บทที่ 625 อยากจะมีลูกแล้วแต่งงานกับคุณ
“ไม่จำเป็นแล้ว ผลของป่ายฉี บ่ายวันนี้ก็ออกมาแล้ว”
เย้นโม่หลินมองท่านอาวุโสผมสีเงินอย่างดูถูกเหยียดหยาม เปิดโปงความคิดของเขาอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ตระกูลเย้นของผม เรื่องแบบนี้ไม่มีทางโกหกหลอกลวงแน่นอน ถ้าหากพวกคุณไม่เชื่อ หลังจากนี้จะหาหมอมาตรวจอีกก็ได้ ตอนนี้ ได้โปรดเคารพป่ายฉี”
แพทย์บางคนก็มีมีนิสัยประหลาด ตอนที่ตรวจคนไข้ ไม่อนุญาตให้คนอื่นมายุ่มย่าม
ยิ่งไปกว่านั้น ป่ายฉีที่เป็นหมอเทวดาในตำนาน มีนิสัยและกฎระเบียบแปลกประหลาดแบบนี้ ก็ถือเป็นเรื่องปกติ
คนตระกูลหยูไม่อยากมีความขัดแย้งกับเย้นโม่หลินเพราะเรื่องนี้อีก ผู้อาวุโสท่านหนึ่งจึงรีบพูดขึ้นว่า
“คุณชายเย้นพูดอะไรอย่างนั้น ทักษะและจรรยาบรรณทางการแพทย์ของคุณป่ายฉี พวกเราต่างก็เชื่อมั่น ตอนบ่ายรอฟังผลจากคุณหมอป่ายฉีอย่างสบายใจก็พอแล้ว
ต้อนรับไม่ทั่วถึง ทุกคนอย่ามายืนกันอยู่ตรงนี้เลย เข้าไปนั่งเถอะ”
ท่านอาวุโสผมสีเงินได้ฟังประโยคนี้ ก็ถลึงตาใส่ผู้อาวุโสท่านนั้นอย่างไม่พอใจ
ผู้อาวุโสท่านนั้นยิ้ม แต่ยังคงมีท่าทางหนักแน่น ยิ้มพลางทำท่าทางเชื้อเชิญ
บรรดาผู้อาวุโสคนอื่นยืนอยู่ข้างๆเขา ด้วยท่าทีที่เหมือนกัน
ท่านอาวุโสผมสีเงินในใจแม้จะไม่พอใจ ไม่เชื่อ แต่กลับไม่อาจจะต่อต้านกับผู้อาวุโสส่วนใหญ่ของตระกูลหยูอย่างเปิดเผยได้
เขากัดฟันกรอด สะกดกลั้นไฟโกรธภายในใจนั้นเอาไว้
เช่นก็รอดูผลตรวจของป่ายฉีก่อน!
ถ้าไม่ได้เป็นหมันอย่างสมบูรณ์ อย่างนั้นเขาก็จำเป็นต้องส่งคนไปตรวจสอบอีก
ตัดสินใจอยู่ในใจแล้ว ใบหน้าชราของท่านอาวุโสผมสีเงินบึ้งตึง ไม่ได้พูดอะไรอีก
หยูฉู่สองมองโห้หลีเฉินด้วยสายตาสับสน จากนั้นบนใบหน้าก็มีรอยยิ้ม มองไปยังเย้นหว่านอย่างเมตตาและอ่อนโยน
“เสี่ยวหว่าน ตอนแรกพวกเราวางแผนที่จัดงานแต่งงาน แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าหยูซือห้านจะทำเรื่องเสียสติบ้าคลั่งแบบนี้กับหนู
แม้จะยกหยูซือห้านให้พวกคุณไปจัดการทั้งหมดแล้ว แต่ในใจปู่ก็ยังรู้สึกผิด หนูอยากได้อะไร ปู่จะพยายามชดเชยให้อย่างเต็มที่”
ชะงักไปชั่วขณะ หยูฉู่สองมองเย้นโม่หลินอย่างมีนัยแอบแฝง“และก็ชดเชยให้ตระกูลเย้น”
ความหมายในคำพูด คือความเป็นมิตรที่แท้จริง
เย้นหว่านก็รู้การชดเชยที่ว่านั้น ต้องเป็นผลประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจ เธอคงจะไม่มีความสนใจด้วยเลยสักนิด
เธอจับมือที่กุมมือโห้หลีเฉินเอาไว้แน่น ยืนอยู่ข้างกายเขาอย่างเชื่อฟัง
สงสารเขามาก
โห้หลีเฉินตอนแรกก็เป็นดวงใจของคุณย่าตระกูลโห้และก็เป็นคนคุมหางเสือของตระกูลโห้ เป็นคนที่หยิ่งยโส ตอนนี้กลับต้องตกเข้าไปอยู่ในตระกูลที่เลือดเย็นไร้เมตตาอย่างตระกูลหยู
และยังไม่อาจกระดิกตัวได้ ต้องเกี่ยวพันอย่างน่ารังเกียจกับพวกเขาต่อไปตลอด
ในสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่เธอสามารถทำได้น้อยมาก ได้แต่เต็มอยู่เป็นเพื่อนข้างกายเขา สนับสนุนเขา ดูแลเขา
ไม่ว่าป่ายฉีจะพูดผลลัพธ์อะไรออกมา เธอก็ไม่เปลี่ยนการตัดสินใจ……
เรื่องใหญ่ก็จัดการได้แล้ว ตระกูลหยูเตรียมการต้อนรับยิ่งใหญ่ ในที่สุดก็เชื้อเชิญเย้นโม่หลินและคนอื่นๆเข้าไปในคฤหาสน์
หลังจากทักทายกันแล้ว ก็ต่างจัดการ พักผ่อน รอผลตัดสินของป่ายฉีในตอนบ่าย
เย้นหว่านและโห้หลีเฉินรออยู่ด้วยกัน
ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอก็จูงมือโห้หลีเฉินแน่น ฝ่ามือก็มีเหงื่อผุดออกมาแล้ว เธอก็ไม่ยอมปล่อย
เธอก็เหมือนกับยาที่ทาบนผิว ติดอยู่บนตัวของเขา
สีหน้าของเธอเริ่มรักษาความเรียบเฉยเอาไว้ ยิ้มบางๆ แต่ภายในใจ กลับเหมือนมีไฟกำลังลุกอยู่หนึ่งกอง ไม่หยุดที่จะแผดเผาหัวใจของเธอ
เธอตื่นเต้นมาก แม้จะมีความหวาดกลัวกับผลตรวจที่ป่ายฉีจะนำมา
ความหวังริบหรี่นั้น จะเป็นความหวัง หรือจะเป็นการประกาศความสิ้นหวังของโห้หลีเฉินกันแน่
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านจากด้านข้าง ถามว่า “กำลังคิดอะไรอยู่”
เย็นหว่านชะงักเล็กน้อย แววตาเปล่งประกาย
ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร” ก็แค่กังวลด้วยความฟุ้งซ่านเท่านั้น
โห้หลีเฉินยื่นมือมาลูบผมของเธอ “อย่ากังวล ประสิทธิภาพของยาไม่ได้ออกฤทธิ์เต็มที่ ดังนั้นผมถึงได้ให้ป่ายฉีมาตรวจ”
มองออกถึงความกังวลของเธอ เขาจึงได้อธิบายกับเธอตรงๆ
เย้นหว่านกะพริบวูบวาบ เธอรู้ว่ามันเป็นอย่างนั้น แต่ก็รู้ว่ายานั้นของป่ายฉีร้ายแรงแค่ไหน ต่อให้ไม่ได้ออกฤทธิ์เต็มที่ แต่ก็เป็นไปได้มากว่าจะทำลายโห้หลีเฉินไปหมดแล้ว
ความหวังที่มีในตอนนี้ เป็นเพียงความหวังอันริบหรี่
เย้นหว่านเงยหน้ามองโห้หลีเฉิน พยักหน้า พูดว่า “ต่อให้คุณ……คุณจะมีลูกไม่ได้แล้ว ฉันก็ไม่ยอมให้ตระกูลหยูทำร้ายคุณ อย่างมาก ต่อไปก็ไม่ต้องไปมาหาสู่ติดต่อกับตระกูลหยูอีก”
เธอพูดอย่างจริงจัง สายตามุ่งมั่น
เธออยากจะใช้พลังที่มีทั้งหมดอย่างเต็มที่ ช่วยเหลือเขา ให้เขาหมดความกังวล
สายตาโห้หลีเฉินมองเธออย่างลึกซึ้ง นัยน์ตาที่ลึกล้ำนั้นทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน
เขาเม้มริมฝีปากบาง ถามด้วยเสียงที่เบามากว่า
“เย้นหว่าน เย้นหว่านคุณชอบเด็กมั้ย”
“ชอบ……”แน่นอน……
คำพูดมาถึงตรงมุมปาก เย้นหว่านก็หยุดเสียงลง ในใจนึกถึงสภาพร่างกายของโห้หลีเฉิน เธอส่ายหน้า สีหน้าอับจนหนทาง
“ก็ไม่ได้ชอบเด็กมากนะ เสียงดังเกินไปวุ่นวายเกินไปซนเกินไป และมีลูกแล้วก็จะไม่มีโลกของคนสองคนอีกแล้ว”
พูดพลาง เย้นหว่านกอดแขนโห้หลีเฉิน มองเขาด้วยสายตาออดอ้อน “ความจริงแล้วพวกเราไม่ต้องเลี้ยงลูกก็ดีนะ พวกเราสามารถเป็นครอบครัวที่มีไม่ต้องมีลูกก็มีความสุขได้”
โห้หลีเฉินที่สายหดหู่อยู่แล้วก็หดหู่ยิ่งขึ้น
ด้านหลังรอยยิ้มบนใบหน้าของเย้นหว่าน เห็นชัดว่าปากไม่ตรงกับใจ
เขามองออก เธอชอบเด็กมาก
แต่เพื่อเขา กลับแกล้งทำเป็นไม่ชอบ สิ่งที่โห้หลีเฉินไม่อยากเห็นที่สุด ก็คือท่าทางที่เย้นหว่านฝืนตัวเองแบบนี้
ตลอดมา เขาอยากจะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับเธอ
ในใจโห้หลีเฉินหนักอึ้ง ราวกับมีอะไรกดทับอยู่
เขากอดเย้นหว่าน พูดหยอกล้อว่า “เย้นหว่าน ตอนนี้คุณกำลังบอกใบ้กับผม ว่าให้แต่งงานกับคุณ หรือว่านอนกับคุณก่อนเหรอ”
เย้นหว่านอึ้งไปครู่หนึ่ง หน้าแดงก่ำทันที
ใจความสำคัญที่เธอพูดคือความหมายนี้เหรอ
ทำไมเขาถึงเข้าใจเป็นอย่างนี้!
เย้นหว่านทั้งอายทั้งโมโห พูดแย้งว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่ทั้งหมด!”
“อย่างนั้นคุณไม่อยากให้ผมแต่งงานกับคุณเหรอ”
โห้หลีเฉินเข้าประชิดเย้นหว่าน ถามตรงๆ
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาใกล้กับเธอมาก ลมหายใจประสานกัน สายตาคมกริบทะลวงเข้าไปถึงจิตวิญญาณ
หัวใจของเย้นหว่าน เต้นรัวแรงอย่างไม่อาจควบคุมได้
แก้มเธอแดงเหมือนกับกุ้งที่ถูกย่างจนสุก ริมฝีปากขยับ แต่กลับอายจนพูดอะไรไม่ออกสักคำ
แน่นอนว่าเธอคิด
แต่คำนี้จะกล้าพูดออกไปได้อย่างไร และยังอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ด้วย
โห้หลีเฉินก็จงใจแกล้งเธอ
“คุณ คุณอย่าเข้าใกล้ขนาดนั้น”
สายตาตื่นตระหนกของเย้นหว่านเป็นประกาย จะผลักโห้หลีเฉินออก แต่มือของเธอที่เพิ่งจะแตะเขา ก็ถูกมือใหญ่ของเขากุมเอาไว้
สิบนิ้วสอดประสานกัน
ร่างสูงใหญ่ของเขาโน้มเข้ามา เข้าใกล้เธอ เสียงทุ้มต่ำเซ็กซี่มีเสน่ห์จนต้องร้องขอชีวิต
เขาพูดทีละคำ “หรือว่า อยากให้ผมนอนกับคุณก่อน”
นอนเหรอ!
ลมหายใจที่คุ้นเคยเข้าใกล้มาก หัวใจของเย้นหว่านเต้นเร็วแรงมาก
ที่นี่คือบ้านตระกูลหยู และยังเป็นในห้องโถงของห้องรับแขกด้วย!
มีคนเข้ามาได้ตลอดเวลา
ใบหน้าหล่อเหลาของโห้หลีเฉินยิ่งเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ามือบีบที่เอวคอดของเธอ
“เย้นหว่าน ผมอยากจะมีลูกกับคุณก่อนแต่งงาน”