ถึงแม้คนของตระกูลหยูเคยเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอเผชิญกับผลลัพธ์นี้จริงๆ แต่ละคนก็ยังคงมีอารมณ์หนักหน่วงอีกเช่นเคย
ตอนนี้หยูซือห้านถูกปลดแล้ว โห้หลีเฉินก็เป็นหมันอีก งั้นใครจะมาสืบทอดอนาคตของตระกูลหยูต่อ?
น่ากังวลจริงๆ!
อาวุโสท่านหนึ่งถอนหายใจ และส่งสายตาผิดหวังมาให้โห้หลีเฉิน
“โห้หลีเฉิน ไม่ใช่ตระกูลหยูผิดต่อนาย แต่นายเป็นคนผิดต่อตระกูลหยูนะ”
ในน้ำเสียง แฝงด้วยความผิดหวังและตำหนิ
หัวใจที่เดิมทีก็เย็นวูบและอึดอัดของเย้นหว่าน ถูกคำพูดเหล่านี้กระตุ้นจนโมโหขึ้นมาอีก
ตอนนี้คนที่เสียใจที่สุดควรจะเป็นโห้หลีเฉินสิถึงจะถูก แต่คนพวกนี้ กลับไม่คำหนึ่งถึงความรู้สึกของโห้หลีเฉินเลยสักนิด แต่ละคนกลับยังมาเติมเชื้อไฟอยู่ที่นี่อีก
จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต
เย้นหว่านโมโหจนตัวสั่น แทบอยากจะทำลายล้างคนพวกนี้ทิ้งให้หมด
ในขณะนี้ ป่ายฉีมองเย้นหว่านด้วยสีหน้าแววตาซับซ้อนแล้วพูดต่อ “ยังมีที่แย่กว่า คุณจะฟังมั้ย?”
เย้นหว่านเย็นวูบไปทั้งตัว ไม่มีเวลามาโกรธคนของตระกูลหยูต่อ เธอมองป่ายฉีด้วยสีหน้าแววตาสั่นคลอนอย่างควบคุมไม่อยู่ ลุกลี้ลุกลนจนหัวใจแทบจะโดดออกมาจากทรวงอก “หมายความว่ายังไงคะ?”
เธอกุมนิ้วมือของโห้หลีเฉินไว้แน่น อดสั่นคลอนไม่ได้
ใบหน้าหล่อเหลาของโห้หลีเฉินเย็นชาแข็งกระด้าง เหมือนอบอวลด้วยเมฆดำชั้นหนึ่ง เขาขมวดคิ้ว แต่กลับจูงมือเล็กๆของเย้นหว่านไว้แน่น ให้พลังปลอบโยนแก่เธอ
ป่ายฉีมองทั้งคู่ที่กุมมือไว้ด้วยกัน ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและได้พูดอย่างซีเรียส “เพราะโห้หลีเฉินคือคนของตระกูลเย้น ได้สืบทอดยีนด้อยโรคทางพันธุกรรมของตระกูลหยู อีกทั้งตอนนี้ได้กำเริบแล้ว…..”
ยังพูดไม่จบ ในห้องโถงก็มีเสียงสูดหายใจทางปากดังขึ้นทีหนึ่ง
ทุกคนของตระกูล ต่างก็มองโห้หลีเฉินด้วยแววตาซับซ้อน ทั้งช็อกและเจ็บปวดใจสุดๆ
อาวุโสท่านหนึ่งพูดอย่างทอดถอนใจ “โห้หลีเฉินเป็นเด็กที่มีสายเลือดดั้งเดิมที่สุดของตระกูลหยูจริงๆด้วย….เสียดาย เสียดายจริงๆ!”
เสียงถอนหายใจของเขาคือเสียดายมากๆ คือเสียใจอย่างมากจากจริงใจ
อยู่ตระกูลหยู โรคทางพันธุกรรมนี้คือร้ายแรงที่สุด แต่ก็เป็นฐานะและสัญลักษณ์ที่สูงส่งที่สุด
มีแค่สายเลือดบริสุทธิ์ที่สุดถึงจะกำเริบ และมีแค่คนที่อาการกำเริบเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์เปิดคลังสมบัติของตระกูลหยู เข้าสู่แก่นแท้ของตระกูลหยู…..
ถึงแม้โรคนี้ร้ายกาจมาก แต่แค่แต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีกับคนของตระกูลเย้นก็จะสามารถควบคุม หรือแม้กระทั่งรักษาได้
นับแต่นี้ไปควบคุมตระกูลหยู พาตระกูลหยูเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปเรื่อยๆ
แม้กระทั่งหยูฉู่สองที่เป็นหัวหน้าตระกูลของรุ่นนี้ อาการป่วยก็ยังไม่กำเริบ และไม่มีสิทธิ์เปิดคลังสมบัติของตระกูลหยูเลย
ตระกูลหยูไม่ได้เปิดคลังสมบัติมาหลายรุ่นแล้ว
ตอนนี้อุตส่าห์โผล่มาคนหนึ่ง แต่พวกเขายังไม่ทันได้เกิดความหวัง แต่ก็ได้สิ้นหวังไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
โห้หลีเฉินเป็นหมัน
เขาที่เป็นหมันก็ไม่มีทางรักษาหาย ไม่สามารถเปิดคลังสมบัติทำให้ตระกูลหยูยิ่งใหญ่ และไม่สามารถสืบทอดตระกูลให้ยีนและสายเลือดให้ลูกหลานเพิ่มมากขึ้น
สีหน้าของเย้นหว่านขาวซีด เสียงอดสั่นคลอนไม่ได้ เธอถามอ้ำอึ้ง “โรคติดต่อ โรคติดต่อทางพันธุกรรมอะไร อะไร อะไรกำเริบ?”
ทำไม เธอไม่รู้เรื่องเลย?
แต่ดูจากปฏิกิริยาของอาวุโสพวกนี้ล้วนสามารถดูออกว่าโรคนี้ร้ายแรงมาก
ป่ายฉีขมวดคิ้ว มองเย้นหว่านอย่างค่อนข้างแข็งใจไม่ได้ เงียบไปครู่หนึ่ง เขาถึงพูดต่อ “เดิมที หลังจากอาการป่วยกำเริบครั้งแรก โรคนี้จะเงียบอยู่นานมากช่วงหนึ่ง ถึงจะกำเริบอีกครั้ง แต่เพราะส่วนผสมของยาเป็นหมันมีฤทธิ์กระตุ้น องค์ประกอบของสองโรคนี้กระทบกระทั่งซึ่งกันและกัน ทำให้อาการป่วยของโห้หลีเฉินยิ่งรุนแรงขึ้น ตอนนี้เขาไม่เพียงเป็นหมัน แต่ยัง……”
หยุดไปครู่หนึ่ง ป่ายฉีมองเย้นหว่านอย่างแข็งใจไม่ได้สุดๆ ผ่านไปสักพักถึงเปิดปากพูด “มีชีวิตอยู่ได้แค่สามปี”
สามปี? !
พริบตาเดียวเย้นหว่านรู้สึกหน้ามืดและสมองว่างเปล่า แทบจะสลบไปในที่เกิดเหตุ
เธอสงสัยว่าหูตัวเองเสียแล้ว ถึงได้ฟังผิดไป
นี่จะเป็นไปได้ยังไง?
โห้หลีเฉินเป็นคนที่แข็งแรงและแข็งแกร่งขนาดนี้ แค่ถูกยาทำหมันทำลายมีลูกไม่ได้ จะสิ้นอายุขัยได้อย่างไร?
เขาแข็งแกร่งขนาดนั้น จะ….ตายได้ยังไง? !
“ฉันไม่เชื่อ!”
เย้นหว่านเบิกตากว้าง กรีดร้องและจ้องมองป่ายฉีด้วยตาแดงก่ำ
เธอสั่นไปทั้งตัว “นายจะต้องวินิจฉัยผิดแน่ๆเลย วินิจฉัยผิดแน่นอน! โห้หลีเฉินไม่มีทางเป็นอะไรหรอก เขาไม่มีทางตายแน่นอน”
เย้นหว่านแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
ผลลัพธ์นี้ ยากที่จะรับได้กว่าเธอรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งเสียอีก
เธออุตส่าห์หาโห้หลีเฉินกลับมาจากเส้นทางเฉียดตาย เธอยังไม่ได้กอดเขาดีๆ ยังไม่ได้ทะนุถนอมเขาดีๆ ทำไมเขาก็จะจากเธอไปอีกแล้ว?
แถมยังเป็นความตายอีก!
สีหน้าของป่ายฉีตึงเครียด แข็งใจไม่ได้จริงๆ แต่กลับได้พูดอย่างแน่วแน่ “เสี่ยวหว่าน ผมคอนเฟิร์มมาหลายครั้งแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ผิดหรอก”
ถ้าผลลัพธ์ไม่ผิด งั้นก็หมายความว่าโห้หลีเฉินมีอายุขัยแค่สามปี ต้องตายสถานเดียว!
เย้นหว่านหนาวเย็นไปทั้งตัว รู้สึกความเหน็บหนาวโผล่มาจากฝ่าเท้า เย็นมาถึงหนังศีรษะของเธอ
แต่ว่า เธอไม่กล้าเชื่อ
ไม่อยากจะเชื่อ
เบ้าตาแดงก่ำและเคืองตาอย่างทรมาน เธอกัดฟันและมองโห้หลีเฉินด้วยสายตาระยิบระยับอย่างห้ามไม่อยู่ เสียงที่สั่นคลอนอ้อนวอนอย่างสะอึกสะอื้น “โห้หลีเฉิน คุณบอกฉันสิคะว่าที่ป่ายฉีพูดไม่จริงใช่มั้ย? คุณไม่เคยป่วยเลยใช่หรือเปล่า? และคุณก็ไม่ได้เป็นโรคทางพันธุกรรมอะไรนั้นด้วยใช่มั้ยคะ?”
นาทีนี้ ใบหน้าหล่อเหลาของโห้หลีเฉินเหมือนถูกเมฆดำปกคลุมไว้ชั้นหนึ่ง
ลมหายใจของเขาหนักหน่วง และยับยั้งชั่งใจ
สายตาเศร้าหมองมองเย้นหว่านไว้ มืดมนจนหาแสงสว่างไม่เจอในนั้น
เขาเม้มริมฝีปากบางไว้ เงียบกริบไม่พูดจา
ส่วนเขาที่กุมมือเธอไว้ กลับค่อยๆคลายเธอออกทีละนิด
แต่ท่าทางที่เบามากนี้ สำหรับเย้นหว่านแล้วกลับเหมือนภูเขาพังทลายพื้นดินแตกแยกยังไงอย่างงั้น
เธอมองหน้าเขาอย่างอึ้ง รู้สึกโลกได้ถล่มลงมาในนาทีนี้
โห้หลีเฉินได้ปล่อยมือที่จับเย้นหว่านไว้แน่นมาโดยตลอด ใบหน้าหล่อเหลาเศร้าหงอยจนไม่มีสีหน้าอะไรเลย
ไม่ได้คำตอบ
ความเงียบ แทบจะทับเย้นหว่านจนหายใจไม่ออก
น้ำตาของเธอไหลพรากออกมาอย่างควบคุมไม่ได้อีกต่อไป
มือทั้งสองของเธอปิดหน้าไว้ ทรมานจนสะอึกสะอื้น
“เพราะอะไร เพราะอะไร เพราะอะไร…..”
ทำไมถึงเป็นแบบนี้
กว่าเธอกับโห้หลีเฉินจะได้อยู่ด้วยกันไม่ใช่ง่ายๆ ถึงเป็นหมัน เธอก็สามารถอยู่กับเขาโดยที่ไม่มีลูกได้ตลอดชีวิต เธอสามารถไม่เอาอะไรทั้งนั้นจริงๆ
ไม่เอาอำนาจ ไม่เอาความมั่งคั่ง ไม่เอาลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง เธอแค่อยากให้เขาอยู่ข้างกายเธอ อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าแค่นั้นเอง
แค่ความใฝ่ฝันที่เรียบง่ายแค่นี้ แค่คำขอที่มากเกินควรเล็กน้อยนี้ ทำไมยังให้เธอไม่ได้
เธออยากได้แค่เขา แต่เขากลับมีอายุขัยแค่สามปี!
เย้นหว่านเจ็บปวดใจสุดขีด ราวกับถูกคนกรีดเนื้อทีละแผลๆ จะลงทัณฑ์ทรมานเธอจนตาย
โลกของเธอมืดมนเกินไป ไม่อาจจินตนาการได้ถ้าโห้หลีเฉินตายไป เธอจะมีชีวิตอยู่ต่อยังไง
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านที่เศร้าโศกเสียใจแทบจะพังทลายด้วยความสงสาร
เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นผลลัพธ์แบบนี้ ไม่นึกเลยว่าโรคของเขาจะเกี่ยวพันถึงลูก ร้ายแรงถึงขั้นชีวิต
เดิมทีสามารถอยู่กับเธอทั้งชีวิต แต่ตอนนี้เขากลับมีชีวิตอยู่ได้แค่สามปีเท่านั้น
สามปีมันสั้นเกินไป เขายังจะทำอะไรได้อีก?
เขาอยากยื่นมือลูบเธอ ปลอบโยนเธอด้วยความสงสาร แต่มือเพิ่งขยับ กลับแข็งทื่ออยู่กับที่อีก
เขาใกล้จะตายอยู่แล้ว ยังมีสิทธิ์อะไรไปอยู่ข้างกายเธอ?