บทที่ 510 เข้าใจผิดหรือ เข้าใจผิด!
ในตอนนี้เองที่ลูกน้องของเขาพุ่งเข้ามาขวางอยู่ด้านหน้าเขา เอ่ยขอร้องว่า “คุณชายเย้น โปรดใจเย็นก่อนครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดเรื่องหนึ่งจริงๆ………..”
ยังไม่ทันจะเอ่ยจบ ลูกน้องเขาก็ถูกเย้นโม่หลินถีบกระเด็น
และในเวลาเดียวกันนี้ ลูกน้องอีกคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาเป็นโล่มนุษย์
“คุณชายเย้น คุณใจเย็นๆก่อนนะครับ คุณชายของผมเป็นถึงคนตระกูลหยู ต่อยไม่ได้นะครับ”
“ไสหัวไปซะ!”
เย้นโม่หลินถีบคนคนนั้นกระเด็นไปอีกครั้ง รวมถึงจัดการคนที่จะเข้ามาขอร้องอีกคนกระเด็นไปด้วยกัน
หยูซือห้านเห็นลูกน้องของตัวเองถูกจัดการจนหมอบอยู่กับพื้นจนลุกไม่ขึ้น โทสะที่อยู่ในอกก็พวยพุ่งขึ้นมา ชกคนของเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับการชกหน้าเขา
เย้นโม่หลินสมควรตาย
แต่การหยุดยั้งของลูกน้องเมื่อครู่นี้ ทำให้เสียเวลา แต่ก็ทำให้เขาที่โทสะพุ่งขึ้นสมอง สงบลงได้หลายส่วน
เขาเป็นแขกของตระกูลเย้น และยังคาดหวังว่าจะได้รับการยอมรับและเห็นด้วยจากตระกูลเย้น จึงไม่สามารถลงมือกับเย้นโม่หลินได้เด็ดขาด
แม้ว่าตอนนี้เขาจะโมโหเสียจนอยากจะฆ่าเย้นโม่หลินก็ตาม แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้ก่อน
เขาลุกขึ้นมา ใช้มือเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก
เมื่อยืนตัวตรงแล้ว ก็เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เรื่องนี้ เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดเรื่องหนึ่งจริงๆ ผมทำเพื่อความปลอดภัยของเสี่ยวหว่าน ถึงได้ผลีผลามบุกเข้ามา ส่วนการล่วงเกินเสี่ยวหว่านและคุณหนูกู้จื่อเฟยนั้นเป็นผมที่ทำไม่ถูกจริงๆ คุณชายเย้นจะชกหรือดุด่า ผมก็ไม่มีอะไรจะพูด”
เขาเอ่ยจบแล้วก็ยืนตัวตรง สีหน้าไร้ความกังวล ท่าทางเหมือนกับว่าคุณชกได้ตามสบาย
โทสะของเย้นโม่หลินยังคงวนอยู่รอบขมับ ไม่ได้ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาแทบจะทนไม่ไหวที่จะชกหยูซือห้านให้ตาย
และเขาก็ทำแบบนั้นแล้วเช่นกัน
เย้นหว่านกลับมีสติ วันนี้เธอลงทุนลงแรงทำไปมากขนาดนี้ ไม่ใช่เพื่อให้เย้นโม่หลินจัดการหยูซือห้านจนตาย
ถึงตอนนั้นหยูซือห้านลากสภาพร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลไปเรียกหาความเห็นอกเห็นใจ แม้ว่าจะเป็นความผิดของเขา แต่เรื่องเหล่านี้ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ให้อภัยได้
เย้นหว่านไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้ สิ่งที่เธอต้องการก็คือ จัดการหยูซือห้านให้หมดสภาพจนถึงที่สุดในครั้งนี้
“พี่คะ พี่อย่าต่อยอีกเลย จะได้ไม่ต้องทำให้มือพี่สกปรก”
เย้นหว่านวิ่งเข้าไปหา คว้าหมัดที่กำลังจะปล่อยออกไปของเย้นโม่หลินเอาไว้
เธอมองไปทางหยูซือห้านอย่างรังเกียจ เอ่ยว่า “หยูซือห้าน คุณแอบตามฉันมา บุกเข้ามาในห้องน้ำหญิง ล่วงเกินฉัน ทั้งยังทำร้ายกู้จื่อเฟย เรื่องนี้ ฉันจะต้องไปขอความเป็นธรรมจากบ้านตระกูลหยูแน่นอน!”
เย้นหว่านเอ่ยด้วยท่าทางจริงจังเป็นอย่างมาก
หยูซือห้านหรี่ตาลง มองไปทางเย้นหว่านด้วยสายตาอันตราย
เขาเพิ่งจะเข้าใจขึ้นมาว่า ที่แท้แล้วเย้นหว่านก็มีความคิดเช่นนี้!
เขาแอบตามคุณหนูตระกูลเย้นเข้ามาในห้องน้ำ หากเรื่องแบบนี้หลุดออกไป หน้าตาคุณชายตระกูลหยูของเขาคงรักษาเอาไว้ไม่ได้แล้ว! อีกทั้งเย้นหว่านก็อาศัยฐานะคุณหนูบ้านตระกูลเย้น โวยวายไปจนถึงบ้านตระกูลหยู ภาพลักษณ์ของหยูซือห้านก็รักษาเอาไว้ไม่ได้แล้วเช่นกัน
ถ้าเป็นแบบนี้ หยูซือห้านก็จะมีปัญหาใหญ่แล้ว
หยูซือห้านไม่อาจนั่งงอมืองอเท้าไม่ทำอะไรแล้วปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นได้
สถานการณ์ในตอนนี้ สำหรับเขาแล้ว เสียเปรียบเป็นอย่างมาก เขาเอ่ยพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า
“แม้ว่าจะต้องถกกันในเรื่องนี้ ก็ต้องให้ความสำคัญในเรื่องความเป็นธรรม สาเหตุที่ผมบุกเขามาในห้องน้ำหญิง เสี่ยวหว่าน คุณรู้ดีที่สุดไม่ใช่หรือ ตอนนี้ทำไมถึงไม่เอ่ยถึง ต้องการหลอกลวงคุณชายเย้นหรือครับ”
เย้นหว่านเอ่ยอย่างดุร้าย “ฉันจะไปรู้ได้อย่างไรว่า คุณบุกเข้ามาในห้องน้ำหญิงทำไม คุณมันโรคจิต!”
สีหน้าหยูซือห้านดำทะมึนขึ้นอีกหลายส่วน
เย้นหว่านทำลายภาพลักษณ์ของเขาและเหยียบซ้ำลงบนพื้นอย่างไม่เกรงกลัวใครจริงๆ
สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเขาอดทนต่อไฟโทสะที่โหมขึ้นมามากแค่ไหน ถึงจะแสร้งทำท่าทางอดทนออกมา และเอ่ยอธิบายต่อไปได้
“ก่อนอื่น ผมไม่ได้ตามเสี่ยวหว่านเข้ามา เดิมคืนวันนี้ผมมาเที่ยวเล่นหาความสนุกที่บาร์ เพียงแค่ได้พบกับเสี่ยวหว่านโดยบังเอิญเท่านั้นเอง อีกอย่าง ตอนที่ผมเห็นเธอ ก็เห็นว่าเสี่ยวหว่านอยู่ด้วยกันกับกู้ซึง ทั้งยังเห็นด้วยว่าพวกเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำหญิงด้วยกัน ชายหนึ่งหญิงหนึ่งเดินเข้าไปในห้องน้ำเดียวกัน จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ ไม่ต้องอธิบายก็เห็นได้ชัดแล้ว แต่ผมคิดว่าเสี่ยวหว่านเป็นถึงคุณหนูตระกูลเย้น ตระกูลเย้นเคร่งครัดในธรรมเนียม ไม่สามารถให้เธอทำเรื่องแบบนี้ข้างนอก จนทำลายหน้าตาของตระกูลเย้น ดังนั้นถึงได้ผลีผลามบุกเข้ามาในห้องน้ำ เพื่อหยุดยั้ง”
คำพูดนี้พูดเสียสง่าผ่าเผย
หยูซือห้านไม่พอใจมาก ที่ไม่ได้ดึงกู้ซึงลงมาด้วย แต่สถานการณ์ในตอนนี้ เขาทำได้เพียงแค่พยายามล้างมลทินให้ตัวเอง เพื่อให้รอดพ้นจากความผิดให้ได้เท่านั้น
มิเช่นนั้นต้องโวยวายไปจนถึงบ้านตระกูลหยูแล้วจริงๆ ถึงเขาจะมีร้อยปากมาชี้แจง แต่ก็จะถูกผู้คนเยาะเย้ย ฉีกหน้าอยู่ดี
เกรงว่าชื่อเสียงและเกียรติยศหลังจากนี้คงแย่ลงอย่างรวดเร็วแน่นอน ถูกตราหน้าด้วยชื่อเสียงสกปรกว่าเป็นพวกถ้ำมองห้องน้ำหญิง
“กู้ซึงหรือ”
เย้นโม่หลินได้ยินแล้ว ก็คิ้วขมวด กวาดตามองไปยังผู้คนในที่อยู่ในห้องน้ำด้วยสายตาคมปลาบ
นอกจากเย้นหว่าน ยังมีกู้จื่อเฟยที่ยืนจัดชุดกระโปรงด้วยท่าทีลนลานอยู่หน้าประตูห้องน้ำข้างๆ
มีกู้ซึงเสียที่ไหนกัน
“เป็นกู้ซึง! ผมรับประกันเลยว่าไม่ได้มองผิดไป”
หยูซือห้านเอ่ยด้วยท่าทางน่าเชื่อถือ เบนสายตาแหลมคมทางเย้นหว่าน ไล่ต้อนถามว่า “เสี่ยวหว่าน ผมเห็นอย่างชัดเจนว่าคุณเดินเข้ามาด้วยกันกับกู้ซึง แล้วเขาล่ะ”
มุมปากของเย้นหว่านโค้งขึ้น เต็มไปด้วยท่าทีเสียดสี
เธอเอ่ยเหน็บแนมว่า “คุณชายหยูเป็นหมาจนตรอก ไล่กัดคน ใส่ร้ายผู้อื่นไปทั่วแล้วหรือ ฉันมากับจื่อเฟยชัดๆ ฉันจะไม่รู้ได้อย่างไร แล้วกลายเป็นกู้ซึงไปตั้งแต่เมื่อไรกันคะ”
หยูซือห้านขมวดคิ้ว “คุณอย่าคิดจะทำตัวเจ้าเล่ห์เลย ผมเห็นกับตาว่าคุณกับกู้ซึงเดินโอบกันเข้ามา คนของผมล้วนเห็นหมดแล้ว ถ้ายังไม่เชื่อ ก็ยังสามารถใช้กล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานได้ เสี่ยวหว่าน เรื่องนี้ก็เหมือนตะปูที่ตอกลงบนแผ่นเหล็ก ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทำไมคุณจะต้องพูดเหลวไหลด้วย”
ขอเพียงแค่ยืนยันได้ว่าเป็นกู้ซึงที่เดินเข้ามาพร้อมกันกับเสี่ยวหว่าน ถึงสุดท้ายจะไม่เห็นตัวกู้ซึง แม้ว่าจะไม่ได้เปิดโปงฐานะของกู้ซึง หยูซือห้านก็มีจุดยืนในการโต้แย้งเพื่อตนเอง
นี่เป็นโอกาสเดียวในการพลิกกลับมาของเขา
เย้นหว่านไม่เปลี่ยนแม้กระทั่งสีหน้า ท่าทีแน่วแน่
“ฉันเดินเข้ามาพร้อมกับจื่อเฟย ถ้าคุณยังฝืนบอกว่าเป็นกู้ซึงอีก อย่างนั้นก็นำกล้องวงจรปิดออกมาสิ มาดูกันว่าใครกันแน่ที่พูดเหลวไหล”
“ได้! เอากล้องวงจรปิดมาก็ได้!”
หยูซือห้านรับคำทันที
เขากวักมือ สั่งการลูกน้องเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นทันที “ไปนำกล้องวงจรปิดในบาร์มา”
แม้ว่าผู้คนจะเยอะแยะวุ่นวาย แสงสีมืดสลัว แต่รูปร่างของกู้ซึงสูงใหญ่ สวมชุดสูท แต่งกายต่างจากกู้จื่อเฟยราวฟ้ากับดิน
แค่เห็น ก็รู้ความเป็นจริงของเรื่องนี้แล้ว
“เดี๋ยวก่อน”
เย้นหว่านเอ่ยขึ้นมากะทันหัน
หยูซือห้านยกยิ้ม “เสี่ยวหว่าน รู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้วหรือ คุณพูดความจริงออกมาตอนนี้ ก็ยังทันนะ ผมจะไม่ทำให้คุณลำบากใจหรอก”
เย้นหว่านไม่ได้ใส่ใจในท่าทีเสแสร้งของหยูซือห้าน แต่เอ่ยกับเย้นโม่หลินว่า
“พี่คะ ให้คนของพี่ไปรับด้วยกัน ฉันกลัวว่าหยูซือห้านจะเล่นตุกติกกับกล้องวงจรปิด”
คำพูดนั้นบ่งบอกถึงความไม่เชื่อใจอย่างชัดเจน
รอยยิ้มของหยูซือห้านแข็งค้าง สีหน้าทะมึน
เย้นโม่หลินถลึงตามองหยูซือห้านอย่างเย็นชาครั้งหนึ่ง กวักมือเรียก และออกคำสั่งว่า “ไปกับคนของเขา และเป็นผู้นำกล้องวงจรปิดมาด้วยตัวเอง”
“ครับ คุณชาย”
ด้านนอกประตู มีคนปฏิบัติตามทันที
เมื่อนำกล้องวงจรปิดมาแล้ว ข้อเท็จจริงทั้งหมดก็จะถูกเปิดเผยออกมา หยูซือห้านจึงไม่เกรงกลัวอะไร
เขาก็อยากจะเห็นพอดีเลยว่า กู้ซึงหายไปในอากาศภายใต้สายตาเขาได้อย่างไร
ลูกน้องจัดการเรื่องราวได้รวดเร็ว ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็นำคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดมาให้