บทที่569 เขาเป็นยังไงบ้าง
“ฉันเอง นายตื่นสิ”
เย้นหว่านเรียกเขาเบา ๆ หวังให้เขาตื่น แต่ดูเหมือนกลัวว่าจะรบกวนเธอ
เธอรู้สึกขัดแย้ง และกำลังมีความสุขอย่างยิ่ง
“โห้หลีเฉิน……”
เธอเรียกเบา ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า
ทว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงกลับราวกับหลับเข้าไปในห้วงลึก ไม่มีการตอบสนองแม้แต่นิดเดียว
ขนตาปิดแน่น เขานอนด้วยความเงียบ ลมหายใจแผ่วเบา เบาจนแทบมองไม่เห็นหน้าอกขึ้นลง
เย้นหว่านงงงัน ปกติแล้วโห้หลีเฉินตื่นตัวอยู่ตลอด แม้จะหลับลึกแค่ไหน ถ้าหากรอบข้างมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย ก็จะตื่นขึ้นมาทันที
ยิ่งในตอนนี้ที่เธอเรียกเขาขนาดนี้ เขาควรที่จะลืมตาขึ้นมานานแล้ว
เย้นหว่านชะงักไปชั่วขณะ ใบหน้าซีดลงเล็กน้อย จึงสงบลงจากความสุขสุดขีด และตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“โห้หลีเฉิน นายเป็นอะไรไป”
เธอพูดเบา ๆ และค่อย ๆ ยื่นมือเล็กไปยังใบหน้าของเขา
นิ้วมือของเธอสัมผัสใบหน้าของเขาก่อน ไล่ไปยังหนวด เย็นเฉียบไปหมด
ราวกับน้ำแข็ง
เย้นหว่านม่านตาหดลงทันที ร่างกายของเขาจะเย็นขนาดนี้ได้ยังไง?
เย็นจนไม่เหมือนคนที่มีชีวิตปกติ
“โห้หลีเฉิน นายตื่นสิ นายเป็นอะไรไปน่ะ? อย่าทำให้ฉันตกใจสิ”
เย้นหว่านพูดด้วยเสียงสั่นเทา เหงื่อเย็น ๆ ไหลลงจากหน้าผากของเธอ
ไม่ง่ายเลยที่เธอจะหาเขาเจอ เขาไม่ควรจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดแบบนี้!
เธอไม่กล้าสัมผัสลมหายใจของเขา และเอื้อมมือไปจับหัวไหล่เขาเอาไว้ พยายามเขย่าให้เขาตื่น
ขณะกำลังจะเขย่า เสียงของกู้ซึงก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“ถ้าเธอเขย่าเขา เขาคงได้ไปเฝ้ายมบาลจริง ๆ”
เย้นหว่านตกใจมากและรีบหยุดการกระทำทั้งหมดทันที
หัวใจที่กำลังตึงเครียดสั่นเทิ้มไปหมด และในความตึงเครียดอย่างหนัก ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นี่หมายความว่าโห้หลีเฉินยังมีชีวิตอยู่
แต่เขา……
“ทำเขาถึงเรียกไม่ตื่นล่ะ? เขาเป็นอะไร?”
เย้นหว่านหันไป และมองกู้ซึงอย่างใจจดใจจ่อ
กู้ซึงเดินไปข้างเตียง มองไปที่โห้หลีเฉินที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสายตาที่ซับซ้อน เอ่ยเสียงกระซิบ
“ฉันช่วยเขามาที่นี่ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังสลบอยู่ ยังไม่ตื่นขึ้นมาเลย”
เย้นหว่านตกใจมาก “ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”
“อาจเป็นเพราะแผลบนตัวของเขารุนแรงเกินไป”
แผลบนตัว?
เย้นหว่านตะลึงไปชั่วครู่ และรีบใช้มือเล็กที่กำลังสั่นเทาเปิดผ้าห่มของโห้หลีเฉินออก เมื่อเห็น ใบหน้าของเธอก็ซีดลงทันที
เห็นแค่หน้าอกของโห้หลีเฉิน ถูกปิดด้วยผ้ากอซหนา และในผ้ากอซ ยังมีเลือดออก
มือของเย้นหว่านสั่นเทา น้ำตาเม็ดใหญ่หยดลง
เธอไม่มีความกล้าที่จะมองใต้ผ้ากอซของเขา ว่ามันเป็นยังไงบ้าง
เสียงของเธอสั่นระริก ตัวสั่นเทา “เขาได้รับบาดเจ็บหนักแค่ไหน?”
หนักจนถึงขั้นหมดสติ
กู้ซึงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ฉันเจอเขาตอนที่กำลังว่ายน้ำอยู่ที่ทะเล เขาถูกท่อนไม้ท่อนหนึ่งลากไป ลอยอยู่ในทะเล ตอนที่ฉันเห็นเขา ทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด และมีหลายจุดบนร่างกายที่มีชิ้นส่วนของระเบิด ดูน่าสยดสยองมาก……”
พูดไปได้ครึ่งหนึ่ง กู้ซึงก็สังเกตเห็นว่าสีหน้าของเย้นหว่านนั้นซีดเผือด ริมฝีปากสั่น จึงรีบปิดปากแล้วเปลี่ยนหัวข้อที่จะคุย
“ฉันก็เลยลากเขา ว่ายน้ำเข้าฝั่งมาด้วยกัน ฉันพาเขามาอยู่ที่นี่ และหาหมอที่สนิทมาจัดการกับบาดแผลของเขา หมอบอกว่าอาการบาดเจ็บของเขาสาหัส แต่เขามีร่างกายแข็งแรง กำลังใจก็แข็งแกร่ง เขาจึงรอดชีวิตมาได้”
เพียงแต่อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงเกินไป ที่นี่ก็ไม่ได้มีอุปกรณ์การรักษาที่ดี อาการของเขาแย่มาก จึงยังไม่ฟื้นขึ้นมา”
อาการบาดเจ็บสาหัสมาก หนีจากความตายมาได้ แต่ยังไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์และการรักษาที่ดี ทั้งหมดขึ้นอยู่กับโชคชะตาจะพาไปแล้ว
เย้นหว่านร่างกายสั่นสะท้านด้วยหัวใจที่เจ็บปวด
เธอกุมมือของเขาไว้แน่น ถามด้วยเสียงสะอึกสะอื้น
“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงให้เขาอยู่ที่นี่ล่ะ? ไปโรงพยาบาลสิ! ติดต่อพี่ชายของฉัน ให้เขามารับไป! ป่ายฉีมีฝีมือการรักษาที่ดี เพียงแค่ยังมีลมหายใจ ก็สามารถที่จะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง พวกเรากลับไปหาป่ายฉี โห้หลีเฉินต้องหายดีในไม่ช้าแน่”
กู้ซึงส่ายหัว
“ฉันเพิ่งจะขึ้นฝั่ง ก็รีบพาเขาไปโรงพยาบาล แต่ยังไม่ทันได้รักษา ก็ได้เจอกับคนของหยูซือห้าน กำลังตรวจสอบคนทั่วโรงพยาบาล”
พวกเขาคงคิดว่าฉันคงขึ้นฝั่งแถวนี้ จึงตามจับฉันไปทั่ว ตัวฉันคนเดียวหลบได้สบาย แต่โห้หลีเฉินที่กำลังอ่อนล้าไม่สามารถไปพบแพทย์ได้”
ดังนั้น เขาจึงพาโห้หลีเฉินมาหลบในอาคารที่อัตคัดแห่งนี้
ดังนั้น จึงไม่มีสภาพแวดล้อมการรักษาที่ดีพอ เพียงแค่รักษาอยู่ในห้องเล็ก ๆ นี้ ต่อไป
คาดว่า การสื่อสารทั้งหมดของเมืองนี้คงถูกคนของหยูซือห้านควบคุมไว้แล้ว คงรอให้กู้ซึงติดต่อกับเย้นโม่หลินเพื่อขอความช่วยเหลือ
สันนิษฐานว่า ทางออกของเมืองนี้ทั้งหมดก็คงจัดคนคนมาสังเกตการณ์แล้ว เพียงแค่กู้ซึงออกไปก็คงถูกจับได้
แถมกู้ซึงยังพาโห้หลีเฉินที่บาดเจ็บไม่ได้สติมาด้วยแล้ว ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะแอบออกไปได้อย่างเงียบ ๆ
ใบหน้าของเย้นหว่านซีดเซียว ทุกข์ใจอย่างมาก
เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน พูดอย่างอ้ำอึ้ง “แต่ แต่……”
กู้ซึงที่ดูเหมือนจะมองความคิดของเย้นหว่านออก ก็รีบพูดอธิบายไปตรง ๆ
“สองสามวันนี้ นอกจากดูแลเขาแล้ว ฉันก็แอบออกไปหาทางออกและหาโอกาสอยู่ตลอด ก็เลยเจอกับเธอเข้าพอดี”
ถือว่าจับพลับจับผลู
ไม่อย่างนั้น วันนี้เย้นหว่านคงถูกฆ่าตาย หรือพิการอยู่ข้างถนนเป็นแน่
แววตาของเย้นหว่านเป็นประกาย มองกู้ซึงด้วยความตื้นตันใจ
คิดไม่ถึง วันนั้นตอนที่อยู่บนเรือยอร์ช เพื่อหลบหนี เอาชีวิตรอดจากกู้ซึง ตอนนี้กลับเป็นเพราะเขาที่ช่วยเธอกับโห้หลีเฉินไว้
“กู้ซึง ขอบคุณนายมาก”
เย้นหว่านพูดอย่างสะอึกสะอื้น
และเธอก็เข้าใจ ว่าสองสามวันมานี้กู้ซึงอยู่ที่นี่อย่างยากลำบากแค่ไหน
ทั้งเมืองเต็มไปด้วยคนที่ตามจับเขา แต่เขายังออกไปหาทางทั้งที่อันตราย ทั้งยังหาหมอ หายา มารักษาโห้หลีเฉินอีก
กู้ซึงเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้ม
น้ำเสียง … “ถ้าจะขอบคุณฉันจริง ๆ งั้นก็มอบหัวใจให้ฉันสิ?”
รอยยิ้มนี้อีกแล้ว!
เย้นหว่านเหลือบมองเขา น้ำตาก็หยุดไหลแล้ว
เธอพูด “นอกจากเรื่องนี้ อย่างอื่นฉันจะพยายามตอบแทนนายอย่างเต็มที่”
ไม่พูดถึงบุญคุณที่ช่วยชีวิตเธอไว้ แค่กู้ซึงช่วยชีวิตโห้หลีเฉิน ก็พอที่ทำให้เธอซาบซึ้งไปตลอดชีวิตแล้ว
“เรื่องอื่นฉันก็ไม่ได้ขัดสนนี่”
กู้ซึงยักไหล่ และมองเย้นหว่านเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม น้ำเสียงเดี๋ยวจริงจัง เดี๋ยวล้อเล่น
“จริง ๆ แล้วเธอไม่ได้ติดค้างอะไรฉัน ตอนที่อยู่บนเรือยอร์ช เธอก็ช่วยฉันไว้ ฉันจึงสามารถช่วยพวกเธอได้ในภายหลัง จะว่าสุดท้ายแล้ว ก็เป็นเธอเองที่ช่วยตัวเองเอาไว้นะ”
ถ้าคิดเป็นแบบนี้ ที่กู้ซึงถูกลักพาตัวได้รับอันตราย ก็เพราะเธอ
พูดขึ้นมาแล้ว ก็ยุ่งเหยิงไปหมด จนนับไม่ถูก
แต่มิตรภาพระหว่างกันนี้ ก็เป็นโชคชะตา
เธอจะจดจำบุญคุณนี้ไปตลอดชีวิต
“กู้ซึง อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้ก่อน ตอนนี้นายมีวิธีอะไรบ้าง ที่จะสามารถรักษาโห้หลีเฉิน ให้เขาฟื้นขึ้นมาได้?”
นี่เป็นเรื่องที่เย้นหว่านเป็นห่วงที่สุดในตอนนี้
เธออยากให้โห้หลีเฉินดีขึ้น อยากให้เขาฟื้นขึ้นมา
สีหน้าของกู้ซึงไหววูบ เขายังแปลกใจ ตอนนี้เย้นหว่านรับรู้ถึงสถานการณ์ของพวกเขา ว่าอันตรายและยากลำบากแค่ไหน
แต่ปฏิกิริยาแรกของเธอ ยังคงให้ร่างกายและความปลอดภัยของโห้หลีเฉินมาก่อน
ก่อนที่เธอจะคิดถึงโห้หลีเฉิน เธอไม่เคยคิดถึงตัวเองบ้างเลยรึไง?
กู้ซึงมองเธอด้วยสายตาซับซ้อน แล้วพูด