บทที่ 543 ปลดโห้หลีเฉิน
หยูซือห้านเห็นสีหน้าซีดเซียวของเย้นหว่านแล้ว มุมปากยกขึ้นอย่างรื่นรมย์ เขาใจดีอธิบายให้เธอฟัง
“กฎของตระกูลหยู แต่ไหนแต่ไรล้วนไม่ตายก็ไม่เปลี่ยนผู้สืบทอดตระกูล แต่ถ้าเกิดข้อยกเว้น งั้นเพื่อป้องกันถูกผู้สืบทอดตระกูลที่ถูกปลดต่อไปไม่ตายใจ กระทบตำแหน่งของผู้สืบทอดตระกูลคนใหม่
เพราะฉะนั้น ถึงผู้สืบทอดตระกูลที่ถูกปลดตำแหน่งไม่ตาย ก็จะต้องถูกลงทัณฑ์ทรมานทั่วร่างกาย เขาจะขาขาด แขนขาด และมีลูกมีหลานไม่ได้”
เหลือแค่ชีวิตและยืดลมหายใจเฮือกสุดท้ายไว้!
เย้นหว่านสูดหายใจเข้าทางปาก ตกใจจนร่างกายสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
เธอไม่กล้าคิด โห้หลีเฉินกำลังจะถูกปฏิบัติแบบนี้……
แขนขาด ขาขาด มีลูกมีหลานไม่ได้!
“โห้หลีเฉินจะไม่ถูกปลดหรอก”เสียงของเย้นหว่านสั่นคลอน “ถึงตายฉันก็ไม่แต่งงานกับคุณหรอก”
ขอแค่เธอไม่แต่งงานกับหยูซือห้าน ตระกูลหยูก็จะไม่มีคนมาเป็นผู้สืบทอดตระกูลแทน โห้หลีเฉินจะได้รับแค่โทษหนัก แต่จะไม่ถูกปลด
เธอจะขัดขวางเรื่องนี้อย่างไม่คำหนึ่งอะไรทั้งสิ้นแน่นอน
ในหัวของเย้นหว่านเพิ่งเกิดความคิดอย่างนี้ขึ้น ข้างกายกลับมีเสียงที่เหมือนปีศาจของหยูซือห้านดังขึ้น
“ตอนนี้ไม่ว่าคุณจะทำอะไร มันก็สายไปแล้ว”
เย้นหว่านแข็งทื่อไปทั้งตัว หมายความว่ายังไง?
เธอเงยหน้าขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ ก็เห็นภาพกล้องวงจรปิดที่เสียงดังโหวกเหวก มีผู้ชายวัยกลางคนที่หน้าตาเหมือนพ่อบ้านคนหนึ่ง ได้ยกของอย่างหนึ่งเดินมาที่ตรงหน้าของหัวหน้าตระกูลอย่างเคร่งขรึม
เขาพูดอย่างสุภาพเรียบร้อย “คุณท่านครับ นี่เป็นของที่คุณชายหยูซือห้านให้คุณท่านครับ บอกว่าสำคัญมาก”
พ่อบ้านเป็นคนข้างกายของหยูฉู่สอง แต่ไหนแต่ไรแยกแยะลำดับความสำคัญของเรื่องได้ดีที่สุด ของชิ้นนี้จะต้องสำคัญมากแน่นอน ไม่งั้นไม่เอาเข้ามาในขณะที่กำลังประชุมอยู่หรอก
หยูฉู่สองไม่มีการลังเล เขาได้ยื่นมือ “เอามา”
พ่อบ้านรีบเดินไปข้างหน้า เปิดกล่องออก เอาปากกาอัดเสียงที่อยู่ด้านในยื่นไปที่มือของหยูฉู่สอง
หยูฉู่สองมองดูปากกาอัดเสียง ได้สำรวจด้วยสายตาเฉียบคม อาวุโสที่นั่งอยู่ข้างล่างเปิดปากพูด “ในเมื่อหยูซือห้านส่งของมาในเวลานี้ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับประเด็นที่เราพูดอยู่ก็ได้ ลองเปิดฟังดูเถอะว่าคืออะไร”
ส่งมาในที่สาธารณะ ย่อมไม่มีเนื้อหาอะไรที่ลับลมคมในอยู่แล้ว
บางที วัตถุประสงค์ของหยูซือห้านก็คือให้ทุกคนต่างก็ได้ยินกันหมด
หยูฉู่สองแค่ลังเลไปเสี้ยววินาที ก็ได้กดปุ่มปากกาอัดเสียงต่อหน้าทุกคนแล้ว
เสียงที่อยู่ในปากกาก้องมาอย่างชัดเจน
“เย้นหว่าน แต่งงานกับผมนะครับ?”
“โอเคค่ะ”
“ผมใส่แหวนให้คุณครับ”
“ค่ะ”
……….
ไม่ได้เหนือความคาดหมายเลยสักนิด เสียงนี้เป็นคำพูดที่หยูซือห้านแอบอัดไว้ตอนที่ขอแต่งงาน
เปิดออกมาอย่างนี้ เสียงได้ผ่านการตัดต่อมาเรียบร้อยแล้ว สามารถฟังออกว่าเป็นเสียงของหยูซือห้าน แต่เสียงของเย้นหว่านชัดเจนกว่า
เย้นหว่านยืนอยู่หน้าจอโปรเจคเตอร์อย่างแข็งทื่อ สีหน้าซีดเหมือนไข่ต้ม หัวใจตกลงไปในเหวลึกทีละนิดๆ
เสียงอัดสั้นมาก แป๊บเดียวก็ฟังจบแล้ว
แต่กลับเหมือนก้อนหินที่โยนเข้าไปในทะเลสาบที่เงียบสงบ มีน้ำที่กระเซ็นเป็นชั้นๆ
มีอาวุโสคนหนึ่งถามทันทีว่า “นี่ก็คือคลิปเสียงที่หยูซือห้านขอเย้นหว่านแต่งงาน?”
พ่อบ้านผ่านการอนุมัติ จึงหันมาพยักหน้า “ใช่ครับ คุณชายเย้นได้ขอคุณเย้นแต่งงานสำเร็จแล้วครับ ถ้าไม่เกิดเหตุสุดวิสัยอะไร วันนี้ก็สามารถจดทะเบียนสมรสกันแล้วครับ”
คำพูดนี้คือระเบิดลูกใหญ่ชัดๆ
ทั้งห้องประชุมได้เดือดพลุ่งพล่าน
อาวุโสหลายท่านอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมาพูดด้วยความตื่นเต้น “จริงเหรอเนี่ย? หยูซือห้านขอแต่งงานสำเร็จแล้ว และกำลังจะแต่งงานกับเย้นหว่าน?”
“ดีจังเลย! หยูซือห้านไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังจริงๆ ได้แต่งงานกับเย้นหว่านแล้ว!”
“พอเป็นแบบนี้ปุ๊บ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับตระกูลเย้นก็เหนียวแน่นแล้ว ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาเป็นร้อยปีก็ไม่ได้ตัดขาดอยู่ในมือของพวกเรา”
พวกอาวุโสทั้งดีใจและตื่นเต้น
หัวใจของเย้นหว่านกลับจมเข้าไปในก้นทะเลสาบที่หนาวเหน็บ มองไม่เห็นแสงสว่างอีกต่อไป
มีคลิปเสียงอยู่ ทุกคนของตระกูลหยูต่างก็ตั้งความหวังกับหยูซือห้าน ก็ย่อมเชื่อเขาอยู่แล้ว
งั้นโห้หลีเฉิน……
“ปลดตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลของโห้หลีเฉิน และให้หยูซือห้านเป็นผู้สืบทอดแทน!”
“ฉันเห็นด้วย!”
“เห็นด้วย!”
“เห็นด้วย!”
อาวุโสทั้งหลาย ต่างก็ทยอยลุกขึ้นมาแสดงความคิดเห็นของตัวเอง
พริบตาเดียวสถานการณ์ก็เอนเอียงไปข้างเดียวกันหมด ความคิดเห็นที่ปลดโห้หลีเฉินออกจากตำแหน่ง ไม่มีการลังเลใดๆอีก
ทุกคนต่างก็มองหยูฉู่สองด้วยสายตาที่ลุกเป็นไฟ ให้เขาทำการตัดสินใจ
เย้นหว่านแข็งทื่อไปทั้งตัว พูดพึมพำอย่างเสียงสั่น “คุณเป็นปู่ของเขานะ คุณคงแข็งใจทำแบบนั้นไม่ลงมั้งคะ ช่วยหลานชายคนเดียวของคุณด้วย ปล่อยเขา…..”
เธอกำลังภาวนาเสียงเบาและสั่นคลอน เธอหวังว่าหยูฉู่สองจะสามารถเห็นแก่ญาติสายโลหิต ไขว่คว้าโอกาสอันน้อยนิดให้โห้หลีเฉิน
หยูซือห้านยกมุมปากหัวเราะเยาะ เสียงร้ายกาจอำมหิต “คุณปู่? สำหรับตระกูลหยู ญาติสายโลหิตเป็นแค่เรื่องตลกเท่านั้น”
เย้นหว่านไม่เชื่อ นี่จะเป็นไปได้ยังไง?
เธอยังไม่ทันได้โต้แย้ง ก็เห็นผู้สูงอายุที่นั่งอยู่บนที่นั่งสูงอย่างน่าเกรงขามถือปากกาอัดเสียงไว้แล้วลุกขึ้นมา
เขามองดูทุกคนรอบหนึ่ง แต่ละถ้อยคำเคร่งขรึมเฉียบขาดได้ไร้ความเมตตา
“หยูซือห้านแต่งงานกับเย้นหว่าน เอาทะเบียนสมรสกลับมา ผู้สืบทอดของตระกูลหยูก็เปลี่ยนคนมาแทนที่ทันที ปลดโห้หลีเฉินทิ้ง แต่งตั้งหยูซือห้าน”
คำพูดนี้ เหมือนคำตัดสินโทษตายของผู้พิพากษา
เย้นหว่านหน้ามืด คำนี้คอยสะท้อนอยู่ที่ข้างหูอย่างไม่ขาดสาย
ปลดโห้หลีเฉิน
ปลดโห้หลีเฉิน
ปลดโห้หลีเฉิน
หยูฉู่สองไม่เห็นแก่โห้หลีเฉินที่เป็นญาติสายโลหิตสักนิดเลยจริงๆ เพื่อผลประโยชน์แล้ว ก็ละทิ้งโห้หลีเฉินอย่างง่ายดาย แถมจะทำลายทั้งชีวิตของเขาเองกับมือ
ผ่านไปไม่กี่วินาที ในคลิปก็มีเสียงเคร่งขรึมเฉียบขาดและใจดำของหยูฉู่สองดังขึ้น
“ไปตระกูลเย้น จับตัวโห้หลีเฉินมา เตรียมลงทัณฑ์ทรมาน”
จับโห้หลีเฉินกลับมา!
ตอนนี้โห้หลีเฉินกำลังถูกเย้นโม่หลินจับตัวไว้ ตามระดับความเกลียดชังที่เย้นโม่หลินมีต่อโห้หลีเฉิน ไม่แน่อาจจะยังช่วยใส่กุญแจมือ และส่งโห้หลีเฉินกลับไปอย่างกระตือรือร้นด้วยซ้ำ
พอเป็นแบบนี้ โห้หลีเฉินก็ไม่มีแม้กระทั่งโอกาสหนีแล้ว
เย้นหว่านขาอ่อนแรง “ตึก”ดังขึ้นเสียงหนึ่งก็ทรุดลงกับพื้น
จบเห่แล้ว
ทุกอย่างของโห้หลีเฉิน ล้วนจบเห่แล้ว
เรื่องถูกตัดสินแบบนี้แล้ว หยูซือห้านหัวเราะอย่างได้ใจ ในที่สุดความหวังที่เขาเฝ้ารอมานานหลายปีก็จะสมปรารถนาแล้ว
สำเร็จที่ได้เป็นผู้สืบทอด ถามหาตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูล แถมยังเอาโห้หลีเฉินตายด้วย
พอถึงสุดท้าย เขาต่างหากที่เป็นผู้ชนะหนึ่งเดียว
เขาก้มมองเย้นหว่านที่ทรุดลงกับพื้นอย่างได้ใจ เสียงโอหังและเหิมเกริม “เย้นหว่าน ไปเถอะ เราต้องไปที่โบสถ์แล้ว”
เย้นหว่านหนาวเหน็บไปทั้งตัว แม้แต่เสียงก็ยังสั่นคลอนจนควบคุมไม่ได้
เธอเปล่งเสียงออกมาจากปากอย่างยากลำบาก “ไม่ไปสำนักกิจการพลเรือน?”
อย่างน้อยที่สำนักกิจการพลเรือนยังต้องใช้ทะเบียนบ้าน ทะเบียนบ้านของเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ บางทีอาจจะสามารถหาโอกาสยืดเยื้อได้บ้าง
คำพูดของหยูซือห้าน กลับทำให้ความหวังทั้งหมดของเธอแตกสลายอย่างง่ายดาย “รู้มั้ยทำไมผมถึงพาคุณมาที่นี่? เพราะกฎหมายของที่นี่แค่กล่าวคำปฏิญาณในโบสถ์ก็สามารถจดทะเบียนสมรส และกลายเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายในทันที”
รวดเร็ว โดยตรง
และไม่ต้องใช้ทะเบียนบ้านด้วย
สีหน้าเย้นหว่านยิ่งซีดเหมือนไข่ต้มเข้าไปใหญ่ สิ้นหวังจนตรงหน้ามืดมน
หยูซือห้านเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว รอแค่แบกหามเธอขึ้นไปอย่างเดียวแล้ว
เธอไม่มีหนทางต่อต้านเลยด้วยซ้ำ