เย้นหว่านผายมือ “ตอนนี้ฉันโอเคขึ้นเยอะมากแล้ว เมื่อกี๊ด้านนอกพูดคุยกันทำฉันตื่น ฉันจึงนอนไม่หลับแล้ว”
อธิบายได้สมเหตุสมผล
ในขณะที่ทำให้บอดี้การ์ดสี่คนยอมรับ ยังทำให้พวกเขาแอบละอายใจด้วย
พวกเขารับค่าตัวสูงลิ่วมาคุ้มกันเย้นหว่าน แต่กลับทำหน้าที่ขาดตกบกพร่อง ทำให้เธอไม่ได้หลับดีๆ ต่อไปต้องทำหน้าที่ให้ดีกว่านี้ถึงจะได้
เย้นหว่านเห็นพวกเขาไม่ได้เกิดความสงสัย ก็วางใจเดินออกไปแล้ว เพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ก็เจอฉู่ฉู่ที่มาอย่างรีบร้อน
ฉู่ฉู่เห็นเย้นหว่านแล้วโล่งอกไปที
“ยังดีที่ฉันได้ยินความเคลื่อนไหวก็รีบมาหาคุณเลย เกือบจะให้คุณเดินซี้ซั้วอยู่ข้างนอกคนเดียวแล้ว”
เย้นหว่านยิ้มอย่างจนปัญญา
ฉู่ฉู่คือถูกโห้หลีเฉินสั่งการ ช่วงกลางวันของหลายวันมานี้ล้วนอยู่ข้างกายเย้นหว่านอย่างไม่ไปจากไหนสักก้าว เย้นหว่านไปไหนเธอก็ไปด้วย
ปกติเวลานี้เย้นหว่านยังนอนอยู่ ยังไม่ตื่น ฉู่ฉู่ก็เลยจะมาสายหน่อย แต่สถานการณ์ของวันนี้พิเศษ
เย้นหว่านเข้าใจ และจับประเด็นสำคัญจากคำพูดของฉู่ฉู่ได้ เธอถามว่า “เธอได้ยินความเคลื่อนไหวอะไร?”
พูดถึงอันนี้ ดวงตาของฉู่ฉู่เปล่งประกายทันที เธอพูดด้วยความตื่นเต้น “ก็ท่านดยุกมายังไงล่ะคะ พวกเขาจะเตรียมทดสอบในลานบ้านหลักแล้ว ควาทเคลื่อนไหวนี้ใหญ่โตมาก ด้านนอกต่างก็มีผู้คนมากมายทยอยกันเข้ามาดูแล้วค่ะ”
ที่ที่เย้นหว่านพักจะคล้ายๆลานหลังบ้าน เป็นลานบ้านเล็กๆที่ให้แขกพักอาศัย
ข้างๆยังมีลานบ้านใหญ่ลานหนึ่ง เฉพาะลานก็กว้างเหมือนสนามออกกำลังกายแล้ว และเป็นที่ที่ปกติเอาไว้ต้อนรับแขกอย่างเป็นทางการ
สามารถจุคนได้เยอะมาก
เย้นหว่านตกตะลึงอย่างควบคุมไม่ได้ การทดสอบที่โห้หลีเฉินตั้ง ยังเตรียมจะให้คนมากมายขนาดนั้นมุงดู? งั้นจะไม่รู้กันทุกคนเลยเหรอ
ที่ผ่านมา โห้หลีเฉินไม่ชอบคนจับกลุ่มกัน และแสดงให้คนดูอะไรพวกนี้ แต่ตอนนี้เขากลับทำแบบนี้ จะต้องมีสาเหตุอย่างอื่นแน่นอน
โห้หลีเฉินกำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่?
เย้นหว่านยิ่งอยู่ยิ่งแปลกใจ
“ไป พวกเราก็ลองไปดูหน่อย”
ระหว่างเย้นหว่านพูด ก็ได้ดึงฉู่ฉู่เดินไปที่ลานบ้านหลัก
ฉู่ฉู่เองก็แปลกใจจะแย่อยู่แล้ว เธอตอบตกลงทันทีและเดินตามเย้นหว่านไป
บอดี้การ์ดสี่คนเดินตามหลังอย่างเงียบๆ
พวกเขายังแอบถอนหายใจว่ายาของคุณโห้นี่วิเศษจริงๆ เย้นหว่านที่ป่วยหนักมาคืนหนึ่ง ตอนนี้ก็กระปรี้กระเปร่าเหมือนมังกรและเสือที่ผาดโผนแล้ว
ตอนที่เย้นหว่านมาถึงลานบ้านหลัก ที่นั่นมีคนห้อมล้อมมากกว่าร้อยคนแล้ว ที่ประตูยังมีคนทยอยเข้ามาเรื่อยๆ
ดูแล้วคึกคักมาก
ฉู่ฉู่ดึงเย้นหว่านด้วยความตื่นเต้นและอยากเบียดไปยังที่นั่งแถวหน้า แต่กลับถูกเย้นหว่านดึงตัวเอาไว้
“พวกเราไม่เข้าไป”
ฉู่ฉู่ตกใจจนเอ๋อ “ทำไมคะ? คุณมาก็เพื่อตั้งใจมาดูสิ่งนี้ไม่ใช่เหรอคะ?”
เย้นหว่านเม้มปาก สายตาคอยมองดูรอบๆลานบ้าน สุดท้ายได้ลงล็อกที่ชั้นสองของบ้านด้านหลัง เธอพูดว่า “พวกเราไปดูที่นั่นกัน”
ตำแหน่งนั้นสามารถมองลงมาเห็นลานบ้านด้านล่างพอดี และสามารถมองเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นในลานบ้านได้หมด ในขณะเดียวกัน มีแค่หน้าต่างบานเดียว ไม่โผล่หัวออกมาให้เห็นเท่าไหร่ แถมไม่ถูกสังเกตเห็นง่ายๆด้วย
ฉู่ฉู่เข้าใจในทันที “ฉันรู้แล้วค่ะ วันนี้คุณเป็นตัวเอก เดิมทีก็คึกคักมากอยู่แล้ว ถ้าคุณโผล่หน้ามาอีก ผู้คนจะต้องโห่ร้อง เที่ยววิพากษ์วิจารณ์คุณและสร้างปัญหาแน่นอน”
“ถ้าพวกเราดูอยู่ที่ด้านบน ก็จะไม่มีปัญหาพวกนี้แล้ว”
เห็นฉู่ฉู่วิเคราะห์อย่างมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เย้นหว่านยิ้มด้วยมารยาทและไม่เปิดโปงเธอ
เธอไม่พูดหรอกว่า ที่จริงเธอแค่ไม่อยากเผชิญหน้ากับเซอร์ยุนซี ยิ่งไม่อยากให้เซอร์ยุนซีเห็นว่าเธอก็อยู่
ไม่งั้นอาศัยระดับความปัญญาอ่อนของผู้ชายคนนั้นแล้ว ไม่แน่อาจจะเดินมาเป็นห่วงเป็นใยเธอต่อหน้าทุกคนเลย
แค่คิดภาพนั้น เย้นหว่านก็รู้สึกไม่กล้าขัดใจแล้ว
ไม่นานเย้นหว่านกับฉู่ฉู่ก็ขึ้นไปชั้นบนแล้ว บอดี้การ์ดสี่คนได้ยกโต๊ะมาหนึ่งตัวพร้อมเก้าอี้มาสองตัววางอยู่ที่เตียงข้างอย่างว่องไว และยกชากับของว่างมาวางไว้ด้วย
สภาพแวดล้อมสบายจนเหมือนดูการแสดงอยู่บนถนน
เย้นหว่านถือแก้วชาไว้และนั่งมองเหตุการณ์ของด้านล่าง ในใจคิดอย่างควบคุมไม่ได้ว่าถ้ามีเมล็ดทานตะวันอีกสักจานก็ยิ่งเพอร์เฟคเลย
ด้านล่างคึกคักกว่าที่เธอคิดเสียอีก
ผู้คนทยอยกันมา พริบตาเดียวก็จะสองสามร้อยคนแล้ว
ส่วนตรงกลางของลานบ้าน ยังมีเวทีที่ตั้งอยู่บนที่สูงและเตรียมไว้เป็นพิเศษ
ศึกครั้งนี้ ไม่เหมือนการทดสอบ แต่เหมือนการแสดงมากกว่า
เย้นหว่านยิ่งอยู่ยิ่งแปลกใจว่าโห้หลีเฉินกำลังคิดแผนชั่วร้ายอะไรอยู่กันแน่?
หลังจากคนห้อมล้อมรอบๆพอสมควรแล้ว โห้หลีเฉินถึงค่อยๆเดินออกมาจากบ้านอย่างเอื่อยเฉื่อย
เสี้ยววินาทีที่เขาโผล่หน้ามา พริบตาเดียวก็กลายเป็นจุดเด่นของทุกคน บุคลิกที่สูงส่ง ใบหน้าที่หล่อเหลา ทำให้ไม่ว่าชายหรือหญิงก็อดเลื่อมใสไม่ได้
หลังจากผู้คนที่แออัดเห็นเขา ก็ได้เป็นฝ่ายหลีกทางให้เขาเดิน
เย้นหว่านมองจากด้านบนไปด้านล่าง แว็บเดียวก็เห็นผู้ชายที่สะดุดตาอยู่ท่ามกลางผู้คน
ท่าทางที่เธอดื่มชาหยุดชะงักไว้ เพ่งมองเขาไว้ แม้แต่สายตาก็เปลี่ยนมาอ่อนโยนขึ้น
ผู้ชายของเธอ มองยังไงก็หล่อจริงๆ
โห้หลีเฉินเย็นชาเหมือนที่ผ่านมา ถึงเดินอยู่ในหมู่คนก็ไม่เห็นใครในสายตา แต่สายตาของเขา จู่ๆกลับมองมาที่ชั้นบน
เหมือนใจตรงกันยังไงอย่างงั้น เขาได้สบตาเข้ากับเย้นหว่าน
เย้นหว่านเหมือนถูกกระแสไฟโจมตียังไงอย่างงั้น หัวใจของเย้นหว่านสะดุ้งทันที แก้มแดงก่ำเล็กน้อย อดเผยรอยยิ้มที่อ่อนหวานออกมาไม่ได้
แววตาของโห้หลีเฉินมีรอยยิ้มที่ละมุนละไมออกมา
“พี่ดูอะไรอยู่เหรอครับ?”
เซอร์ยุนซีเดินมาจากด้านหลังของโห้หลีเฉิน และมองไปตามสายตาของเขา
เย้นหว่านสังเกตเห็นเซอร์ยุนซี ความหวานชื่นล้วนจางหายไปหมดในพริบตาเดียว เสี้ยววินาทีที่เขามองมา เธอแทบจะหลบไปที่หลังหน้าต่างตามเงื่อนไขทันที
เซอร์ยุนซีแค่แว็บเดียวก็เห็นฉู่ฉู่ที่อยู่นอกหน้าต่าง
เขาอึ้งไปครู่หนึ่ง
จากนั้นก็ได้ยิ้มอย่างเข้าใจแล้ว “ที่แท้ก็กำลังมองฉู่ฉู่อยู่นี่เอง พี่ ที่แท้พี่ชอบฉู่ฉู่เหรอครับ?”
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านที่หลบซ่อนอย่างไว มุมปากมีรอยยิ้มโผล่ขึ้นมาอย่างห้ามใจไม่ได้
จากนั้น เขาก็ไม่ได้สนใจเซอร์ยุนซีอีก ได้ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าต่อ
เซอร์ยุนซีกลับเหมือนได้คว้าคำสั่งให้ผ่านด่านโดยตรงไว้ เขาพูดที่ข้างกายของโห้หลีเฉินอย่างกระดี๊กระด๊า “พี่ ผมจะบอกพี่นะ ถ้าชอบก็ต้องลงมือทันที ฉู่ฉู่เป็นผู้หญิงที่ไม่เลว ถ้าช้าไปจะถูกผู้ชายคนอื่นแย่งไปได้นะ”
“ถ้าพี่ไม่ชินพิธีการสู่ขอของที่นี่ ผมจัดเตรียมให้พี่ได้ รับรองไม่นานพี่ก็สามารถแต่งฉู่ฉู่เข้าบ้านแล้วครับ”
โห้หลีเฉินทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเขา
ราวกับเสียงกระซิบกระซาบของข้างกายไม่ดำรงอยู่ยังไงอย่างงั้น
ความเป็นมิตรไมตรีที่เร่าร้อนดังไฟของเซอร์ยุนซีเหมือนกระโจนไปใส่ภูเขาน้ำแข็ง ทำให้เขาหนาวเย็นเข้าไปในใจ
เขาชักจะกลุ้มใจแล้ว โห้หลีเฉินเป็นคนเรื่องเยอะจริงๆ
ดูท่าแล้ววิธีที่ช่วยเขาสู่ขอยังใช้ไม่ได้ผล เดี๋ยวเขาลองเปลี่ยนมาใช้วิธีมอบผู้หญิงให้โดยตรงดีกว่า
แต่โห้หลีเฉินไม่รู้เลยว่าเซอร์ยุนซีได้คิดหาวิธีสกปรกมากมายมาเอาใจพี่ชายของว่าที่ภรรยาแล้ว โห้หลีเฉินเดินมาที่บนเวทีด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ตรงนั้นมีเก้าอี้วางอยู่ตัวหนึ่ง เขานั่งลงมาอย่างเรียบเฉย
เซอร์ยุนซีที่ตามมาติดๆ มองดูครู่หนึ่งแล้ว ได้แต่ยืนอยู่ที่ตรงหน้าของโห้หลีเฉินอย่างหดหู่