บทที่ 590 เย้นหว่าน ผมรักคุณ
เย้นหว่านทั้งมีความสุขทั้งอยากร้องไห้ นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้รับอ้อมกอดและการจูบที่เอาแต่ใจแบบนี้ของโห้หลีเฉิน
ช่วงนี้ พวกเขาทุกคนต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก ชีวิตและความตายเกือบจะแยกจากกัน
กอดในตอนนี้จึงมีค่ามาก
เย้นหว่านยื่นมือออกแทบจะเป็นสัญชาตญาณ เลื่อนไปตามช่วงเอวของโห้หลีเฉินแล้วกอดเขาไว้แน่น
ตอบสนองเขา
ทนไม่ไหวจนน้ำตารินหลั่งจากหางตา
จูบของโห้หลีเฉินเลื่อนลงไปตรงแก้มของเธอตามแนวคราบน้ำตา จูบซับน้ำตาของเธอทีละนิด
เป็นจูบที่อ่อนโยนและร้ายแรง
เสียงของเขาทุ้มต่ำ จริงจัง คล้ายคำสาบาน
“เย้นหว่าน พวกเราจะไม่แยกจากกันอีก”
ชีวิตนี้ ไม่จากไม่ทิ้ง
ข้างหลังมีเสียง ‘ฟึ่บ’ ดังมา เห็นน้ำพุพุ่งขึ้นสูง และกระจายอย่างสวยงาม
ซึ่งรูปร่างการพุ่งของน้ำพุ จากจุดมุมมองของเย้นหว่าน ไม่น่าเชื่อว่ามันเป็นรูป ‘หัวใจ’!
ดวงตาพร่ามัวน้ำตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจและเหลือเชื่ออย่างยิ่ง
ไม่ต้องบอกเลย แน่นอนว่ามันเป็นการจัดเตรียมพิเศษโดยโห้หลีเฉิน
เธอยิ้มอย่างมีความสุข “นี่เรียกว่า แม้แต่น้ำพุก็เป็นรูปร่างความรักของคุณใช่หรือเปล่า”
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านด้วยสายตาอ่อนโยน พร้อมกับส่งเสียง “อืม” ไม่เบาไม่หนัก
เย้นหว่านแค่ล้อเล่น คิดไม่ถึงว่าเขาจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมาจริงๆ
เธอค่อนข้างตั้งตัวไม่ทัน หน้าแดงเรื่อ มองเขาอย่างอึ้งๆ
โห้หลีเฉินสีหน้าจริงจัง แต่ละคำลึกซึ้งยืนยาว
“เย้นหว่าน ผมรักคุณ”
เย้นหว่านอึ้ง โง่ ไร้เดียงสา
เธอมองเขานิ่งค้าง ประหลาดใจอย่างถึงที่สุด ทำให้เธอแทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
ไม่อยากเชื่อว่าโห้หลีเฉินจะบอกว่าผมรักคุณ
เขาบอกว่าผมรักคุณ
สามคำที่พาให้คนสั่นไหว ทำให้เย้นหว่านแม้แต่จะไตร่ตรองก็ไม่ได้
รู้แค่ว่าที่จริงเธอก็รักเขามาก
……
เมืองM
เย้นโม่หลินพากลุ่มคนบุกเข้าไปในร้านทำผมขนาดใหญ่
เดิมทีเป็นร้านทำผมที่ธุรกิจเฟื่องฟูและยุ่งอย่างต่อเนื่อง ทุกคนที่กำลังขะมักเขม้นอยู่ภายในล้วนหยุดมือ ประหลาดใจที่เห็นผู้บุกรุกเข้ามากะทันหัน
ดุร้ายมาก ทำอะไรกันน่ะ!
ในขณะเดียวกันก็มีเสียงร้องประหลาดใจของผู้หญิง “ผู้ชายที่เป็นผู้นำหล่อมากเลย”
ผู้จัดการเป็นคนอ้วนวัยกลางคน หลังจากตกใจกับพลังอำนาจจากกลุ่มของเย้นโม่หลิน ก็มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว รีบทักทายด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสทันที
พูดว่า “ท่านพี่ชายน้อยทั้งหลาย พวกคุณจะสระผมหรือทำผม”
เย้นโม่หลินมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
เปิดปากพูดเสียงดุดัน “กู้จื่อเฟยล่ะ”
“ฮะ? กู้จื่อเฟยเหรอครับ”
ผู้จัดการครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะรีบตอบด้วยรอยยิ้ม “พี่ชายน้อย พวกเราที่นี่ไม่มีใครชื่อกู้จื่อเฟยเลยครับ ไม่ทราบว่าเป็นลูกค้าท่านไหนใช่หรือไม่ ใครชื่อกู้จื่อเฟยครับ รบกวนออกมาสักครู่ได้ไหมครับ”
พูดถึงช่วงหลัง ผู้จัดการเพิ่มเสียงตะโกนขึ้นเล็กน้อยใส่คนในร้าน
แต่ว่าผู้คนมองหน้ากัน ไม่มีใครออกมา
สีหน้าเย้นโม่หลินยิ่งเย็นชาขึ้นอีก
ผู้จัดการเกิดกระวนกระวายเล็กน้อย รีบพูดอีกครั้งว่า “พี่ชายน้อย คุณเห็นแล้ว พวกเราที่นี่ไม่มีคนชื่อกู้จื่อเฟยจริงๆ คุณมาหาผิดที่หรือเปล่าครับ”
เย้นโม่หลินสีหน้าเย็นชา ทั่วร่างกายเกิดไอชั่วร้าย
ไม่มีแม้ครึ่งหนึ่งของความอดทน เขาเอ่ยสั่ง “ค้น!”
เมื่อเสียงลดลง บอดี้การ์ดข้างหลังเขากระจายออกไปอย่างรวดเร็วในทันที มุ่งหน้าไปตามทางเดินในร้านทำผม
ทันทีที่ผู้จัดการเห็น ก็เกิดความกลัวจนสีหน้าเปลี่ยนไปมากอย่างฉับพลัน
รีบวิ่งไปขวางเอาไว้ “พี่ชายน้อย พวกเราที่นี่ไม่มีใครชื่อกู้จื่อเฟยจริงๆ คุณมาหาผิดที่แน่ๆ ด้านหลังนั่นเป็นพื้นที่ส่วนตัว คุณไม่สามารถมาวุ่นวายเพียงเพราะแค่มีคนเยอะนะ ผมจะโทรหาตำรวจ”
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ “หนวกหู ปิดปากเขา”
“ครับ คุณชาย”
ต้วนอานมองผู้จัดการด้วยความเห็นใจ สองวันนี้เย้นโม่หลินหากู้จื่อเฟยไม่พบ อารมณ์อาจจะไม่ดีอย่างมาก
ใครขัดหูขัดตาก็ตายหมด
เย้นโม่หลินไม่มองผู้จัดการอีก ใบหน้าหล่อมืดครึ้ม สาวเท้ากว้างเดินตรงไปตามทางเดิน ไอชั่วร้ายแผ่ออกจากร่าง ดูคล้ายการมาเพื่อฆ่าคน
ลูกค้าด้านนอกและช่างตัดผม เมื่อเห็นฉากไก่บินสุนัขกระโดด ก็ตระหนกตกใจตัวสั่นเทา
และภายในสองนาที ตามทางเดินก็พลันมีเสียงชายหญิงกรีดร้องดังมา
เสียงแต่ละเสียงดังต่อเนื่อง
ยังมีเสียงด่าด้วย
“พวกมึงเป็นใคร! ไสหัวออกไปนะโว้ย!”
“กรี๊ด อย่างมองนะอ๊า อย่ามอง!”
และที่ตอบสนองพวกเขา เป็นหมัดที่อุกอาจของบอดี้การ์ด
ไก่บินสุนัขกระโดด
ด้านหลังทางเดินเกิดความวุ่นวายนานกว่าสิบนาที
ก่อนที่เย้นโม่หลินจะออกมาจากทางเดินด้านหลังด้วยใบหน้ามืดครึ้ม สีหน้าของเขายิ่งแย่หนักกว่าเดิม
ต้วนอานก้าวขึ้นหน้ามาทันที ถามอย่างกังวลว่า “คุณชายครับ ไม่พบคุณกู้จื่อเฟยเหรอครับ”
เย้นหว่านเหลือบมองเขาตาขวาง ถามเรื่องไร้สาระอะไร ถ้าหาพบ เขาจะออกมาคนเดียวงั้นเหรอ
ไม่คิดสนใจต้วนอาน เย้นโม่หลินหยิบอารูปออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท ก่อนจะเดินไปตรงหน้าผู้จัดการ
เหลือบมองลงไปที่เขา แล้วแปะไปที่หน้าเขา
ถามเสียงเย็นชา “เธออยู่ที่ไหน”
ในรูป เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด มันค่อนข้างคลุมเครือ แต่ก็ยังเห็นว่าเป็นผู้หญิงที่ดูเหมือนกู้จื่อเฟยเดินออกไปจากร้านทำผม
ผู้จัดการดูรูปอย่างละเอียด ก่อนจะส่ายศีรษะทันที
“อื้อๆๆ…..”
เย้นหว่านขมวดคิ้วแน่น สายตาเย็นชามองต้วนอาน
“ยังไม่ฉีกปากเขาออกอีกเหรอ”
ต้วนอานตัวสั่นทันที รู้สึกคับข้องใจมาก ก็เมื่อครู่คุณชายคุณบอกให้ผมปิดปากเขาอะ!
ต้วนอานจิตใจขมขื่น แต่ก็ยังเดินอย่างรวดเร็วเข้าไปฉีกเทปจากปากของผู้จัดการ
เพิ่งถูกฉีกเปิด ผู้จัดการก็ตะโกนทันที “พวกคุณบุกรุกพื้นที่ส่วนตัว ทำลายทรัพย์สิน การกระทำอย่างโจร ผมจะโทรเรียกตำรวจ! ผมจะโทรเรียกตำรวจ!”
“ผัวะ!”
ที่ตอบเขา เป็นลูกเตะที่ไร้ความปราณี
เย้นโม่หลินมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ เขย่าภาพตรงตาเขา น้ำเสียงเย็นราวน้ำแข็ง
“พูดมา เธออยู่ไหน ไม่อย่างนั้นก็ตายซะ!”
ภัยคุกคามเยือกเย็น ร้อยเปอร์เซ็นว่าจะทำตามนั้น
ผู้จัดการหวาดกลัวจนเหงื่อเย็นผุดทั่วร่าง เริ่มตระหนักได้ว่าเขาได้พบกับบุคคลที่โหดเหี้ยมเข้าแล้ว
เขาไม่กล้าลังเลอีกต่อไป พูดขึ้นทันที
“เธอเป็นผู้หญิงของร้านทำผมเราครับ เมื่อครู่ก็อยู่ด้านหลังเพื่อให้ความบันเทิงกับแขก”
“ฉันเพิ่งไปดูด้วยตัวเอง มันไม่ใช่เธอ”
เย้นโม่หลินสีหน้ายิ่งเย็นชาขึ้นอีก ในสายตาเริ่มมีความปรารถนาแห่งการฆ่าขึ้นมาแล้ว
ผู้จัดการกลัวจนตัวสั่น รีบพูดว่า “เป็นเธอครับ เป็นเธอจริงๆ! เธอไม่ได้ชื่อกู้จื่อเฟยแต่ชื่อลีซ่า ถ้าไม่เชื่อผมจะเรียกเธอออกมาให้คุณดูเดี๋ยวนี้ ลีซ่า ลีซ่า รีบออกมาเร็ว!”
ลีซ่างั้นเหรอ
เย้นโม่หลินคิ้วขมวดแน่นเข้าหากัน
เขาเอ่ยสั่ง “พาเธอออกมา”
“ครับ คุณชาย”
บอดี้การ์ดตอบรับ หน้ามืดครึ้มเดินเข้าไป ไม่นาน ผู้หญิงในเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยกระเซอะกระเซิงคนหนึ่งก็ถูกนำออกมาจากด้านใน
ผู้หญิงเห็นได้ชัดว่ากลัวมาก ตัวสั่นหมอบอยู่กับพื้นตลอดเวลา แม้แต่หน้าก็ไม่กล้าเงยขึ้น