บทที่533 พี่ ฉันอยู่บนทะเล
เย้นหว่านขมวดคิ้วแน่น รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ถ่ายใหม่ก็ไม่ได้ดีขึ้นมากหรอก”
“ถ้าเกิดว่าถ่ายไม่ได้ กู้ซึงก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
หยูซือห้านเอื้อมมือดึงกริชออกมา “ถ้ายังงั้นกู้ซึงก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว”
“ถ่ายใหม่ก็ถ่ายใหม่! ”
เย้นหว่านกัดฟันพูด แล้วก็หยิบโทรศัพท์มาอีกครั้ง หยูซือห้านกลับหลบเธอ
เย้นหว่านขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง? ”
หยูซือห้านถือโทรศัพท์ แล้วก็ส่องให้สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ แล้วออกคำสั่งว่า “ถ่ายให้พวกเขา”
เย้นหว่านเองก็ไม่ได้มีข้อคิดเห็นอะไร ในสถานการณ์แบบนี้ จะให้เธอเสแสร้งยิ้มแล้วถ่ายเซลฟี่ สำหรับเธอแล้วมันเป็นเรื่องที่ทรมานจริงๆ
สาวใช้คนนั้นหยิบโทรศัพท์ไป แล้วก็ทำท่าทางเหมือนช่างภาพมืออาชีพทันที
แล้วก็พูดกับเย้นหว่านและกู้ซึงว่า “พวกคุณขยับเข้ามาใกล้กันหน่อย……เย้นหว่านเอาหัวซบไหล่ของกู้ซึง ใช่ สนิทสนมกันหน่อย กู้ซึงโอบเอวของเย้นหว่าน……”
“สีหน้า สีหน้าเป็นธรรมชาติกว่านี้หน่อย …… คุณเย้น คุณอย่าเก้ๆ กังๆ ขนาดนั้น ยิ้มราวกับว่าได้อยู่กับคนรักหน่อยสิ……”
สาวใช้พูดไม่รู้จบ
เย้นหว่านปวดหัวแล้ว จะให้เป็นธรรมชาติ แถมยังจะให้แสดงเหมือนว่าอยู่กับคนรักงั้นเหรอ?
เธอไม่ใช่นักแสดงนะ!
เย้นหว่านหงุดหงิด “พวกเธอไปรีทัชรูปเอาไม่ได้เหรอ? ทำให้มันดูรักกันหน่อยก็โอเคแล้วนิ”
“ไม่ได้ เย้นโม่หลินจะต้องตรวจสอบความถูกต้องของรูปภาพอย่างแน่นอน”
สาวใช้พูดอย่างเด็ดขาด
สายตาของเธอนั้นเฉียบแหลม เย้นหว่านนั้นอึ้งไป ภายนอกเธอก็เป็นแค่สาวรับใช้เท่านั้น แต่ว่าความสามารถที่แสดงออกมานั้น กลับไม่ใช่แค่สาวรับใช้ธรรมดาๆ
ครั้งนี้คนที่หยูซือห้านพามาด้วย แม้แต่สาวใช้ยังไม่ธรรมดาเลย
กู้ซึงเม้มปากแล้วพูดว่า
“คนที่ไม่รักกัน ไม่ว่าจะถ่ายยังไง ก็ถ่ายให้ดูรักใคร่กลมเกลียวกันไม่ได้หรอก เอาแบบนี้ไหม ถ่ายด้านหลังแล้วก็ด้านข้างของพวกเราก็พอ ให้เย้นโม่หลินเห็นว่าพวกเราอยู่ด้วยกัน”
ภาพที่ถ่ายจากด้านข้างและด้านหลังจุดสำคัญจะไม่ได้อยู่ที่สีหน้า ก็ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ยุ่งยากดี
สีหน้าของสาวใช้ขยับ เธอรู้สึกเห็นด้วยเล็กน้อย หันหน้ากลับไปมองหยูซือห้าน
“คุณชายหยู คุณคิดว่าได้ไหมคะ? ”
หยูซือห้านเห็นเย้นหว่านกับกู้ซึงโอบๆ กอดๆ กันอยู่นาน แต่ก็ยังไม่ได้รูปถ่ายที่ใช้ได้เลย ความอดทนของเขาก็ใกล้จะหมดแล้ว
เขายกมือขึ้น “OK”
สาวใช้ราวกับว่าได้รับนิรโทษกรรม รีบออกคำสั่งเย้นหว่านกับกู้ซึงทันที “พวกคุณไปยืนอยู่ริมทะเล แล้วก็หันข้างนิดหน่อยและหันหน้าเข้าหากัน”
เย้นหว่านกับกู้ซึงทำตามนั้น
ถ่ายแค่ภาพด้านข้างใบหน้าแล้วก็แผ่นหลัง ท่าทางดูสนิทชิดเชื้อกันหน่อย ดูเหมือนกับว่าจะเป็นยังงั้นจริงๆ
ไม่นาน ภาพชุดหนึ่งก็ได้ถ่ายเสร็จแล้ว
หยูซือห้านมองดูรูปภาพในโทรศัพท์ สุดท้ายก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
แค่มองดูรูปภาพที่กลมกลืนของสองคนที่ ‘รักกัน’ เขาก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยในใจ
ใบหน้าของกู้ซึงนั้น ไม่ว่าโห้หลีเฉินจะใช้ หรือว่าเป็นตัวเขาเอง มันช่างดูขวางหูขวางตาซะจริง
เขาโบกมือขึ้นแล้วออกคำสั่งว่า “ไปผูกมันไว้ ให้ตากแดด”
หลังจากพูดจบ บอดี้การ์ดร่างสูงใหญ่ทั้งสองคนก็เดินเข้าไปหากู้ซึงด้วยท่าทีที่ดุร้ายทันที
สีหน้าของกู้ซึงเปลี่ยนไปทันที “หยูซือห้าน ฉันก็ถ่ายรูปให้แกแล้วไง ทำไมยังจะมัดฉันอีก! ”
บนทะเลนั้นอากาศก็ร้อน แดดก็แรง กู้ซึงก็ถูกเลี้ยงแบบโอ๋มาโดยตลอด ถ้าต้องตากแดดเป็นเวลานานผิวจะแห้งและคล้ำ
นี่หยูซือห้านเกลียดชังรูปร่างหน้าตาของเขาอย่างเห็นได้ชัด
หยูซือห้านตอบอย่างดื้อด้านมาก “ดูขัดหูขัดตา”
กู้ซึง “……”อยากจะฆ่ามันให้ตายจริงๆ
เขายกหมัดขึ้นต้องการจะเข้าไปต่อยหยูซือห้าน แต่ว่าบอดี้การ์ดนั้นรวดเร็วกว่า จับเขาขนาบข้างทั้งซ้ายและขวาชนิดที่ว่าไม่สามารถขัดขืนได้ แล้วก็ลากเขาไปทางเสาด้านข้าง
เย้นหว่านอึ้งไป ไม่คิดเลยว่าหยูซือห้านจะเปลี่ยนหน้าได้รวดเร็วขนาดนี้!
เธอหงุดหงิด แล้วก็เข้าไปดึงกู้ซึงไว้ อยากจะผลักพวกบอดี้การ์ดออกไป
“พวกนายปล่อยเขานะ”
แต่ว่าเย้นหว่านยังไม่ทันจะได้แตะกู้ซึง ก็มีสาวใช้ทั้งสองคนเดินมาด้านข้าง แล้วก็ดึงเธอไว้
แล้วด้านข้างนั้น ก็มีเสียงของหยูซือห้านดังขึ้น
“เสี่ยวหว่าน เธอยังมีเรื่องที่ต้องทำ”
สาวรับใช้บังคับให้เย้นหว่านเดินไปหาหยูซือห้าน
ทางด้านนี้ กู้ซึงก็ด่าสาดเสียเทเสีย แต่ก็ไม่สามารถขัดขืนได้ ถูกบอดี้การ์ดทั้งสองคนมัดติดกับเสา
เย้นหว่านมองอย่างทนดูไม่ได้ ในใจเธออยากจะถีบหยูซือห้านลงทะเลไปเป็นพันครั้ง
“เสี่ยวหว่าน เอาไป”
พึ่งจะเดินเข้ามา หยูซือห้านก็ยื่นโทรศัพท์ให้กับเย้นหว่าน
เย้นหว่านมอง แล้วก็เห็นเย้นโม่หลินวิดีโอคอลมา
เดาว่า เมื่อกี้หยูซือห้านส่งรูปไปให้เย้นโม่หลิน เย้นโม่หลินกลับรอบคอบและระมัดระวัง เลยวิดีโอคอลมาเพื่อยืนยัน
เย้นหว่านขมวดคิ้ว “นายไม่กลัวฉันขอความช่วยเหลือจากพี่ชายเหรอ? ”
วิดีโอคอล มันเห็นหน้ากันได้นะ
หยูซือห้านยิ้มอย่างไร้ยางอาย “ฉันเชื่อว่าเธอไม่ทำหรอก”
เขาลุกขึ้นยืน ร่างที่สูงใหญ่นั้นเดินเข้ามาหาเย้นหว่านอย่างมีเลศนัย “ไม่ว่าจะยังไง เธอก็ใจดีขนาดนั้น คงไม่ใช่คนที่จะไม่แคร์ความเป็นความตายของกู้ซึงหรอก”
เย้นหว่านกัดฟันด้วยความโกรธ มองไปที่กู้ซึงที่ถูกผูกติดอยู่กับเสาอย่างน่าอนาถด้วยความหงุดหงิด
เธอไม่ได้ใจดี แต่ว่าเธอรู้สึกว่าเธอต้องรับผิดชอบกู้ซึง
เธอถือโทรศัพท์ ไม่ได้รับสายทันที และก็พูดว่า
“ตอนนี้นายผูกกู้ซึงเอาไว้ ถ้าเกิดว่าพี่ชายฉันให้กู้ซึงมารับโทรศัพท์ล่ะ? ”
หยูซือห้านยักไหล่ “ตั้งแต่ไหล่เขาเป็นต้นไป ถ่ายได้”
เย้นหว่าน “……”
กู้ซึงตะโกนด่าออกมา “หยูซือห้าน แกจะไม่ได้ตายดีแน่”
“ปิดปากมันไว้”
หยูซือห้านออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น
บอดี้การ์ดหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากหน้าอกของเขา แล้วก็ยัดเข้าไปในปากของกู้ซึงอย่างหยาบคาย
กู้ซึงทำเสียง “อื้ออื้อ”อย่างไม่เต็มใจ ในแววตาที่แดงก่ำของเขานั้น เต็มไปด้วยคำด่า
เย้นหว่านเกิดอาการปวดขมับขึ้นมา
หยูซือห้านจัดการกู้ซึงได้โดยที่ไม่ได้ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนี้ต่อไป กู้ซึงก็จะมีแต่ถูกทรมาน ประสบความสูญเสีย
เธอกัดฟันแน่น “ฉันก็แค่รับสาย”
เย้นหว่านสูดลมหายใจเข้าลึกๆ โดยหันหลังให้กับราวบันไดของเรือยอร์ช แล้วก็รับสาย
บนหน้าจอนั้น ก็ปรากฏใบหน้าที่หล่อเหลาของเย้นโม่หลินขึ้นมาทันที
เขาขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า
“เธอไปเที่ยวกับกู้ซึงเหรอ? ”
ในคำพูดนั้น มีความไม่เห็นด้วย แต่ที่มากกว่านั้นคือความเป็นห่วง
เย้นหว่านรู้สึกคัดจมูก เธออยากจะบอกเย้นโม่หลินมาก ว่าเธอไม่ได้มาเที่ยว แต่ว่าเธอถูกลักพาตัวมา
เธอหมัดแน่น พยายามทำให้อารมณ์ของตัวเองคงที่ แล้วก็คลี่ยิ้มออกมา
“ใช่ น้องกับกู้ซึง……อยากจะมาอยู่ในโลกของคนสองคนสักหน่อย”
“อยู่ในโลกของคนสองคน ก็ควรจะบอกพี่หน่อยแล้วค่อยไปนะ”
น้ำเสียงของเย้นโม่หลินนั้นเต็มไปด้วยไม่พอใจ แต่ก็พูดอย่างแข็งกระด้างว่า “พี่ก็ควรจะได้เตรียมพร้อมให้พวกเธอสิ ระหว่างทางมีอะไรที่ไม่สะดวกไหม? ”
สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเธอ
เย้นหว่านรู้สึกซาบซึ้งมาก เธอส่ายหน้า
“ทุกอย่างดีหมดเลย พี่ ดูสิ นี่น้องอยู่บนทะเล”
เย้นหว่านก้มหัวเล็กน้อย ให้เย้นโม่หลินเห็นทะเลที่อยู่ด้านหลังของเธอ
ไม่มีที่สิ้นสุด สีฟ้าคราม แถมยังมีนกนางนวลบินอยู่บนท้องฟ้า
วิวทิวทัศน์นั้นสวยงามมาก
เย้นโม่หลินมองหน้าจอ แล้วก็ถามด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ตอนนี้อยู่ที่ไหน? ”
สีหน้าของหยูซือห้านมืดมนลง
เขาลุกขึ้นทันที แล้วก็เดินเข้ามาหาเย้นหว่าน