บทที่ 641 ยอมให้เกลียด
น้ำเสียงสดใสทุ้มต่ำ มีความจริงใจและหนักแน่นอย่างเต็มเปี่ยม
แววตาของเย้นหว่านทอประกายเวลาจ้องมองมาที่โห้หลีเฉิน พลันมีความอบอุ่นไหลผ่านเข้าหัวใจ
เธอกุมมือโห้หลีเฉินเอาไว้แน่น แววตาจ้องมองพ่อแม่ของตนเองด้วยความมุ่งมั่น
พร้อมทั้งพูดอย่างจริงจัง “พ่อคะ แม่คะ ขอให้พวกท่านอนุญาตให้หนูกับโห้หลีเฉินอยู่ด้วยเถอะ ชั่วชีวิตของหนู ถ้าไม่ใช่เขาหนูก็ไม่แต่ง”
เมื่อเห็นท่าทางดื้อรั้นของเย้นหว่าน ไฟในอกของกงจืออวีปะทุขึ้นมาทันที
เธอพูดอย่างกราดเกรี้ยว “ถึงจะแต่งงานออกไปอยู่กับเขา ใช่ว่าพวกแกจะได้อยู่ด้วยกันไปทั้งชีวิต”
สายตาที่กงจืออวีแอบมองโห้หลีเฉินนั้นช่างคมกริบเหลือเกิน “แม้ว่าอาการป่วยของแก ป่ายฉีบอกว่ามีวิธีรักษาก็ตาม แต่ว่าตัวยาวิเศษสามชนิด อย่าพูดถึงสามปีเลย สามสิบปีก็ยังหาได้ไม่ครบเลย”
“ถ้าหายาไม่ได้ แกเกิดตายไป แล้วเย้นหว่านก็เป็นแม่หม้ายแห้งเหี่ยวเฉาตายนะสิ?”
แววตาของโห้หลีเฉินเคร่งขรึม พลางเม้มริมฝีปากเข้าหากัน น้ำเสียงหนักแน่น
“ฉันหายาเจอแน่ ฉันจะรับผิดชอบเย้นหว่านไปทั้งชีวิตเอง”
ถ้าเขาตาย มันก็คือผิดคำพูด
เขาไม่มีทางผิดคำพูดที่ให้ไว้กับเย้นหว่านแน่นอน
“เหอะ แกมั่นใจซะขนาดนี้ งั้นแกก็ไปหายามาให้ได้ รักษาให้หายขาด แล้วค่อยมาขอเย้นหว่านใหม่ให้ไปอยู่ด้วยกันกับแก”
ยามันหายาก มีความเป็นไปได้ว่าต้องเวลาสามปี
เย้นหว่านต้องมานั่งรออยู่บ้านอย่างโดดเดี่ยว ด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นเพื่อรอคอยโห้หลีเฉินงั้นเหรอ?
เธอทำไม่ได้!
เย้นหว่านส่ายหน้าทันที จากนั้นก็ตอบกงจืออวีทันควัน “แม่ ตอนนี้โห้หลีเฉินต้องการหนู หนูจะไปหายาเป็นเพื่อนกับเขา ร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน”
“เสี่ยวหว่าน เวลาสามปีมันยาวนานเกินไป! ถ้าแกไปอยู่กับเขา แล้วสุดท้ายเขาหายาไม่ได้ งั้นแกก็จะพลาดช่วงเวลาวัยรุ่นอันงดงามไป เพราะว่าเขาเป็นคนทำลายทั้งชีวิตของแก!”
กงจืออวีพูดยาวเหยียดที่ออกมาจากใจ เพื่อที่ต้องการให้เย้นหว่านเลิกกับโห้หลีเฉินอย่างหมดความอดทน
เธอเลี้ยงลูกสาวที่รักที่สุดมากับมือ ไม่มีทางที่จะให้ไปทุกข์ทรมานอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง
เย้นหว่านเข้าใจหัวอกของกงจืออวีดี แต่เธอก็เข้าใจตนเองดีว่ายังคงยืนกรานที่จะอยู่กับโห้หลีเฉิน
“แม่ ชีวิตของหนูโห้หลีเฉินเป็นคนช่วยชีวิตออกมา ชีวิตของหนูเป็นของเขา”
หนูรู้เรื่องโรคทางกรรมพันธุ์ของตระกูลหยูดี การที่ไม่มีหนู โห้หลีเฉินก็จะตาย ดังนั้น ไม่ว่าจะในแง่ไหนทางตรงหรือทางอ้อม หนูก็ต้องอยู่กับเขา
เพราะความรัก ก็จำเป็นต้องเข้ามาสะสาง
ต่อไปเธออยากจะมีลูกให้เขา เพื่อช่วยชีวิตเขาไว้
สีหน้าของกงจืออวีเคร่งขรึมหนักกว่าเดิมลงไปอีก พร้อมทั้งพูดว่า “โรคนี้ ลูกสาวคนอื่นที่อยู่ในเครือญาติของตระกูลเย้นก็ได้แล้ว”
“โห้หลีเฉิน ฉันสามารถหาเด็กสาวในตระกูลเย้นที่หน้าตาสะสวยคนหนึ่งให้แกเพื่อแต่งกับแกได้ทันที แล้วทำไมแกถึงไม่ยอมปล่อยเย้นหว่านสักที?”
แววตาของกงจืออวีจ้องมองโห้หลีเฉินอย่างเฉียบขาด นัยน์ตาเหมือนกับใบมีด ที่มันสามารถบาดลำตัวของโห้หลีเฉิน
แม้ว่าเธอรู้ดีว่าช่วงนี้โห้หลีเฉินกับเย้นหว่านผ่านเรื่องราวต่างๆ กันมาก็ตาม แต่โห้หลีเฉินก็หลอกลวงกันมาตั้งแต่แรกแล้ว แถมยังมีเรื่องที่เขาปลอมตัวเป็นกู้ซึงอีก บวกกับสภาพของเขาในเวลานี้ก็ไม่สามารถรับประกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะมีชีวิตรอดต่อไปได้หรือเปล่า ถึงอย่างไรกงจืออวีก็ไม่วางใจที่จะยกเย้นหว่านให้กับเขา
ตอนนี้การที่เย้นหว่านมาอยู่กับเขา แถมต้องออกไปหายาที่แสนลำบาก ทั้งหมดนั่นมันคือเป็นการร่วมชะตากรรมทุกข์ทรมานไปกับเขาอีก
โห้หลีเฉินจ้องมองสายตาที่เฉียบคมของกงจืออวี ด้วยสายตาที่มุ่งมั่น
เขาพูดตอบกลับไป “ถ้าไม่ใช่เย้นหว่าน ฉันยอมตาย”
หัวใจของเย้นหว่านสั่นเทาอย่างแรง พร้อมทั้งจ้องมองด้านข้างใบหน้าหล่อเหลาของโห้หลีเฉินด้วยแววตาทอประกาย
เธอทั้งโชคดีและหวาดกลัวมาก ดีที่ว่าเธอเป็นลูกสาวของตระกูลเย้น ที่สามารถช่วยเหลืออาการป่วยของเขาได้
ไม่งั้น ….
กงจืออวีขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างหนักแน่น เมื่อเห็นอากัปกิริยาที่เย้นหว่านแสดงออกมาก็รู้ทันที ยิ่งพูดชักแม่น้ำทั้งห้ามายังไงก็ไม่ทางเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเย้นหว่านได้
ทว่าการตัดสินใจของเธอ ก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป
“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพูดอีกแล้ว ฉันไม่เห็นด้วยหรอก เรื่องไปหายา แกไปเอง เสี่ยวหว่านไม่มีทางไปจากที่นี่ได้!”
เมื่อสิ้นเสียงคำพูดอันเด็ดขาดแล้ว กงจืออวีก็ตีหน้านิ่ง พลางหันตัวเดินจากไป
“แม่!”
เย้นหว่านตะโกนเรียกอย่างร้อนรน ทว่ากงจืออวีก็ไม่หยุดเดินเลย
เธอรีบหันไปหาเย้นเจิ้นจื๋อที่เตรียมตัวจะเดินหนีไปอีก “พ่อ พ่อช่วยหนู…”
“เฮ้อ”
เย้นเจิ้นจื๋อจ้องมองเย้นหว่านด้วยความรัก พลางพูดว่า “ที่แม่แกทำก็เพื่อให้แกได้ดี เสี่ยวหว่าน เชื่อฟังแม่แกนะ”
เป็นไปตามคาด ความคิดก็เข้าข้างกงจืออวี
เย้นหว่านเสียใจมาก การแสดงออกของพ่อแม่ที่ตัดสินใจอย่างหนักแน่นว่าไม่อนุญาตให้เธอกับโห้หลีเฉินอยู่ด้วยกัน และยังไม่อนุญาตให้เธอออกไปหายาเป็นเพื่อนกับโห้หลีเฉินอีกด้วย
แต่ว่ายามันหายาก เวลาหนึ่งวันของโห้หลีเฉินก็ไม่อาจถ่วงเวลาไปเปล่าๆ
แล้วนี่จะทำยังไงดี?
โห้หลีเฉินดึงมือเย้นหว่านเอาไว้ พร้อมทั้งกระซิบพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะอ่อนโยนมาก
เขาพูดว่า “เราเพิ่งกลับมา การที่มาพูดเรื่องนี้กับพ่อแม่ของคุณดูมันรวดเร็วไป”
ไม่ต้องรีบร้อน เรารอให้ผ่านไปอีกหลายวัน ให้พวกเขาสงบสติอารมณ์ได้ก่อน ก็จะสามารถรับได้แล้ว
หยุดค้างอยู่สักพัก จากนั้นโห้หลีเฉินก็ยิ้มตอบ “คุณดูสิ ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ให้ฉันออกไปจากตระกูลเย้น”
เพราะว่าครั้งนี้แล้ว เขาไล่ตะเพิดโห้หลีเฉินเลย
แถมยังไม่อนุญาตให้เขามาโผล่หน้าที่เมืองนี้ด้วย
ดูจากสภาพแล้ว ถือว่าเป็นก้าวที่พัฒนาขึ้นได้อย่างไม่เลวเลย
ทว่าหัวคิ้วของเย้นหว่านยังคงขมวดเอาไว้แน่น เธอไม่ได้มีเวลาหลายเดือนที่จะรอให้บิดาพูดได้
เธอเม้มปากเอาไว้ พร้อมพูดว่า “พวกเราต้องไปหาป่ายฉีเพื่อถามให้แน่ชัด เพื่อให้เขาทำแผนการเรื่องการไปหาตัวยาออกมา พอทำเสร็จแล้ว ฉันก็จะไปกับคุณ”
รอให้หาศูนย์รวมตัวยาเจอค่อยกลับมา สุขภาพของโห้หลีเฉินก็จะกลับมาดีขึ้นแล้ว พ่อกับแม่ก็คงไม่ขัดขวางอีกแล้ว
แม้ว่ามีความสงสัยกับอาการพะวงหน้าพะวงหลังก็ตามที แต่ในใจของเย้นหว่านรุ่มร้อน รอไม่ไหวแล้ว
เวลา 3 ปี พูดว่าเร็วก็ไม่เร็ว พูดว่านานก็ไม่ได้นาน
ยาพวกนั้นมันแพงมากยากที่จะเสาะหาได้ เวลาสามปีอาจจะหาได้ไม่ครบ
แววตาของโห้หลีเฉินทอประกาย จ้องมองผู้หญิงตัวเล็กของตนเองอย่างสุดหัวใจเต็มสองตา ในใจนั้นมีความรู้สึกพึงพอใจอย่างเต็มเปี่ยมอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เขาดึงตัวเธอเข้าสู่อ้อมกอด “อย่าห่วงเลย ฉันจะจัดการให้ดีเอง”
ในเรื่องแผนการในการหายา รวมทั้งเรื่องการเห็นด้วยของพ่อแม่ของเย้นหว่านด้วย
เขาจะพาตัวเย้นหว่านไปอย่างเปิดเผยและให้เกียรติ เพื่อทำให้เย้นหว่านไม่รู้สึกผิด หรือว่าใจจดจ่อกังวลเรื่องกับพ่อแม่
ทางเดินที่ซ่อนอยู่ชั้นสอง กงจืออวีกำลังยืนเคียงบ่าเคียงไหล่อยู่กับเย้นเจิ้นจื๋อ
กงจืออวีสีหน้าเงียบขรึม แววตาจ้องมองคนสองคนที่ที่กอดกันแน่นด้วยความสับสน
เธอพูดเสียงเบา “จื๋อ คุณรู้สึกว่าที่ฉันต้องทำแบบนี้ มันยิ่งทำให้เสี่ยวหว่านทรมานเกินไปไหม?”
เธอทำไมถึงมองไม่ออก ทั้งๆ ที่เคยโดนหลอกมาแล้ว ทว่าความรู้สึกของเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินมันลึกซึ้งมาก ทั้งยังมองฝ่ายตรงข้ามสำคัญกว่าชีวิตของตนเอง และจะมาแยกจากกันง่ายๆ ได้เหรอ?
การแยกพวกเขาออกจากกัน ก็เท่ากับว่าไปกรีดเลือดเนื้อหัวใจของพวกเขา
เย้นเจิ้นจื๋อโอบไหล่ของกงจืออวีเอาไว้ ทำได้แค่ตบบ่าอย่างปวดใจ พร้อมเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยนมาก
“ที่คุณทำก็เพื่อให้เสี่ยวหว่านมีชีวิตที่ดี เธอจะเข้าใจคุณเอง เย้นโน่เองก็เป็นเด็กสาวที่ดีมากคนหนึ่ง และยังเรียนมาทางด้านการแพทย์ ถ้าเธอสามารถอยู่กับโห้หลีเฉิน การออกไปหายาก็ถือว่าช่วยโห้หลีเฉินได้จริงๆ”
“จัดการยัดเยียเย้นโน่ให้กับโห้หลีเฉิน…”
กงจืออวีถอนหายใจ “ก็กลัวแค่เสี่ยวหว่านจะโกรธเกลียดฉันนะสิ”
“แต่ฉันเป็นแม่ของเธอ แล้วยังให้เธอใช้ชีวิตทรมานอยู่นอกบ้านตั้งแต่เด็ก ฉันอดทนไม่ได้ที่จะต้องมาเห็นเธอรับกรรม พร้อมทั้งทรมานไปพร้อมกับโห้หลีเฉิน”
“และก็ไม่อยากเห็นเธอ ตอนที่หายามาไม่ได้แล้วต้องสูญเสียโห้หลีเฉินไป จนเกิดอาการหมดอาลัยตายอยาก”
“ฉันยอมให้เกลียดตั้งแต่แรก เพื่อให้เธอได้เลิกกับโห้หลีเฉิน โดยไม่คำนึงถึงเรื่องใดอีกแล้ว”