนี้ ถึงได้พบว่าระยะห่างระหว่างทั้งสองคนนั้น ความจริงแล้วมันใกล้มาก
เข้าเม้มปาก สีหน้าดูไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างมาก
เขาพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ฉันให้คนเอายาแก้เมาเรือมา เธอกินสองเม็ดก่อนนะ”
เสียงของเย้นโม่หลิน ทำให้กู้จื่อเฟยดึงสติกลับมา
ใบหน้าของเธอแดงก่ำ แล้วก็รีบปล่อยมือจากแขนของเขาทันที แต่ก็ไม่เต็มใจที่จะปล่อยเลย
ครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับเย้นโม่หลินใกล้ชิดแบบนี้ มันเพียงพอที่จะทำให้เขาโกรธไปหลายวันเลย
เย้นโม่หลินถอยออก แล้วก็เปิดกล่องยาที่เขานำมาด้วยทันที แล้วก็หยิบยานั้นออกมา
ปกติเวลาเย้นหว่านจะออกไปไหนเขาจะต้องเตรียมการทุกอย่างไว้อย่างรอบคอบ ไม่คิดเลยว่าจะได้ใช้กับกู้จื่อเฟย
เขาหยิบยาออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็หยิบน้ำ พร้อมกับส่งให้กู้จื่อเฟย
กู้จื่อเฟยหน้าแดง มองไปที่เย้นโม่หลินด้วยสีหน้าที่สั่นเทาด้วยความดีใจ
“พี่เย้น พี่นี่ดีจังเลย”
เสียงเธอหวานมาก
เย้นโม่หลินเม้มริมฝีปากบางของเขา สีหน้าดูกระอักกระอ่วนอย่างมาก แล้วก็พูดเสียงแข็งว่า
“ฉันเคยสัญญาว่าจะปกป้องเธอ นี่เป็นเรื่องที่ฉันควรจะทำอยู่แล้ว”
นี่เป็นเพราะว่าเขาเคยรับปากกับเธอก่อนหน้านี้ยังงั้นเหรอ?
กู้จื่อเฟยอึ้งไปครู่หนึ่ง หัวใจดวงน้อยๆ ที่มีความสุขอยู่นั้น ก็ผิดหวังขึ้นมาทันที
เธอก็นึกว่าเขาทำไปเพราะความรัก
เย้นโม่หลินเห็นว่าสีหน้าของกู้จื่อเฟยไม่ค่อยดีขึ้นมาทันที ก็ขมวดคิ้วพร้อมกับถามว่า
“เป็นอะไรไป? รู้สึกไม่สบายอีกแล้วเหรอ? ”
พอเห็นท่าทางเป็นห่วงของเย้นโม่หลิน กู้จื่อเฟยก็รู้สึกสุขกายสบายใจ
ไม่ว่าเขาจะเป็นห่วงเพราะเหตุผลอะไร แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วผู้ชายที่หยิ่งยโสแบบนี้ ในสายตาของเขาก็มีเธออยู่ในนั้น
ความสัมพันธ์ได้พัฒนามาจากตอนเริ่มต้นแล้ว
กู้จื่อเฟยเปลี่ยนความคิดของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วก็ทำสีหน้าเศร้าหมองและน่าสงสาร
“ฉันรู้สึกไม่สบายอย่างมากเลยค่ะ พี่เย้น พี่ลูบหลังให้ฉันหน่อยได้ไหม? ”
เย้นโม่หลินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เลยจริงๆ
แต่ว่าพอเห็นท่าทางที่น่าสงสารของกู้จื่อเฟยแล้วนั้น คำพูดที่ขึ้นมาถึงปากของเขาแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ออกเหมือนกัน
เย้นโม่หลินนั่งลงข้างๆ อย่างฝืนๆ แล้วก็ยื่นมือออกไป พร้อมกับลูบที่หลังของกู้จื่อเฟยเบาๆ
ท่าทางของเขานั้นเบามาก ลูบไปเรื่อยๆ ดูเหมือนกับว่าไม่ได้ลูบด้วยวิธีพิเศษใดๆ
เดาว่าก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไร
แต่ว่ากู้จื่อเฟยนั้นยกมุมปากขึ้นฟ้าด้วยความดีใจ เหมือนกับว่านี่เป็นการลูบหลังที่สบายที่สุดในชีวิตของเธอแล้ว
เย้นโม่หลินเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าลูบไปเรื่อยๆ แบบนี้มันจะมีประโยชน์อะไรไหม แต่พอเห็นสีหน้าของกู้จื่อเฟยแล้วนั้น เขาก็เข้าใจผิดว่ามันมีประโยชน์ ก็เลยลูบหลังของเธอแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
เย้นหว่านมองดูอยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเบะปาก
สองคนนี้ คนหนึ่งก็เป็นคนฉลาดทันคน ผู้หญิงผู้พิชิตความรัก อีกคนหนึ่งก็คือท่อนไม้ พี่ใหญ่ที่ซืื่อบื้อเรื่องความรัก ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนี้ต่อไป เย้นโม่หลินก็จะต้องเสร็จกู้จื่อเฟยอย่างแน่นอน
พี่ชายของเธอที่น่าสงสาร เกรงว่าจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองได้ตกอยู่ในภวังค์ตอนไหน
แต่ว่าเธอมองถึงความจริงใจของกู้จื่อเฟย ถ้าเกิดว่าเย้นโม่หลินสามารถรักกู้จื่อเฟยได้จริงๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่แย่เลย
เย้นหว่านไม่ได้เป็นห่วงอะไรมากมาย ในใจขอเธอนั้น นึกถึงเงาที่ปรากฏของคนที่อยู่ในป่าเมื่อกี้ต่างหาก
สรุปแล้วเขาคือโห้หลีเฉินเหรอเปล่า?
เย้นหว่านกระตือรือร้นที่อยากจะตามหาข้อเท็จจริง หลายวันมานี้ต่อให้เป็นในฝันเธอก็อยากจะเจอโห้หลีเฉิน แน่นอนว่าเธอต้องไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ไปอย่างแน่นอน
เธอมองเย้นโม่หลิน แล้วพูดว่า “พี่ เมาเรือน่าจะรู้สึกไม่สบายมากเลยนะ พี่ดูแลจื่อเฟยให้ดีนะ ฉันจะไปเดินเล่นในป่า”
หลังจากพูดจบ เย้นหว่านก็อยากจะหนีออกไป
เย้นโม่หลินมองเธอด้วยสายตาที่แหลมคมทันที แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “รอก่อน เดี๋ยวพี่ไปด้วย”
เป้าหมายของเย้นหว่านคือไม่อยากให้เย้นหว่านไปด้วย ไม่ยังงั้นเธอคงไม่เลือกพูดขึ้นมาในตอนนี้หรอก
เธอยิ้มพร้อมกับส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก ฉันก็แค่อยากจะไปเดินเล่นใกล้ๆ นี้เอง แป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว อีกอย่าง จื่อเฟยดูอาการน่าตึงเครียดมากเลยนะ ไม่น่าจะเดินได้ในเร็วๆ นี้หรอก”
เพื่อให้สอดคล้องกับคำพูดของเย้นหว่าน กู้จื่อเฟยก็รีบกุมหน้าอกของตัวเองทันที แล้วก็ทำท่าคลื่นไส้สองครั้ง
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วอย่างรุนแรงในทันที “เธอรู้สึกไม่ดีเหรอ? อาจจะไปโรงพยาบาลไหม? ”
กู้จื่อเฟยรีบส่ายหน้าทันที “ยังดีอยู่ค่ะ น่าจะต้องการพักสักหน่อย ต้องรบกวนพี่ลูบหลังต่อหน่อยนะ”
มือของเย้นโม่หลินที่พึ่งจะหยุดไปเมื่อกี้นั้น ก็รีบลูบหลังเธอต่อในทันที
มองหน้ากู้จื่อเฟยด้วยสีหน้าหม่นหมอง ไม่ว่าจะยังไงเขาก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
กู้ซึงเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เย้นหว่านอย่างสบายๆ แล้วก็พูดกับเย้นโม่หลินว่า
“คุณชายเย้น คุณดูแลกู้จื่อเฟยอยู่ตรงนี้อย่างไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ เดี๋ยวผมจะไปเดินเล่นกับเย้นหว่านเอง มีผมอยู่ รับรองว่าไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างแน่นอน”
เย้นโม่หลินขมวดคิ้ว ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้ฝืนพยักหน้า
เขามองเย้นหว่านด้วยแววตาที่มืดมน แล้วก็กำชับว่า “อย่าไปเดินที่ไหนไกล แล้วก็ใส่นี่ไว้ด้วย”
เย้นโม่หลินหยิบขวดเล็กๆ ที่ดูประณีตและสวยงามให้กับเย้นหว่าน
มันเป็นขวดสเปรย์ แต่ว่าด้านบนไม่มีตัวอักษรหรือฉลากอะไรเขียนอยู่เลย
เย้นหว่านสงสัย “นี่คืออะไรเหรอ? ”
“คล้ายๆ สเปรย์พริกนั่นแหละ”
เย้นหว่านเข้าใจแล้ว ที่แท้ก็เป็นอุปกรณ์ป้องกันตัวนี่เอง
พกสิ่งนี้ไว้กับตัว ถ้าเกิดว่าเกิดเรื่องอะไรที่กะทันหันขึ้น ก็สามารถใช้เจ้านี่ในการรับมือกับสถานการณ์ได้
เย้นหว่านยิ้มอย่างอุ่นใจ “ขอบคุณมากนะพี่ เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา”
เย้นโม่หลินพยักหน้า “ไปเถอะ”
แต่ว่าสายตาของเขายังมองเย้นหว่านอย่างไม่วางใจอย่างมาก
ในป่านี้ไม่ใช่ป่าที่มนุษย์สร้างขึ้น วิวมันสวยงามนั้นก็เป็นเรื่องจริง แต่ว่ามันก็เป็นความจริงเช่นกันที่ว่าอาจจะมีอันตรายเกิดขึ้นก็ได้
ถ้าเกิดว่าเจอสัตว์ป่าโจมตี ฝีมือการยิงปืนของกู้ซึงดีขนาดนั้น น่าจะปกป้องเย้นหว่านได้ใช่ไหม?
แต่ว่าสมรรถภาพทางกายของเขาแย่มาก ถ้าเกิดว่าถูกโจมตีระยะประชิด อย่าว่าแต่ปกป้องเย้นหว่านเลย แม้แต่ตัวเขาเองยังคงปกป้องไม่ได้เลย
พอคิดได้แบบนี้ จู่ๆ เย้นโม่หลินก็รู้สึกไม่วางใจเป็นอย่างมาก
กู้จื่อเฟยอ่านความคิดของเย้นโม่หลินออกอย่างเฉียบแหลม ก่อนที่เย้นโม่หลินจะพูดขึ้นมานั้น เธอก็รีบยิ้มและพูดว่า
“พี่เย้น มองอะไรเหรอคะ? เสี่ยวหว่านกับกู้ซึงไปเดทกัน ถ้าเกิดว่าพี่มองด้วยสายตาร้อนผ่าวแบบนี้ เสี่ยวหว่านจะรู้สึกกระอักกระอ่วนเอานะ