บทที่489 ปากไม่ตรงกับใจ?
ขมับของเย้นโม่หลินเดือดปุดๆ เขารีบดึงกู้จื่อเฟยไว้ทันที
แรงที่ดึงเธอนั้นค่อนข้างเยอะ กู้จื่อเฟยไม่ทันระวังตัว ร่างกายเซไป แล้วก็ล้มลงที่หน้าอกของเย้นโม่หลิน
ร่างที่อ่อนนุ่มตกลงที่อ้อมแขนของตัวเอง มาพร้อมกับกลิ่นหอมๆ มันไปยั่วยุเส้นอะไรบางอย่างในร่างกายของเย้นโม่หลินอย่างกะทันหัน
กองไฟ ได้ก่อตัวขึ้นอย่างไม่ฟังคำสั่งที่ช่วงล่างของเขา
เขาตะลึงไป
สมควรตายจริงๆ นี่คืออะไรกัน?
หรือว่าถูกกระตุ้นด้วยภาพเหตุการณ์ของเย้นหว่านงั้นเหรอ นี่มัน นี่มัน……
เย้นโม่หลินผลักกู้จื่อเฟยออก แล้วพูดอย่างแข็งกระด้างว่า “ไม่ต้องเข้าไปดูหรอก เดี๋ยวพวกเขาก็มา”
จู่ๆ ก็โดนกอด และวินาทีต่อมาก็ถูกผลักออกด้วยความรังเกียจ หัวใจของกู้จื่อเฟยเหมือนกับได้ขึ้นรถไฟเหาะ ตอนแรกก็เหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์ หลังจากนั้นก็ลงนรก
เธอรู้สึกหดหู่ แล้วก็มองไปที่ด้านหลังของพงหญ้านั้น “พวกเขาอยู่ตรงนั้นกันเหรอ? ทำอะไรกันอยู่? ”
เย้นโม่หลิน:“……”
เขาเม้มปากแน่น ไม่ได้พูดอะไร
ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขามีความเย็นชาด้วยความโกรธ แล้วก็หน้าแดงเล็กน้อยอย่างอึดอัด
เย้นหว่านคิดไม่ถึงเลยว่า สถานที่รกร้างแบบนี้ จู่ๆ เย้นโม่หลินจะโผล่มาโดยที่ไม่ได้มีการเตือนล่วงหน้าเลย
แถมยังเห็นภาพเหตุการณ์ที่น่าอับอายนี้เต็มๆ
เธออับอายจนอยากจะหารูและมุดเข้าไป หลังจากนั้นก็ใช้ดินฝังตัวเองไปซะ แล้วไม่ปีนออกมาอีกเลย
โห้หลีเฉินกอดเย้นหว่าน แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า
“เย้นหว่าน ถ้าเกิดว่าเธอยังไม่ปล่อย แม้ว่าพี่ชายของเธอจะอยู่ตรงนี้ แต่ว่าฉันก็จะจัดการเธอตรงนี้เลยนะ”
เสียงที่ทุ้มต่ำนั้น แอบมีไฟที่เขากำลังพยายามควบคุมอยู่
โห้หลีเฉินหายใจแรงอย่างมาก
ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้เขาพยายามอดกลั้นมากแค่ไหน ใครจะไปรู้ว่าเขาคิดจะจัดการเย้นหว่านตรงนี้จริงๆ
เย้นหว่านอึ้งไป แม้แต่หูของเธอก็แดงด้วยเหมือนกัน
เธอยังกอดศีรษะของโห้หลีเฉินไว้ที่หน้าอกของเธอเองอยู่เลย ตอนที่เขาพูดนั้น ความร้อน ริมฝีปาก ก็สัมผัสโดยผิวของเธอ
เหมือนกับว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายของเธอ
เย้นหว่านรู้สึกเหมือนว่าร่างกายกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างแปลกๆ เหมือนว่าไม่ใช่ตัวของเธอเองแล้ว
“ฉัน ฉัน……”
เย้นหว่านอ้ำอึ้ง อึ้งจนพูดให้จบประโยคยังไม่ได้เลย
เธอรีบปล่อยโห้หลีเฉิน แล้วก็กระโดดออกมาจากร่างกายของเขา แล้วก็จัดแจงเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของตัวเองที่ถูกเปิดขึ้นให้ลงมาเหมือนเดิม
เธอหันหลังให้เขาแล้วก็จัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองอย่างตื่นตระหนก หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากคออยู่แล้ว
เธอไม่กล้าจะคิดเลย ว่าเมื่อกี้เธอทำอะไรลงไป
ในสถานที่รกร้างแบบนี้ เธอกับโห้หลีเฉินเกือบจะ……
เย้นหว่านอับอายจนอยากจะเอาหัวกระแทกกำแพงตาย
ตอนที่เธออับอายจนแทบจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีนั้น ลมหายใจที่รุนแรงของผู้ชายคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจากทางด้านหลังของเธอ ห่อตัวของเธอเอาไว้
เสื้อคลุมตัวใหญ่ของโห้หลีเฉินคลุมลงบนร่างกายของเย้นหว่าน ห่อร่างเล็กของเธอไว้แน่น
เย้นหว่านแก้มร้อน หน้าแดง ก้มหน้าลงไม่กล้ามองหน้าเขา
ลมหายใจที่หนักหน่วงของโห้หลีเฉินค่อยๆ เบาลง เขาวางแขนลงบนไหล่ของเธอ แล้วก็ดึงเย้นหว่านมากอดไว้
พร้อมกับพูดด้วยเสียงเบา “ไปกันเถอะ”
“อืม” เย้นหว่านก้มหน้า แล้วก็ตอบอย่างอ่อนแอ
ถ้าเกิดว่าสามารถทำได้ เธอล่ะไม่อยากออกไปเจอหน้าใครเลย แต่ว่าที่นี่คือในป่า เธอไม่ออกไปก็ไม่ได้
โห้หลีเฉินหลีกทางตรงหน้าให้ แหวกหญ้าออก แล้วก็พาเย้นหว่านเดินออกไปอย่างปลอดภัย
พอเดินออกไป เย้นหว่านก็เห็นเย้นโม่หลินกับกู้จื่อเฟยที่ยืนอยู่ด้วยกัน นอกจากนั้นก็มีบอดี้การ์ดยืนหลังตรงหันหลังให้อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก
นึกถึงสิ่งที่เย้นโม่หลินตะโกนออกไปก่อนหน้านี้ เย้นหว่านก็หน้าแดงขึ้นยิ่งกว่าเดิม
เธอกะพริบตาไม่กล้าสบตากับเย้นโม่หลิน ก้มหน้าลงมุดเข้าไปตรงอ้อมอกของโห้หลีเฉิน จ้องมองไปที่พื้นอย่างตั้งใจ
เย้นโม่หลินเห็นท่าทางเขินอายของเย้นหว่าน ไฟในใจของเขาก็ร้อนขึ้นทันที
ถ้ารู้ว่าจะอาย แล้วทำไมถึงได้ทำเรื่องอะไรแบบนี้ในที่รกร้างแบบนี้ได้?!
จริงๆ เลย……
“ไปกันเถอะ กลับได้แล้ว”
เย้นโม่หลินพูดด้วยสีหน้าที่มืดมน แล้วก็ก้าวยาวไปด้านหน้า
กู้จื่อเฟยกลอกตา มองเย้นหว่าน แล้วก็มองโห้หลีเฉิน ตอนนี้เองเธอถึงได้คลี่ยิ้มที่สบายใจออกมา
ดูเหมือนว่า จะเปลี่ยนคนได้สำเร็จแล้ว
โห้หลีเฉินกลับมาอีกครั้งแล้ว ทั้งสองคนพอเจอกันก็ร้อนแรงเลย แถมยังถูกเย้นโม่หลินเห็นเขาอีกต่างหาก……
ไม่น่าล่ะสีหน้าของเย้นโม่หลินถึงได้ดูแย่ยิ่งกว่าถ่านดำซะอีก
เดินไปหลายก้าว เย้นโม่หลินก็หยุดลง แล้วก็พูดกับทั้งสามคนที่อยู่ด้านหลังอย่างเคร่งขเหรอม
“กู้จื่อเฟย เสี่ยวหว่านมีบาดแผล เธอประคองเขาหน่อย”
กู้จื่อเฟยอึ้งไป โห้หลีเฉินโอบเย้นหว่านอยู่ไม่ใช่เหรอ มีโห้หลีเฉินอยู่ แล้วเธอจะไปประคองเย้นหว่านเพื่ออะไรกัน?
เธอสงสัยแต่ก็ยังไม่ทันได้ถามอะไร ก็เห็นเย้นโม่หลินจ้องหน้าโห้หลีเฉินด้วยสีหน้าที่ดูแย่ น้ำเสียงทั้งเย็นชาและแข็งกร้าว
“นายมาเคลียร์ทาง”
โห้หลีเฉินเม้มปาก มองเย้นหว่าน แล้วก็กระซิบถามเธอว่า “เธอเดินคนเดียวได้ไหม”
ตลอดทั้งทางนี้เย้นหว่านยังไม่เคยเงยหน้าขึ้นมาเลย เธอรีบตอบอย่างเขินอาย
“ฉันไม่เป็นไร นายไปเถอะ”
พึ่งจะพูดจบ เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วก็ดึงชายเสื้อของโห้หลีเฉินไว้ “พี่ชายฉันจะแกล้งนายเหรอเปล่า? ฉันว่านายอย่าไปเลย”
พอเห็นท่าทางที่เย้นหว่านเป็นห่วงตัวเอง โห้หลีเฉินก็คลี่ยิ้มที่มีความสุข
แล้วก็ลูบผมเธอด้วยความรักและอ่อนโยน เขายิ้มแล้วพูดว่า “ผักกาดขาวที่ถูกเจ้าหมูครอบครองแล้ว ยังไงก็ต้องอธิบายให้เจ้าของฟังอยู่ดี เธอวางใจเถอะ”
เย้นหว่านอึ้งไป ใครคือผักกาดขาวกัน?!
เธอถลึงตาใส่โห้หลีเฉินอย่างอารมณ์เสีย แล้วก็เห็นว่าสีหน้าของเขาดูไม่สะทกสะท้าน แล้วก็เดินเข้าไปหาเย้นโม่หลินอย่างมั่นใจ
พอเห็นท่าทางที่ไม่หวั่นกลัวของเขาแล้วนั้น เย้นหว่านก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
โห้หลีเฉินก้าวยาวมาก เดินไม่กี่ก้าวก็เดินมาถึงเย้นโม่หลินแล้ว
ผู้ชายทั้งสองคนเดินอยู่ด้านหน้าสุด เดินไหล่ชนไหล่
ความกดอากาศมันค่อนข้างต่ำ
เย้นโม่หลินเดินไปด้วย พร้อมกับจ้องหน้าโห้หลีเฉินด้วยใบหน้าที่มืดมนไปด้วย
น้ำเสียงของเขาดูไม่พอใจอย่างมาก “นายรู้ไหมว่าเรื่องที่นายทำกับเสี่ยวหว่านเมื่อกี้นี้ มันเพียงพอที่จะทำให้ฉันยิงนายโดยนัดเดียว”
จะกินน้องสาวของเขาก็เรื่องหนึ่ง แถมยังจะมากินด้านนอกในที่รกร้างอีกต่างหาก!
“ผมขอโทษมากจริงๆ ครับที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
โห้หลีเฉินพูดด้วยสีหน้าที่ไม่สะทกสะท้าน ถึงแม้ว่าเขากำลังจะขอโทษอยู่ แต่ว่าสีหน้าของเขาไม่ได้ดูเสียใจเลยแม้แต่นิดเดียว
“แต่ว่าบางครั้งอารมณ์ก็นำพาไป เรื่องบางเรื่อง มันก็ช่วยไม่ได้หรอกครับ”
เย้นโม่หลินขมวดคิ้ว แล้วก็ตำหนิด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวด “เป็นผู้ชาย แม้แต่ควบคุมตัวเองก็ทำไม่ได้ยังงั้นเหรอ?! ”
โห้หลีเฉินไม่โกรธเลยแม้แต่นิดเดียว เขาเม้มปาก แล้วก็มองไปที่เย้นโม่หลินอย่างสบายๆ
“คุณชายเย้น หรือว่าคุณไม่เคยมีช่วงเวลาที่บังคับอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลยเหรอครับ? ”
ความสามารถในการควบคุมตัวเองของเขา เมื่อเจอเย้นหว่านนั้น มันก็พังลงในไม่กี่นาที แล้วบวกกับ สถานการณ์แบบนั้นมันก็เป็นความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย โห้หลีเฉินเองก็คิดถึงเธอมานานแล้วเหมือนกัน
เย้นโม่หลินอึ้งไป แล้วจู่ๆ ก็มีภาพของกู้จื่อเฟยปรากฏขึ้นในหัวของตัวเอง
วันนี้ เขามีปฏิกิริยามากกว่าหนึ่งครั้งจากการที่ได้สัมผัสกับกู้จื่อเฟย
ความรู้สึกแบบฉับพลันนี้มันไม่สามารถควบคุมได้เลย ทำให้เย้นโม่หลินงงงัน แล้วก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ
เขากัดฟัน น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นมากกว่าเดิม
“ฉันไม่มีทางเป็นแบบนี้แน่นอน!”
โห้หลีเฉินมองเย้นโม่หลินด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม น้ำเสียงแอบซ่อนความหมายอยู่ “เหรอครับ? หรือว่าคุณชายเย้น ไม่รู้ตัว หรือว่าไม่ยอมรับเหรอเปล่า? ”
คำพูดนี้ เหมือนกับเข็ม จิ้มเข้าไปในใจของเย้นโม่หลิน